อ่างล้างจาน 1 หลุม vs อ่างล้างจาน 2 หลุม แบบไหนตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่

อ่างล้างจาน 1 หลุม vs อ่างล้างจาน 2 หลุม

สำหรับผู้ที่กำลังตกแต่งห้องครัว คงจะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่า อ่างล้างจานในห้องครัวนั้น จะมีให้เลือก 2 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ อ่างล้างจาน 1 หลุม และอ่างล้างจาน 2 หลุม โดยทั้ง 2 แบบล้วนมีความสวยงาม มีฟังก์ชันในการใช้ และอาจมีราคาที่อาจแตกต่างกันด้วย และเพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้ออ่างล้างจานได้ตอบโจทย์ คุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุด เราจะพาไปดูว่าไลฟ์สไตล์ของครอบครัวคุณ ควรที่จะเลือกซื้ออ่างล้างจานแบบไหนดี

อ่างล้างจาน 1 หลุม 

อ่างล้างจาน หรือ ซิ้งค์ล้างจาน 1 หลุม เป็นอ่างล้างจานที่มักจะเห็นบ่อย ๆ ตามบ้าน หอพักหรือคอนโด ที่ไม่ได้มีพื้นที่ครัวเยอะมาก แต่ความจริงแล้ว อ่างล้างจาน 1 หลุม ก็มีให้เลือกหลายขนาดด้วยกัน มีทั้งอ่างขนาดเล็ก อ่างขนาดใหญ่ และอ่างที่มีความลึกมากเป็นพิเศษ ดังนั้นไม่ว่าจะมีพื้นที่มาก หรือมีพื้นที่น้อย หากคุณชื่นชอบดีไซน์ของอ่างล้างจานแบบ 1 หลุม ก็สามารถเลือกซื้อใช้งานได้

ข้อดีอ่างล้างจาน 1 หลุม 

โดยส่วนมากแล้ว อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม มักที่จะมีขนาดเล็กกว่าอ่างล้างจาน 2 หลุม ดังนั้นอ่างล้างจานประเภทนี้ จึงเป็นอ่างล้างจานที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการประหยัดพื้นที่เป็นหลัก และถ้าหากปกติคุณไม่ได้ทำครัวเป็นประจำ อ่างล้างจาน 1 หลุม ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน

รูปแบบการใช้งานอ่างล้างจาน 1 หลุม 

ในส่วนฟังก์ชันการใช้งานของอ่างล้างจาน 1 หลุม สำหรับผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบเลือกซื้ออ่างล้างจานแบบไหนดี เราก็ต้องขอบอกว่าอ่างล้างจาน 1 หลุม สามารถที่จะใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้สำหรับการล้างวัตถุดิบ หรือใช้สำหรับการทำความสะอาดเครื่องครัว แต่อาจจะต้องเลือกทำให้เสร็จทีละอย่าง เพื่อความสะดวกในการใช้

อ่างล้างจาน 2 หลุม 

อ่างล้านจาน 2 หลุม เป็นอ่างล้างจานที่มักจะเห็นการติดตั้ง ในบ้านที่มีพื้นที่ขนาดกลางไปถึงใหญ่ ซึ่งความใหญ่ ความกว้าง และความลึก ก็สามารถเลือกได้เช่นเดียวกันกับอ่างล้างจาน 1 หลุม หากคุณชื่นชอบการทำครัว และเป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ร่วมกันมากกว่า 1 คนในครัวเรือน อ่างล้างจาน 2 หลุม จะถือว่าตอบโจทย์กับการใช้งานมากทีเดียว

ข้อดีอ่างล้างจาน 2 หลุม 

ด้วยการออกแบบของอ่างล้างจานที่มี 2 หลุม ทำให้อ่างล้างจานประเภทนี้ มีข้อดีตรงที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น หากอีกคนกำลังล้างวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอยู่ อีกคนก็สามารถล้างอุปกรณ์เครื่องครัว ที่อ่างล้างจานอีกหลุมได้นั่นเอง

รูปแบบการใช้งานอ่างล้างจาน 2 หลุม 

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอ่างล้างจาน 2 หลุม สามารถที่จะใช้งานได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะใช้เพื่อล้างวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร หรือใช้ล้างเครื่องครัว ก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอทำทีละอย่าง

อ่างล้างจานแบบไหนที่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่

หากคุณกำลังลังเลว่า ควรเลือกอ่างล้างจานแบบไหนดีที่จะเหมาะกับครอบครัวใหญ่ ทาง Tecnogas คิดว่า สามารถเลือกใช้ได้ทั้งอ่างล้างจาน 1 หลุม และอ่างล้างจาน 2 หลุม เพราะอ่างล้างจานทั้ง 2 แบบ ล้วนมีการดีไซน์ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานอยู่แล้ว แต่หากต้องการความสะดวกสบาย และความรวดเร็วในการใช้งาน สำหรับครอบครัวที่อยู่กันหลายคน หรือครอบครัวใหญ่ แน่นอนว่าการเลือกอ่างล้างจาน 2 หลุม จะตอบโจทย์มากกว่า

สรุปบทความ

สำหรับผู้ที่ลังเลว่าจะต้องเลือกซื้ออ่างล้างจานแบบไหนดี เราอยากให้คำนึงถึงไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นหลัก เช่น ปกติแล้วครอบครัวของคุณ มีการเข้าครัวบ่อยแค่ไหน ที่อยู่อาศัยของคุณมีพื้นที่ในการติดตั้งมากน้อยแค่ไหน เพราะหากคุณเลือกซื้อโดยอิงจากการใช้งานจริง จะทำให้คุณได้อ่างล้างจานที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ากับราคา หากคุณกำลังมองหาอ่างล้างจาน ซิ้งค์ล้างจาน หรือ เครื่องล้างจาน ราคาสมเหตุสมผล คุณภาพดี เพื่อการใช้งานในระยะยาว ที่เว็บไซต์ Tecnogas มีให้เลือกด้วยกันหลายขนาด หลายฟังก์ชัน คุณสามารถเข้ามาเลือกซื้อผ่านทางเว็บไซต์ของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง!!

 ไขข้อสงสัย เครื่องในวัวมีอะไรบ้าง

ไขข้อสงสัย เครื่องในวัวมีอะไรบ้าง

“เครื่องในวัว” เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่มักถูกใช้เป็นโปรตีนหลัก ในการนำมาประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทย หรือเป็นเมนูอาหารฝรั่ง ก็สามารถใช้เครื่องในมาทำได้ เพราะเครื่องในของวัว และสัตว์ต่าง ๆ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อย มีสัมผัสและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว เครื่องในยังมีสารอาหาร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราด้วย ดังนั้นเพื่อให้คุณได้รับสารอาหารทางโภชนาการที่ครบถ้วน มาดูกันว่าเครื่องในวัวมีอะไรบ้างที่คนทั่วโลกนิยมเอามารับประทานกัน

6 เครื่องในวัว ครบเครื่องเรื่องเครื่องใน

หากกล่าวถึงเครื่องในวัวหลายคนอาจรู้จักกันแค่ ตับ หรือ ไส้ เนื่องจากทั้ง 2 ส่วนนี้ เป็นเครื่องในของสัตว์ที่มักเห็นได้บ่อยในอาหารหลายชนิด แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากตับและไส้แล้ว ยังมีเครื่องในวัวส่วนต่าง ๆ รวมถึงเครื่องในสัตว์ชนิดอื่นอีกมาก ที่สามารถรับประทานได้เช่นเดียวกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลยดีกว่าว่าเครื่องในที่ว่านั้นมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง

1. กึ๋น

“กึ๋น” เป็นเครื่องในที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม มีรูปทรงคล้ายวงรี หน้าที่หลักของกึ๋น คือการบดอาหาร เพื่อให้อาหารที่สัตว์รับประทานเข้าไป เล็กพอที่จะย่อยในกระเพาะของสัตว์ได้ โดยส่วนใหญ่มักนิยมนำเอามาหั่นเป็นชิ้น ๆ และนำเอาไปเสียบไม้ย่าง แต่ก็สามารถนำเอามาประกอบอาหารอื่น ๆ เช่น ผัดกะเพรา และยำได้

2. เซี่ยงจี๊

“เซี่ยงจี๊” หรือ “เซ่งจี๊” เป็นอีกหนึ่งชื่อเรียกของไตหมู โดยเซี่ยงจี๊จะเป็นเครื่องใน ที่คนทั่วโลกนิยมนำเอามาประกอบอาหาร เซี่ยงจี๊จะมีลักษณะเป็นทรงรียาว คนไทยส่วนใหญ่มักนิยมนำเอามาทำลวกจิ้ม, ผัดกะเพรา รวมถึงเมนูพริกแกงเผ็ดต่าง ๆ 

3. สามสิบกลีบ ผ้าขี้ริ้ว รังผึ้ง

หากกล่าวถึงเครื่องในวัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสามสิบกลีบ, ผ้าขี้ริ้ว และรังผึ้ง ก็ล้วนเป็นเครื่องในที่หลายคนน่าจะรู้จักคุ้นหน้ากันดี โดยทั้ง 3 อย่างนี้จะเป็นชื่อเรียกของกระเพาะสัตว์ประเภทเคี้ยวเอื้อง อย่างเช่น วัว ถึงแม้ว่าสามสิบกลีบ, ผ้าขี้ริ้ว และรังผึ้ง จะไม่ใช่วัตถุดิบที่มีรสชาติเด่นชัด แต่เครื่องในเหล่านี้มีสัมผัสที่กรุบกรอบ และอร่อยมากทีเดียว 

สามสิบกลีบ ผ้าขี้ริ้ว รังผึ้ง

4. ไส้ตัน

“ไส้ตัน” เป็นเครื่องในที่มีลักษณะเป็นท่อโค้ง ๆ ซึ่งเรามักจะเจอกันบ่อยในเมนูไส้ตันทอดกระเทียม หรือยำไส้ตัน โดยหลาย ๆ คนอาจะเข้าใจว่าไส้ตัน เป็นลำไส้ของหมู แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไส้ตันคือส่วนหนึ่งของรังไข่หมู มีสัมผัสทั้งกรอบและนุ่ม อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก

5. มันกุ้ง

เนื่องจากมีหลายคนเข้าใจผิดกันเยอะมากว่า “มันกุ้ง” คือไขมันของกุ้ง แต่ความจริงแล้วรู้หรือไม่ว่า มันกุ้งที่อยู่บริเวณหัวของกุ้ง คือ “ตับที่รวมกับตัวอ่อนของกุ้ง” ดังนั้นมันกุ้งจึงถูกจัดเป็นหนึ่งในเครื่องในของสัตว์อย่างไม่ต้องสงสัย โดยมันกุ้งจะมีรสชาติมัน ๆ ถึงแม้จะไม่มีพิษที่อันตรายต่อร่างกาย แต่มันกุ้งเป็นส่วนที่มีคอเลสเตอรอลสูงมาก จึงควรรับประทานอย่างพอดี

6. กระเพาะปลา

เครื่องในส่วนสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ ได้แก่ “กระเพาะปลา” อวัยวะของปลาที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นอวัยวะที่ใช้ย่อยอาหาร แต่ความจริงแล้วหน้าที่หลัก ๆ ของกระเพาะปลา คือถุงลมที่ทำให้ระบบหายใจของปลาสามารถทำงานได้ดีขึ้น เป็นอวัยวะที่ช่วยกักเก็บแก๊สไว้ใช้สำหรับการหายใจ โดยราคาของเครื่องในชนิดนี้ จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของปลา และขนาดของกระเพาะ หากยิ่งเป็นปลาหายาก หรือมีขนาดใหญ่ จะยิ่งมีราคาสูง

ประโยชน์ของเครื่องในสัตว์ที่ต้องรู้

อย่างที่เราได้มีการเน้นย้ำอยู่เสมอว่า เครื่องในวัวส่วนต่าง ๆ รวมถึงเครื่องในของสัตว์ชนิดอื่น ๆ เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ โดยสารอาหารที่ว่านั้น ได้แก่

  • วิตามินบี 12
  • โปรตีน
  • โคลีน
  • ธาตุเหล็ก

ซึ่งความมากหรือน้อยของสารอาหาร จะขึ้นอยู่กับว่าเครื่องในที่นำเอามารับประทาน หรือนำเอามาประกอบอาหารนั้น เป็นเครื่องในส่วนไหน และเป็นเครื่องในของสัตว์ชนิดใด

ประโยชน์ของเครื่องในสัตว์ที่ต้องรู้

สรุปบทความ

สำหรับคนที่ไม่เคยรับประทานเครื่องในสัตว์มาก่อน และไม่กล้าที่จะรับประทานเพราะกังวลในเรื่องของความปลอดภัย หลังจากนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเรากล้าการันตีเลยว่าเครื่องในวัว, เครื่องในหมู, เครื่องในไก่ หรือไม่ว่าจะเป็นเครื่องในของสัตว์ชนิดไหนก็ตาม หากมีการล้างทำความสะอาดอย่างดี และมีการปรุงสุกด้วยการใช้ไฟ เตาแก๊ส และ เตาแก๊สแบบตั้งโต๊ะก็สามารถที่จะรับประทานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน!!

ระดับความสุกของเนื้อแต่ละแบบต่าระดับความสุกของเนื้อแต่ละแบบต่างกันอย่างไรงกันอย่างไร

ระดับความสุกของเนื้อแต่ละแบบต่างกันอย่างไร

การ “ย่างเนื้อ” ให้ได้ระดับความสุกของเนื้อตามต้องการ จัดเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เรียกว่าปราบเซียน แต่ถึงแม้ว่าจะยากแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแค่คุณรู้เทคนิค และหมั่นทำการฝึกฝนบ่อย ๆ คุณก็สามารถกลายเป็นเซียนแห่งการย่างเนื้อ ที่ไม่ว่าจะย่างเมื่อไหร่ก็ได้ระดับความสุกเนื้อตามต้องการทุกครั้งได้ หากคุณอยากเป็นเซียนย่างเนื้อ อยากทำเนื้อสเต็กอร่อย ๆ สามารถดูวิธีผ่านบทความนี้ได้เลย

6 ระดับความสุกของเนื้อ เพื่อเพิ่มอรรถรสของการกินสเต็ก

สำหรับคนที่ชอบทานเนื้ออยู่แล้ว คงจะรู้กันดีว่าเนื้อแต่ละระดับความสุก จะมีสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป หลายคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าระดับความสุกของสเต็ก มีทั้งหมด 6 ระดับด้วยกัน ได้แก่ Well Done, Medium Well, Medium, Medium Rare, Rare และ Blue Rare ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปดูวิธีการย่างให้ได้ระดับสเต็กตามต้องการ มาดูกันว่าเนื้อแต่ละระดับต้องย่างอย่างไรบ้าง

1. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Well Done

สำหรับระดับแรก คือความสุกของเนื้อแบบ Well Done หรือเนื้อที่สุกมากที่สุด โดยเชฟส่วนใหญ่จะไม่นิยมให้รับประทานเนื้อในระดับนี้ เนื่องจากเป็นระดับที่เนื้อมีความแห้ง และแข็งกระด้าง แต่หากคุณชอบหรือต้องการย่างเนื้อให้ได้ระดับ Well Done สามารถทำได้โดยการนาบบนกระทะ โดยใช้เวลาในการนาบข้างละประมาณ 9-10 นาที

2. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Medium Well

มาต่อกันที่ระดับความสุกของเนื้อ Medium Well หรือเนื้อที่มีความสุกเกือบจะสุกหมดทั้งชิ้น แต่ตรงกลางยังมีสีชมพูอ่อนบาง ๆ การจะย่างเนื้อให้ได้ในระดับความสุก Medium Well ไม่ว่าจะเลือกใช้ เตาแก๊สอินฟาเรด หรือ เตาแก๊สแบบตั้งโต๊ะ ก็สามารถทำได้โดยการนำเนื้อไปนาบบนกระทะ ข้างละประมาณ 6-8 นาที

3. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Medium

สำหรับระดับความสุกเนื้อแบบ Medium จะเป็นเนื้อที่มีลักษณะด้านในออกสีชมพู ส่วนเนื้อด้านนอกจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเนื้อในระดับนี้ จะยังถือว่ามีความชุ่มฉ่ำอยู่ แต่ด้านนอกอาจมีความเหนียวนิดหน่อย เป็นระดับความสุกที่เหมาะกับการทำสเต็กชิ้นหนา หรือเนื้อที่มีมันแทรกเยอะ หากต้องการย่างเนื้อให้ได้ระดับ Medium สามารถทำได้โดยการนาบเนื้อบนกระทะ ข้างละประมาณ 4-6 นาที

ระดับความสุกของเนื้อแบบ Medium

4. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Medium Rare 

ระดับความสุก Medium Rare นับเป็นระดับความสุกที่คนทานเนื้อส่วนใหญ่ชอบ โดยมีเดียมแรร์แปลว่าเนื้อที่จะสุกเพียงขอบด้านนอก ไล่เข้าไปด้านในประมาณ 50% ของชิ้นเนื้อ ส่วนเนื้อด้านในจะยังคงมีสีแดงอยู่ ระดับความสุกนี้จะทำให้เนื้อมีความหวานมาก หากต้องการย่างให้ได้ระดับ Medium Rare สามารถทำได้โดยการนาบบนกระทะ ข้างละประมาณ 3-4 นาที

5. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Rare 

Rare จะเป็นระดับความสุกของสเต็กที่สุกรองลงมาจาก Medium Rare ซึ่งเนื้อที่มีระดับความสุกนี้ ได้รับความนิยมไม่แพ้ Medium Rare เลย โดยระดับ Rare เนื้อจะมีลักษณะเป็นสีแดงประมาณ 75% หากต้องการย่างสเต็กให้ได้ในระดับ Rare สามารถทำได้โดยการนาบบนกระทะ ข้างละประมาณ 2-3 นาที

ระดับความสุกของเนื้อแบบ Rare

6. ระดับความสุกของเนื้อแบบ Blue Rare

และสุดท้ายกับความสุกระดับสเต็ก Blue Rare ระดับความสุกนี้อาจเป็นระดับความสุกที่คนไทยไม่คุ้นเคย เนื่องจากเป็นระดับความสุกที่คนไทยไม่นิยมรับประทานเท่าไหร่ โดยสเต็กที่มีระดับ Blue Rare จะเป็นสเต็กที่มีสีน้ำตาลแค่บริเวณด้านนอก ส่วนด้านในจะเป็นสีแดงสดทั้งชิ้น สามารถทำได้โดยการนาบบนกระทะ ข้างละประมาณ 30 วินาที ไปจนถึง 1 นาที

สรุปบทความ

วิธีการย่างสเต็กให้ได้ระดับความสุกของเนื้อต่าง ๆ จะมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อแต่ละชิ้นด้วย ดังนั้นการจะย่างเนื้อให้ได้ระดับสเต็กเท่าเดิมทุก ๆ ครั้ง อาจต้องใช้ความชำนาญในการย่าง ต้องฝึกทำบ่อย ๆ หรือหากจะให้ง่ายที่สุด คือการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัด และนอกจากนี้ยังมีเทคนิคเพิ่มเติม อย่างการนำเนื้อออกมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อน ไม่ควรย่างเนื้อทันทีที่นำเอาออกมาจากตู้เย็น หรือตู้แช่แข็งเด็ดขาด!!

ไขข้อสงสัย ต้มไข่ใช้เวลากี่นาที?

ไขข้อสงสัย ต้มไข่ใช้เวลากี่นาที?

การต้มไข่ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ แค่ตั้งน้ำร้อนให้เดือดและใส่ไข่ แต่จริง ๆ แล้วการจะต้มไข่ให้ได้ความสุกในระดับที่ชอบ มีรายละเอียดยิบย่อย จนหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยาก ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์เทคนิคว่าหากอยากได้ไข่ต้ม ในระดับความสุกต่าง ๆ จะต้องต้มไข่กี่นาที รับรองว่าบทความนี้ จะทำให้ต่อไปหลังจากนี้ คุณจะสามารถต้มไข่ได้ความสุก ตามแบบที่ชอบทุกครั้งอย่างแน่นอน

แชร์เทคนิคไข่แต่ละประเภทต้มกี่นาที 

ก่อนที่จะไปดูกันว่า เทคนิคการต้มไข่แต่ละแบบ ให้ได้ระดับความสุกที่พอดิบพอดี จะต้องต้มไข่ไก่กี่นาที คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าหากอยากจับเวลาต้มไข่ คุณจะต้องใส่ไข่ลงไปต้มในตอนที่น้ำเดือด และจับเวลาหลังจากใส่ไข่ลงไปเท่านั้น หากที่ผ่านมาคุณเปิด เตาแก๊ส ตั้งน้ำ แล้วใส่ไข่ทันทีก่อนที่น้ำจะเดือด เราบอกเลยว่าวิธีนี้ต่อให้จับเวลาเป๊ะแค่ไหน คุณก็จะไม่ได้ไข่ในระดับความสุกที่พอดีแน่นอน เพราะฉะนั้น อย่าใส่ไข่ทันที และต้องไม่เริ่มจับเวลาทันทีที่เปิด เตาแก๊สแบบตั้งโต๊ะ เด็ดขาด เมื่อรู้วิธีที่ถูกต้องแล้ว ต่อไปก็มาดูเวลาที่เหมาะสมของการต้มไข่แต่ละแบบกันเลย

แชร์เทคนิคไข่แต่ละประเภทต้มกี่นาที

1. เทคนิคต้มไข่ออนเซ็น

วิธีทำไข่ต้มออนเซ็น จะแตกต่างไปจากวิธีการต้มไข่ในระดับความสุกอื่น ๆ ตรงที่ การต้มไข่ออนเซ็นจะต้องตั้งน้ำร้อนให้เดือดจัดเป็นเวลา 6 นาที เมื่อครบ 6 นาทีแล้ว หลังจากนั้นให้ทำการปิดไฟ และนำไข่ลงไปต้มในน้ำร้อน 15 นาที หลังจากนั้นให้นำไข่ลงไปแช่ในน้ำเย็น

2. เทคนิคไข่ต้มสุก

หากอยากต้มไข่ให้สุกทั้งใบ สุกทั้งไข่ขาวและไข่แดง สามารถทำได้โดยการตั้งน้ำให้เดือด ใส่ไข่ลงไป และจับเวลาในการต้มประมาณ 8-10 นาที

3. เทคนิคไข่ต้มเกือบสุก

สำหรับคนที่ชอบไข่เกือบสุก หรือชอบไข่ที่มีลักษณะไข่ขาวเริ่มแข็ง แต่ไข่แดงสุกแค่บริเวณรอบนอก เวลาต้มไข่ที่ถูกต้อง คือต้องรอให้น้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วให้ใส่ไข่ลงไปต้ม และจับเวลาในการต้มประมาณ 6 นาที เมื่อครบ 6 นาทีแล้ว ให้นำไข่มาแช่ในน้ำเย็นทันที เพื่อป้องกันการสุกเพิ่ม

4. เทคนิคไข่ยางมะตูม

มาต่อกันที่ไข่ยางมะตูม ที่เป็นระดับความสุกที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ หากอยากต้มไข่ยางมะตูม ที่มีลักษณะไข่ขาวสุก แต่ไข่แดงด้านในยังเป็นน้ำเหลว สามารถทำได้โดยการจับเวลาต้มไข่ให้อยู่ที่ 5-7 นาที เมื่อครบเวลาแล้ว ให้นำไข่ลงไปแช่ในน้ำเย็น

5. เทคนิคต้มไข่ลวก

ไข่ลวก เป็นระดับความสุกที่ดูเหมือนจะง่าย แต่จริง ๆ แล้วยากที่สุด เพราะความสุกของไข่ลวกที่ถูกต้อง คือไข่ขาวต้องเริ่มที่จะสุกแต่ไม่สุกทั้งหมด ส่วนไข่แดงด้านในจะต้องยังดิบอยู่ ซึ่งการต้มไข่ลวกให้ได้ความสุกที่พอดี จะต้องใช้เวลาประมาณ 1-3 นาทีเท่านั้น และน้ำที่ต้ม จะต้องเป็นน้ำที่เดือดจัด

ปอกไข่ต้มยังไงให้ง่ายได้ทันใจ

หากอยากปอกไข่ง่าย ๆ หลังจากที่ได้มีจับเวลา และต้มไข่ตามเวลาที่กำหนดเอาไว้แล้ว เราแนะนำให้นำไข่ไปแช่ในน้ำเย็นจัด เพราะน้ำเย็นนอกจากจะช่วยทำให้ไข่ไม่สุกมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ไข่ปอกง่ายมากขึ้น แต่หากอยากเพิ่มความง่ายให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เราขอแนะนำให้คุณนำเกลือใส่ลงไปในน้ำเย็น ที่ใช้สำหรับการแช่ไข่ด้วย

ปอกไข่ต้มยังไงให้ง่ายได้ทันใจ

สรุปบทความ

ทั้งหมดนี้ คือเทคนิคการจับเวลาเพื่อต้มไข่ ให้ได้ไข่ต้มในระดับความสุกต่าง ๆ ตามต้องการ เมื่อคุณผู้อ่านเดินทางมาถึงบทสรุปส่งท้าย คงจะรู้แล้วว่าไข่ต้มต้มกี่นาที วิธีต้มที่ถูกต้องจะต้องจับเวลาในการต้มตอนไหน รวมถึงรู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรให้ไข่ต้มสามารถปอกเปลือกได้ง่ายมากที่สุด และถ้าหากคุณผู้อ่านชอบบทความแนวนี้ นอกจากเทคนิคการต้มไข่ที่เรานำเอามาฝาก บนเว็บไซต์ Tecnogas ของเรา ยังมีเทคนิคเกี่ยวกับการทำครัว และการทำอาหารอีกมากมาย หากคุณสนใจเกี่ยวกับเรื่องงานครัว คุณสามารถเข้าไปอ่านเทคนิคเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ของเราได้ รับรองเลยว่าทุกเทคนิคที่เรารวบรวมมา ล้วนเป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ และสามารถทำตามได้จริง 100%

ทำความสะอาดพื้นห้องครัวอย่างไรให้สะอาดทุกตารางนิ้ว

ทำความสะอาดพื้นห้องครัวอย่างไรให้สะอาดทุกตารางนิ้ว

“พื้นห้องครัว” เป็นบริเวณพื้นที่ ที่ขึ้นชื่อว่าทำความสะอาดได้ยากมากที่สุด สำหรับบ้านไหนที่มีการเข้าครัวทำอาหาร คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า “พื้นครัว” เป็นบริเวณที่ไม่ว่าจะทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน หรือใช้เวลากับการทำความสะอาดนานแค่ไหน ก็มักจะมีความมัน ความลื่น และมีคราบสกปรกต่าง ๆ ฝังอยู่เสมอ และถ้าหากบ้านของคุณ กำลังเจอกับปัญหาพื้นครัวทำความสะอาดยาก นี่คือบทความดี ๆ ที่คุณไม่ควรเลื่อนผ่านเด็ดขาด

7 วิธีทำความสะอาดพื้นห้องครัวให้สะอาดไร้คราบมัน

อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า คราบมัน คราบสกปรก ที่เกิดจากการทำอาหาร หากติดอยู่ตามพื้นของ ห้องครัว แล้ว การทำความสะอาดให้คราบเหล่านี้หายไป หรือทำให้สะอาดเอี่ยมหมดจด ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพราะถ้าหากคุณรู้วิธี ไม่ว่าคุณจะทำอาหารบ่อยแค่ไหน น้ำมันจะกระเด็นหรือกระจายมากเท่าไหร่ พื้นครัวของคุณก็สามารถที่จะไร้คราบมันกวนใจได้ ซึ่งวันนี้เรามี 7 วิธีทำความสะอาดพื้นครัว นำเอามาฝากกัน ส่วนจะมีวิธีไหนบ้างไปดูเลย

1. ใช้น้ำส้มสายชู

วิธีทำความสะอาดพื้นห้องครัว วิธีแรก คือการใช้ “น้ำส้มสายชู” โดยคุณสามารถทำได้ด้วยการนำน้ำส้มสายชู มาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 2 : 1 จากนั้นให้นำน้ำที่ผสมนี้ไปใช้ถูก หรือเช็ดตามบริเวณต่าง ๆ ของห้องครัว เพียงเท่านี้ก็สามารถลดคราบมันได้แล้ว

2. ใช้ผงซักฟอก

หากต้องการขจัดคราบมัน ที่เกิดขึ้นจากการทำอาหาร สามารถใช้ “ผงซักฟอก” นำมาผสมกับน้ำ เช็ด และถูตามบริเวณต่าง ๆ ของห้องครัวได้ โดยทริคเพิ่มเติม ของการใช้ผงซักฟอกเพื่อขจัดคราบมัน คือแนะนำให้นำผงซักฟอกไปผสมกับน้ำอุ่น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขจัดคราบมันได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

3. ใช้น้ำร้อน

“น้ำร้อน” ก็สามารถนำเอามาใช้ขจัดคราบมันตามพื้นห้องครัว และตาม เครื่องครัวยุโรป ได้เช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถทำได้ด้วยการนำผ้า หรือฟองน้ำ ไปชุบน้ำร้อน บีบน้ำหมาด ๆ และเช็ดตามบริเวณที่ต้องการได้เลย แต่วิธีนี้จะเหมาะกับการขจัดคราบมันที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน และจะไม่เหมาะสำหรับคราบฝังแน่นสักเท่าไหร่

ใช้น้ำร้อน

4. ใช้เกลือ

“เกลือ” เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ติดบ้าน ที่สามารถนำเอามาใช้ขจัดคราบมัน คราบสกปรก ตามบริเวณต่าง ๆ รวมถึงผนังห้องครัวได้ โดยวิธีการทำนั้นง่ายแสนง่าย เพียงแค่คุณนำเกลือไปโรยลงบนคราบน้ำมัน ทิ้งไว้สักพัก จากนั้นให้นำสารละลายบอแรกซ์ หรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ไปเช็ดทำความสะอาด เพียงเท่านี้ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

5. ใช้เบกกิ้งโซดา

สำหรับบ้านไหนที่มี “เบกกิ้งโซดา” ติดบ้านเอาไว้ ก็สามารถนำเบกกิ้งโซดามาผสมน้ำ และนำน้ำที่ได้ไปถูพื้นห้องครัว หรือเช็ดตามบริเวณต่าง ๆ ที่เกิดคราบมันภายในห้องครัวได้เลย นอกจากนี้เบกกิ้งโซดายังสามารถนำเอามาใช้เพื่อล้างท่อของซิงค์ล้างจานได้อีกด้วย

6. ใช้มะนาว

“มะนาว” นอกจากจะใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารได้แล้ว หากนำมาผสมกับเบกกิ้งโซดา และนำเอาไปเช็ดลงบนคราบสกปรก หรือคราบมันตามพื้น และบริเวณอื่น ๆ ของห้องครัว คราบมันที่ติดอยู่จะหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน แต่หากคุณไม่มีเบกกิ้งโซดา มีเพียงแค่มะนาวอย่างเดียว คุณก็สามารถฝานมะนาวบาง ๆ และนำเอาไปถูตรงบริเวณคราบสกปรกโดยตรง และเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าได้เช่นกัน

7. ใช้ทรายแมว

หากบ้านไหนเลี้ยงแมว และมี “ทรายแมว” ติดบ้านเอาไว้อยู่แล้ว สามารถนำทรายแมวมาเป็นตัวช่วย ในการขจัดคราบมันบนพื้นห้องครัวได้ เพียงแค่คุณเททรายแมวทิ้งไว้ที่พื้นของห้องครัว 1 วัน เพียงเท่านี้พื้นก็ไร้คราบมัน และที่สำคัญ นี่เป็นวิธีขจัดคราบมันที่ไม่ทำลายพื้นกระเบื้อง

ใช้ทรายแมว

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 วิธีทำความสะอาดพื้นห้องครัวที่ Tecnogas นำเอามาฝากกันในวันนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย และหากคุณชื่นชอบบทความดี ๆ ที่มีประโยชน์ หรืออยากได้ทริค เทคนิคเพิ่มเติม สามารถเข้ามาอ่านบทความอื่น ๆ บนเว็บไซต์ของเราได้ รับรองว่าเว็บไซต์ของเราจะทำให้เรื่องของห้องครัว เป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับคุณแน่นอน!!

เช็กด่วน เครื่องครัวไทยที่ขาดไม่ได้ในห้องครัว

เช็กด่วนเครื่องครัวไทยที่ขาดไม่ได้ในห้องครัว

อย่างที่เรารู้กันว่า “อาหารไทย” เป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะในเรื่องของรสชาติ หรือในเรื่องของหน้าตา ซึ่งกรรมวิธีในการทำอาหารไทย ก็ค่อนข้างที่จะมีความซับซ้อนกว่าอาหารประเทศอื่นมากทีเดียว หากคุณกำลังมีความคิดจะเริ่มต้นทำอาหารเพื่อรับประทานเอง หรืออยากที่จะทำอาหารไทยขาย การมีเครื่องครัวไทยเตรียมไว้ให้พร้อม จะทำให้การทำอาหารไทยของคุณง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

7 เครื่องครัวไทย ของสำคัญในห้องครัว

อย่างที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า อาหารไทยของเราเป็นอาหารที่มีความซับซ้อนในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นวันนี้เพื่อให้คุณทำอาหารไทยได้รสชาติแบบไทยแท้ กลิ่นเครื่องแกงถูกต้องตามแบบฉบับอย่างที่ควรจะเป็น มาดูกันว่า 7 เครื่องครัวไทยที่ต้องมีติดเอาไว้ นอกจาก เตาแก๊ส แล้วยังต้องมีอะไรอีกบ้าง

1. กระทะ

หากเทียบกับอาหารฝรั่งที่ต้องมี เตาอบ แล้ว การทำอาหารไทย อุปกรณ์ที่จะขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็คือ “กระทะ” เนื่องจากกระทะ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะใช้สำหรับการผัด การทอด หรือแม้แต่การต้ม หรือนึ่ง ก็สามารถใช้กระทะทำได้เช่นกัน ดังนั้นการมีกระทะติดเอาไว้ จะทำให้คุณสามารถทำอาหารได้แทบจะทุกเมนู

2. เขียง

“เขียง” เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้สำหรับการหั่นหรือสับวัตถุดิบ ไม่ว่าจะใช้สำหรับการหั่นเนื้อสัตว์ สับเนื้อสัตว์ รวมถึงผัก และเครื่องเทศต่าง ๆ การมีเขียงติดเอาไว้ จะทำให้คุณสามารถเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารได้ง่าย และสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม 

3. มีดอีโต้

แน่นอนว่า “มีดอีโต้” เป็นมีดที่หลายคนอาจจะมองข้าม และคิดเสมอว่าเป็นเครื่องครัวไทย ที่อาจจะไม่จำเป็นเท่ามีดขนาดเล็ก แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว การมีมีดอีโต้ดี ๆ สักหนึ่งเล่ม ถือว่าสะดวก และคุ้มค่ากว่าการมีมีดเล่มเล็กหลาย ๆ เล่มเสียอีก เพราะมีดอีโต้สามารถที่จะใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะใช้หั่นผัก หั่นเนื้อสัตว์ หรือแม้แต่การสับ ก็สามารถใช้มีดอีโต้เล่มเดียวได้เลย

ครกและสาก

4. ครกและสาก

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารไทยแล้ว นอกจากรสชาติต้องถึง กลิ่นก็เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด และอย่างที่เรารู้กันว่าอาหารไทย มักจะมีการใช้สมุนไพรต่าง ๆ มีการใช้เครื่องเทศ และมีการใช้พริก เอามาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร การตำด้วยครกและสาก แทนการใช้เครื่องปั่น จะทำให้วัตถุดิบเหล่านี้ละเอียด อีกทั้งยังช่วยดึงน้ำมันหอมระเหยจากวัตถุดิบ ออกมาได้ดีอีกด้วย

5. หวดนึ่งข้าวเหนียว

“หวดนึ่งข้าวเหนียว” เราขอนับเป็นอีกหนึ่งเครื่องครัวไทยที่อาจจะต้องมีติดครัวเอาไว้ โดยเฉพาะหากครอบครัวไหน ชอบการรับประทานข้าวเหนียว ไม่ว่าจะรับประทานกับอาหารคาว อย่างเช่น ส้มตำ, หมูย่าง, เนื้อย่าง หรือชื่นชอบการทำขนมหวาน ที่มีข้าวเหนียวเป็นส่วนประกอบ หวดนึ่งข้าวเหนียวน่าจะเป็นอุปกรณ์ครัวที่ได้หยิบใช้บ่อย ๆ แน่นอน

6. หม้อนึ่ง

“หม้อนึ่ง” เป็นอุปกรณ์ครัวที่สามารถนำเอามาประกอบอาหารได้หลายเมนู ยกตัวอย่างเมนูอาหารคาว เช่น ปลานึ่งซีอิ๊ว, ปลานึ่งมะนาว, ห่อหมก หรือเมนูของหวาน ขนมไทยหลาย ๆ เมนู ก็จำเป็นต้องใช้กรรมวิธีการนึ่งด้วยกันทั้งนั้น หม้อนึ่งจึงเป็นอุปกรณ์ที่เราขอแนะนำว่าควรมีติดห้องครัวเอาไว้

7. หม้อทองเหลือง

เครื่องครัวไทยสุดท้าย อย่าง “หม้อทองเหลือง” เป็นอุปกรณ์ครัวที่เหมาะกับการทำขนมไทยมากที่สุด หากครอบครัวของคุณ ชอบทำขนม หรือชื่นชอบการรับประทานขนม หม้อทองเหลืองเป็นหม้อที่ตอบโจทย์ และจัดเป็นอุปกรณ์ที่มีความคุ้มค่าอย่างมากทีเดียว

หม้อทองเหลือง

สรุปบทความ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องครัวได้มาตรฐาน และอยากได้เครื่องครัวที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่พังง่าย สวย มีความทันสมัย สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในการแต่งครัวได้ เราขอแนะนำให้เข้ามาเลือกชมเครื่องครัวนำเข้าผ่านทางเว็บไซต์ Tecnogas ที่นี่มีอุปกรณ์ครัว เตาแก๊ส เตาอบ อ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และมีอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ห้องครัวอื่น ๆ ให้เลือกเพียบ รับรองว่าที่ Tecnogas เว็บเดียว มีครบ จบทุกการทำครัว!!

 ออกแบบห้องครัวง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่มือใหม่ก็ทำได้

ออกแบบห้องครัวง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่มือใหม่ก็ทำได้

หากคุณหลงใหลกับการตกแต่งบ้าน และกำลังอยากตกแต่งห้องครัว แต่ไม่อยากเสียเงินให้กับอินทีเรีย นี่คือบทความที่จะช่วยทำให้คุณออกแบบห้องครัวได้ด้วยตัวเอง รับรองว่าวันนี้คุณจะได้ห้องครัวใหม่ที่สวยถูกใจ แถมยังเหมาะสมกับการใช้งานจริง ต่อให้คุณจะไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ได้เรียนออกแบบมา คุณก็สามารถที่จะออกแบบ และตกแต่งห้องครัวได้ด้วยตัวเองแน่นอน

9 โปรแกรมสำหรับการออกแบบห้องครัว

สำหรับการออกแบบห้องครัวในวันนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับโปรแกรมออกแบบ ห้องครัว ที่จะช่วยทำให้คุณสามารถเห็นภาพได้ชัดแบบ 3D ซึ่งข้อดีของการออกแบบด้วยโปรแกรม จะทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินให้กับนักออกแบบ อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถออกแบบตามความชื่นชอบของตัวเองได้ 100% นอกจากนี้ยังทำให้คุณเห็นภาพโดยรวม ก่อนที่จะเริ่มลงมือรีโนเวทห้องครัวจริงด้วย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทั้ง 9 โปรแกรมออกแบบที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง

9 โปรแกรมสำหรับการออกแบบห้องครัว

1. Planner 5D

โปรแกรม “Planner 5D” เป็นโปรแกรมแรกที่เราขอหยิบมาแนะนำ โดยข้อดีของโปรแกรมนี้ คือผู้ใช้งานสามารถที่จะตกแต่ง และออกแบบบ้าน ห้องครัว รวมถึงห้องต่าง ๆ โซนต่าง ๆ ภายในได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งโปรแกรมนี้ยังสามารถที่จะใช้ฟังก์ชันออกแบบพื้นที่แลนด์สเคป รวมถึงออกแบบสระว่ายน้ำได้ด้วย

2. Ikea Home Planner Tools

“Ikea Home Planner Tools” เป็นโปรแกรมที่คุณสามารถออกแบบห้องครัว รวมถึงบริเวณห้องอื่น ๆ ภายในบ้าน แบบที่ไม่ต้องคิดจินตนาการภาพไปเอง เพราะโปรแกรมนี้ คุณสามารถที่จะหยิบเอาเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่มีขายจริงใน Ikea มาออกแบบได้เลย และนั่นยังเป็นข้อดีที่ทำให้คุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ

3. Homestyler

สำหรับโปรแกรม “Homestyler” จะเป็นโปรแกรมที่รู้จักกันดีในกลุ่มของนักออกแบบ และผู้ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องการตกแต่งภายใน โดยโปรแกรมนี้สามารถใช้ออกแบบได้ทั้งบ้าน คอนโด มีฟังก์ชันต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับมือใหม่

4. Sweet Home 3D

ด้านในของ “Sweet Home 3D” จะมีห้องต่าง ๆ เอาไว้เป็นตัวอย่าง ให้แก่ผู้ที่เริ่มต้นออกแบบ โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะทำการเคลื่อนย้าย รวมถึงทำการปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ได้ตามต้องการ ทางโปรแกรมจะมีการแสดงผลทั้งแบบ 2D และแบบ 3D และที่สำคัญมีภาษาให้เลือกใช้งานมากถึง 23 ภาษาเลยทีเดียว

5. HomeByMe

มาต่อกันที่โปรแกรมออกแบบห้องครัว “HomeByMe” ที่ผู้ใช้งานสามารถออกแบบแพตเทิร์นห้องต่าง ๆ ได้ตามชอบ โดยด้านในโปรแกรมจะมีเครื่องมือให้เลือกใช้หลากหลาย อีกทั้งยังมีต้นไม้, สระว่ายน้ำ, อิฐสำหรับปูทางเดิน และของตกแต่งต่าง ๆ ให้เลือกวาง แสดงผลได้ทั้งแบบ 2D และแบบ 3D

6. SmartDraw

หากคุณเป็นมือใหม่ และอยากเริ่มต้นออกแบบบ้าน ออกแบบห้องครัวด้วยตัวเอง “SmartDraw” เป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับแผนภูมินำเสนองาน รูปแบบต่าง ๆ ได้ด้วย

7. The Home Renovator

สำหรับ “The Home Renovator” จะเป็นโปรแกรมที่ทำให้คุณสามารถออกแบบความคิด ออกมาเป็นรูปร่างได้แบบง่าย ๆ ในโปรแกรมนอกจากจะมีฟังก์ชันการออกแบบแล้ว ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยคำนวณในเรื่องของความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฉนวน, สี, กระเบื้อง คุณสามารถดูราคาเพื่อนำเอาไปต่อรองกับช่าง ผู้รับเหมาได้ด้วย

8. Armstrong Flooring

โปรแกรม “Armstrong Flooring” เป็นโปรแกรมที่นอกจากจะทำให้คุณสามารถออกแบบได้ง่ายแล้ว ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รวบรวมสิ่งของที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ของตกแต่ง, เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ เอามารวมไว้ที่เดียว ทำให้คุณสามารถที่จะซื้อของได้ตรงกับความชอบได้แบบจริง ๆ

9. Roomstyler 

สุดท้ายกับโปรแกรม “Roomstyler” โปรแกรมออกแบบที่คุณสามารถทำการอัปโหลดรูปภาพจากสถานที่จริง มาใช้เพื่อการออกแบบได้ ดังนั้นการออกแบบด้วยโปรแกรมนี้ จะทำให้คุณออกแบบอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และใกล้เคียงกับความจริงได้มากที่สุด 

3D จาก Tecnogas แหล่งรวม 3D ที่คนออกแบบต้องรู้

เมื่อเริ่มคิดจะออกแบบแล้ว 3D MODEL ของ TECNOGAS เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราอยากแนะนำให้คุณรู้จัก เพราะที่นี่คือแหล่งรวมอุปกรณ์ เครื่องครัวยุโรป จาก Tecnogas ที่จะช่วยให้การออกแบบเป็นเรื่องที่ง่าย คุณจะสามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเครื่องครัวต่าง ๆ สามารถที่จะทำการดาวน์โหลดได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ประโยชน์ของ 3D จาก Tecnogas

สำหรับใครที่เคยทำการออกแบบบ้าน คอนโด หรือออกแบบห้องต่าง ๆ มาบ้างแล้ว ก็คงจะทราบกันดีว่าอุปสรรคที่เจอบ่อยที่สุดของการออกแบบ คือการที่ออกแบบมาแล้ว ไม่สามารถที่จะนำเอาแบบนั้นไปใช้ได้จริง 100% เนื่องจากบางครั้งเราไม่สามารถที่จะหาของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องครัวได้ตรงกับแบบเป๊ะ ๆ แต่หากเราทำการดาวน์โหลดเครื่องครัว จาก Tecnogas มาใช้ตั้งแต่แรก เราจะได้ความสมจริง เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้น สามารถที่จะหาซื้อได้จากเว็บไซต์ Tecnogas นั่นเอง

ประโยชน์ของ 3D จาก Tecnogas

สรุปบทความ

ก็จบลงไปแล้วกับโปรแกรมออกแบบห้องครัวที่เราได้รวบรวมมาฝากกันในวันนี้ เราเชื่อว่าเมื่อคุณผู้อ่านเดินทางมาถึงบทสรุปส่งท้ายของบทความนี้ คุณผู้อ่านคงจะได้มีการทดลองดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้กับการออกแบบกันบ้างแล้ว และสำหรับคุณผู้อ่านท่านไหน ที่กำลังมองหาเครื่องครัวนำเข้าที่ได้มาตรฐาน ดีไซน์สวยงามทันสมัย สามารถเข้าไปชมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา รับรองไม่ผิดหวัง!!

แจกสูตรเมนูวันแม่ บอกรักแม่ด้วยเมนูแห่งความอร่อย

แจกสูตรเมนูวันแม่ บอกรักแม่ด้วยเมนูแห่งความอร่อย

สำหรับวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากครอบครัวไหนมีแพลนที่จะจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ร่วมกันที่บ้าน ทำอาหารรับประทานกันเองง่าย ๆ แต่อร่อย เรามีเมนูวันแม่พร้อมสูตรอาหารมาฝาก โดยคุณสามารถนำเอาสูตรอาหารที่ว่านี้ไปทำให้คุณแม่รับประทาน หรือจะช่วยกันทำอาหารร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าเดิมก็ยังได้

10 สูตรเมนูอาหารวันแม่ มีอะไรบ้าง

1. ข้าวคลุกกะปิ

ข้าวคลุกกะปิ

วัตถุดิบสำหรับทำข้าวคลุกกะปิเมนูวันแม่

  • ข้าวสวย
  • กะปิ
  • กระเทียม
  • หมูสามชั้น
  • หอมแดง
  • น้ำตาลปี๊บ
  • ซีอิ๊วขาว
  • ซีอิ๊วดำ
  • เครื่องเคียง เช่น ไข่ม้วน, กุนเชียง, กุ้งแห้งทอด, พริกทอด, แตงกวา, มะม่วงเปรี้ยว เป็นต้น

วิธีทำ

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยกระเทียม (โขลกหรือสับ) เจียวให้มีกลิ่นหอม ใส่กะปิลงไป ผัดให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำเปล่า
  2. เมื่อกะปิหอมได้ที่แล้ว ให้เอาขึ้นมาพักไว้ก่อน
  3. นำข้าวสวยใส่ลงไปในกระทะที่ผัดกะปิ แล้วค่อย ๆ ใส่กะปิลงไปคลุกให้เข้ากัน
  4. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไป และตามด้วยหอมแดง
  5. เมื่อผัดหอมแดงจนสุกดีแล้ว ให้ใส่หมูสามชั้นลงไปผัดให้เข้ากัน
  6. ปรุงรสชาติหมูสามชั้นด้วยซีอิ๊วขาว, ซีอิ๊วดำ และน้ำตาลปี๊บ เคี่ยวต่อจนได้ที่
  7. จัดจานข้าวคลุกกะปิ พร้อมหมูหวาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงตามชอบ

2. ขนมจีนน้ำยากะทิ

ขนมจีนน้ำยากะทิ

วัตถุดิบสำหรับทำขนมจีนน้ำยากะทิเมนูวันแม่

  • พริกแกงเผ็ด
  • ปลาทูน่า 
  • กระชาย 
  • กะทิ 
  • น้ำ 
  • น้ำตาลมะพร้าว
  • น้ำปลา
  • ลูกชิ้นปลา
  • พริกแห้ง
  • ถั่วงอก
  • ถั่วฝักยาว

วิธีทำ

  1. ล้างกระชาย ปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้นหยาบ ๆ
  2. นำพริกแกง ไปปั่นกับทูน่า และกระชายที่เตรียมไว้
  3. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่กะทิลงไป ตามด้วยส่วนผสมของเครื่องแกง ผัดให้เข้ากัน
  4. ใส่กะทิทั้งหมดตามลงไป คนให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่า ใส่ลูกชิ้นลงไป และปรุงรสตามชอบ
  5. นำผักที่เตรียมไว้มาลวก และน็อคด้วยน้ำเย็น
  6. จัดขนมจีนใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

3. ปลากะพงทอดน้ำปลา

ปลากะพงทอดน้ำปลา

วัตถุดิบสำหรับทำปลากะพงทอดน้ำปลาเมนูวันแม่

  • ปลากะพงขาว 
  • น้ำตาลปี๊บ  
  • น้ำปลาแท้  
  • น้ำเปล่า  
  • น้ำมะนาว  
  • มะม่วง
  • หอมแดง 
  • ขึ้นฉ่าย
  • พริกแดงจินดา และพริกขี้หนู 
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์

วิธีทำ

  1. นำปลากะพงมาล้างให้สะอาด และซับด้วยกระดาษทิชชู่ให้แห้ง
  2. ตั้งน้ำมันให้ร้อนจัด ใส่ปลาลงไปทอด (อย่าเพิ่งกลับจนกว่าเนื้อฝั่งแรกจะสุกแล้วประมาณหนึ่ง) เมื่อปลาสุกดีแล้วทั้ง 2 ฝั่งให้ตักขึ้นมาพัก สะเด็ดน้ำมัน
  3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำเปล่าลงไป
  4. เมื่อเคี่ยวน้ำปลาได้ที่แล้ว ให้นำเอาไปราดบนปลากะพง
  5. เตรียมน้ำยำ โดยใช้น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, น้ำมะนาว และพริกซอย คนให้เข้ากัน
  6. ขูดมะม่วงเปรี้ยวที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในน้ำยำ ตามด้วยหอมแดง และโรยด้วยเม็ดมะม่วงถือเป็นอันเสร็จ

4. ต้มข่าไก่

ต้มข่าไก่

วัตถุดิบสำหรับทำต้มข่าไก่เมนูวันแม่

  • สะโพกไก่
  • เห็ดนางฟ้า 
  • ข่า 
  • ตะไคร้ 
  • หอมแดง 
  • พริกแดงจินดา 
  • ใบมะกรูด 
  • ผักชีฝรั่ง 
  • ผักชีไทย
  • พริกแห้ง 
  • หัวกะทิ 
  • น้ำ 
  • มะขามเปียก 
  • น้ำมะนาว 
  • น้ำตาลปี๊บ
  • น้ำปลา 

วิธีทำ

  1. นำสะโพกไก่ และเห็ดนางฟ้ามาทำความสะอาด พร้อมหั่นเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
  2. หั่นข่า, ตะไคร้, ผักชีฝรั่ง และผักชี รวมถึงนำหอมแดง และพริกแดงมาบุบให้พอแตก
  3. นำพริกแห้งไปคั่วบนกระทะ (ระวังอย่าให้ไหม้)
  4. ตั้งหม้อเทน้ำเปล่าใส่ลงไป เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่มะขามเปียก, ตะไคร้, ข่า, หอมแดง, ใบมะกรูด และรอจนน้ำเดือดอีกครั้ง
  5. ใส่ไก่ลงไปโดยที่ไม่ต้องคน
  6. ใส่เห็ดนางฟ้าลงไป รอสักพักให้ใส่หัวกะทิ คนและปรุงรสชาติได้ตามชอบ
  7. เร่งไฟและเติมหัวกะทิลงไปอีกเล็กน้อย ใส่ใบมะกรูด, พริกแดง, พริกคั่ว, ผักชีฝรั่ง, ผักชีไทย คนและปิดไฟได้เลย
  8. ใส่น้ำมะนาวลงไปปิดท้าย คนอีกครั้ง ตักเสิร์ฟได้

5. ต้มยำทะเล

ต้มยำทะเล

วัตถุดิบสำหรับทำต้มยำทะเลเมนูวันแม่

  • เนื้อสัตว์ตามชอบ
  • เห็ดฟาง 
  • ข่า 
  • ตะไคร้ 
  • หอมแดง 
  • ผักชีไทย 
  • ผักชีฝรั่ง 
  • ใบมะกรูด 
  • รากผักชี 
  • พริกแดงจินดา หรือพริกขี้หนูสวน 
  • น้ำ 
  • เกลือ 
  • น้ำปลา 
  • น้ำมะนาว

วิธีทำ

  1. นำเนื้อสัตว์ และวัตถุดิบต่าง ๆ มาล้างทำความสะอาดบน ซิ้งค์ล้างจาน
  2. โขลกหรือปั่นพริกเตรียมเอาไว้ 
  3. นำหม้อมาตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นให้ใส่เครื่องต้มยำลงไป
  4. ใส่เนื้อสัตว์ลงไป โดยเรียงลำดับจากเนื้อสัตว์ที่สุกยากที่สุดก่อน
  5. ใส่เห็ดฟางลงไป
  6. ปรุงรสให้ได้รสชาติที่ชอบ (ยังไม่ต้องใส่พริก)
  7. ใส่ผักชีไทย และผักชีฝรั่งลงไป
  8. ปิดไฟ ใส่พริกลงไปในขั้นตอนสุดท้าย พร้อมเสิร์ฟ

6. กุ้งอบวุ้นเส้น

กุ้งอบวุ้นเส้น

วัตถุดิบสำหรับทำกุ้งอบวุ้นเส้นเมนูวันแม่

  • กุ้งก้ามกราม 
  • หมูสามชั้น
  • วุ้นเส้น 
  • ต้นหอม
  • ขึ้นฉ่าย
  • ขิงแก่
  • กระเทียม
  • รากผักชี
  • พริกไทยป่น
  • น้ำเปล่า
  • ซอสหอยนางรม
  • ซีอิ๊วขาว
  • ซีอิ๊วดำ
  • น้ำมันงา 
  • น้ำตาลทราย

วิธีทำ

  1. เตรียมส่วนผสมเครื่องปรุงซอส โดยใช้น้ำเปล่า, ซอสหอยนางรม, ซีอิ๊วขาว, ซีอิ๊วดำ, น้ำมันงา และน้ำตาลทราย มาผสมให้เข้ากัน
  2. นำกุ้งที่ล้างสะอาด และวุ้นเส้น ลงไปคลุกกับซอสที่เตรียมเอาไว้
  3. นำกระทะมาตั้งไฟ ใส่หมูสามชั้นลงไปผัด
  4. เมื่อน้ำมันจากหมูสามชั้นออกมาแล้ว ให้นำกระเทียม, รากผักชี, ขิงแก่ ลงไปผัดให้หอม
  5. ใส่วุ้นเส้นลงไปบนกระทะ โดยวางบนหมูสามชั้น พร้อมใส่กุ้งไว้ที่ด้านบน และนำเอาฝามาปิดเพื่อทำการอบ
  6. คอยหมั่นเปิดและคนสลับบนลงล่าง เพื่อไม่ให้วุ้นเส้นไหม้ติดกระทะ
  7. เมื่อวุ้นเส้นสุก กุ้งสุก และน้ำซอสแห้งดีแล้ว ให้ทำการปิดไฟ ก่อนจะใส่ต้นหอม และขึ้นฉ่ายลงไป เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ

7. น้ำพริกกะปิ

น้ำพริกกะปิ

วัตถุดิบสำหรับทำน้ำพริกกะปิเมนูวันแม่

  • กะปิ 
  • กระเทียม 
  • พริกขี้หนู 
  • พริกแดงจินดา 
  • มะเขือพวง 
  • น้ำตาลปี๊บ 
  • น้ำมะนาว 
  • น้ำปลา 

วิธีทำ

  1. นำกะปิมาห่อด้วยใบตอง และย่างบนเตาถ่าน หรือจะย่างด้วยกระทะบน เตาแก๊สอินฟาเรด ก็ได้
  2. นำพริกขี้หนู, พริกแดงจินดา และกระเทียมมาตำให้ละเอียด
  3. ใส่กะปิที่ย่างไว้ไปในครก ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ และตำให้ส่วนผสมเข้ากัน
  4. ใส่มะเขือพวงลงไป และตำบุบ ๆ ให้พอแตก
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว ชิมให้ได้รสชาติตามต้องการ

8. ราดหน้าเส้นไข่

ราดหน้าเส้นไข่

วัตถุดิบสำหรับทำราดหน้าเส้นไข่เมนูวันแม่

  • ไข่ไก่
  • น้ำมันพืช
  • กระเทียมสับ
  • หมูหมัก
  • แครอท 
  • ข้าวโพดอ่อน
  • คะน้า 
  • เต้าเจี้ยว 
  • น้ำตาลทราย
  • พริกไทยป่น 
  • ซอยหอยนางรม
  • ซอสปรุงรส 
  • แป้งข้าวโพด 
  • น้ำซุป 

วิธีทำ

  1. ตอกไข่ใส่ชาม และตีให้ไข่ขาวกับไข่แดงเข้ากัน
  2. นำไข่ไปทอดบนกระทะให้มีลักษณะคล้ายกับแป้งบาง ๆ ก่อนจะเอาขึ้นมาหั่นเป็นเส้น
  3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป ตามด้วยกระเทียมเอาลงไปผัดให้หอม
  4. ใส่หมูหมักลงไปผัดให้สุก เติมน้ำซุป ตามด้วยเต้าเจี้ยว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย, ซอยหอยนางรม และพริกไทยป่น
  5. ใส่คะน้า, แครอท และข้าวโพดอ่อนลงไปผัดให้สุก
  6. นำแป้งข้าวโพดมาละลายน้ำ และค่อย ๆ เทลงไปผสมกับน้ำราดน้ำทีละนิด จนได้ความข้นตามที่ต้องการ
  7. จัดเส้นใส่จาน ราดด้วยน้ำราดหน้า พร้อมเสิร์ฟ

9. วุ้นกะทิ

วุ้นกะทิ

วัตถุดิบสำหรับทำวุ้นกะทิเมนูวันแม่

  • ผงวุ้น
  • กะทิ 
  • น้ำเปล่า
  • น้ำตาล
  • เกลือป่น
  • น้ำตาล
  • สีผสมอาหารตามใจชอบ
  • แม่พิมพ์ซิลิโคนตามใจชอบ

วิธีทำ

  1. นำน้ำเปล่ากับผงวุ้นมาผสมให้เข้ากัน เมื่อผงวุ้นละลายจนเริ่มอิ่มตัวแล้ว ให้นำเอาไปตั้งไฟ
  2. คอยคนผงวุ้นตลอด ไม่ให้ติดกันเป็นก้อน เมื่อผงวุ้นเริ่มเดือด ให้หรี่ไฟลง และเติมน้ำกะทิลงไป
  3. คนผงวุ้นกับน้ำกะทิให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือป่น เมื่อละลายดีแล้ว ให้ปิดเตา
  4. นำผงวุ้นเทใส่ถ้วยเล็กหลาย ๆ ถ้วย ตามจำนวนสีที่ต้องการ หยดสีผสมอาหารลงไป และคนให้สีเข้ากัน
  5. นำวุ้นลงไปเทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมเอาไว้ อาจจะเป็นลายดอกไม้ก็ได้ให้ดูน่ารัก เมื่อวุ้นเซตดีแล้ว ให้หยอดกะทิลงไปปิดท้าย
  6. นำวุ้นไปแช่เย็น และแกะออกจากพิมพ์พร้อมเสิร์ฟ

10. บัวลอยดอกไม้

บัวลอยดอกไม้

วัตถุดิบสำหรับทำบัวลอยดอกไม้เมนูวันแม่

  • แป้งข้าวเหนียว
  • แป้งมันสำปะหลัง
  • มันม่วงสุก
  • น้ำเปล่า 
  • ฟักทองสุกหั่นชิ้น 
  • กะทิ 
  • น้ำตาลโตนด 
  • น้ำตาลทราย
  • เกลือ 
  • ใบเตย 

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับแป้งมันสำปะหลัง และมันม่วงสุกหั่นชิ้น จากนั้นใช้มือนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เทน้ำเปล่าใส่ลงไปทีละน้อย
  2. นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับแป้งมันสำปะหลัง และฟักทองสุกหั่นชิ้น จากนั้นใช้มือนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เทน้ำเปล่าใส่ลงไปทีละน้อย
  3. นำบัวลอยมันม่วง และบัวลอยฟักทอง ที่นวดเตรียมเอาไว้มาปั้นให้มีลักษณะเป็นก้อนกลม จากนั้นนำเอามาติดกันให้เป็นรูปทรงดอกไม้
  4. ตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นใส่บัวลอยรูปทรงดอกไม้ลงไปต้ม เมื่อแป้งบัวลอยสุกแล้วให้ตักขึ้นมาพักเอาไว้ก่อน
  5. นำกะทิขึ้นไปตั้งไฟ จากนั้นให้ใส่น้ำตาลโตนด, น้ำตาลทราย, เกลือ และใบเตยลงไปต้ม
  6. เมื่อส่วนผสมของน้ำกะทิเข้ากันดีแล้ว ให้ตักเสิร์ฟคู่กับบัวลอยได้เลย

สรุปบทความ

การทำอาหารกับครอบครัว หรือการทำอาหารกับคุณแม่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอบโจทย์อย่างมาก ในช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากคุณยังไม่มีแพลนที่จะไปเที่ยวไหน แต่อยากสร้างความทรงจำสุดพิเศษร่วมกันกับคุณแม่ ลองเลือกสักเมนูสองเมนูที่ถูกใจ นำเอาเสนอคุณแม่ รับรองว่าท่านจะประทับใจไปอีกนาน

เมนูขายดี ทำกินเองง่าย ๆ และน่าทำขายมีอะไรบ้าง

เมนูขายดี ทำกินเองง่าย ๆ และน่าทำขายมีอะไรบ้าง

หากคุณกำลังมีความรู้สึกอยากจะเปิดร้านขายของกิน แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเมนูอะไรขายดี วันนี้เรามีเมนูขายดีที่สามารถทำได้ง่าย นำเอามาเป็นแนวทางให้กับคุณ ซึ่งทุกเมนู ทุกสูตร ที่เรานำเอามาฝากในวันนี้ เรากล้าการันตีเลยว่าอร่อย ไม่ว่าจะเอาไปทำขาย หรือเอาไปทำกินเฉย ๆ ก็บอกเลยว่ายกนิ้วแน่นอน

แจกสูตร 10 เมนูขายดี ทำกินอร่อย ทำขายสร้างอาชีพ

อย่างที่เราได้มีการเกริ่นไปในตอนต้นแล้ว ว่าวันนี้เราได้นำเอาเมนูขายดีมาเป็นแนวทางให้กับคุณ โดยทั้ง 10 เมนูที่เรานำเอามาฝากในวันนี้ เป็นเมนูที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรเยอะ ต่อให้จะมีเพียงแค่ เตาแก๊สแบบตั้งโต๊ะ และกระทะ ก็สามารถที่จะทำตามได้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทั้ง 10 เมนูที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง

1. เอ็นข้อไก่ทอด

เอ็นข้อไก่ทอด

วัตถุดิบเมนูขายดีเอ็นข้อไก่ทอด

  • เอ็นข้อไก่
  • แป้งทอดกรอบ 
  • ใบมะกรูด 
  • น้ำปลา 
  • น้ำเปล่า 
  • น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. นำเอ็นข้อไก่มาหมักกับน้ำปลา
  2. ใส่แป้งทอดกรอบ และน้ำเปล่า ลงไปคลุกกับเอ็นข้อไก่ที่หมักไว้
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป
  4. เอาไก่ลงไปทอดในกระทะ เมื่อไก่ใกล้สุกให้ใส่ใบมะกรูดลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มความหอม 

2. ข้าวยำไก่แซ่บ

ข้าวยำไก่แซ่บ

วัตถุดิบเมนูขายดีข้าวยำไก่แซ่บ

  • สะโพกไก่ (เลาะกระดูกออก) 
  • แป้งทอดกรอบ 
  • เกลือ 
  • ซีอี๊วขาว 
  • น้ำมันพืช 
  • พริกป่น 
  • ข้าวคั่ว 
  • น้ำตาลปี๊บ 
  • น้ำมะนาว 
  • น้ำปลา 
  • หอมแดงซอย 
  • ผักชีซอย 
  • ต้นหอมซอย 
  • ผักชีฝรั่งซอย 
  • น้ำเปล่า 

วิธีทำ

  1. นำไก่ไปหมักกับซีอิ๊วขาว, เกลือ และน้ำมันพืช 
  2. ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเปล่า
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป และนำเอาไก่ที่หมักเอาไว้ลงไปชุบกับแป้ง ทอดให้มีสีเหลืองกรอบ
  4. เตรียมน้ำยำโดยการใช้น้ำตาลปี๊บ, น้ำมะนาว และน้ำปลามาคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่พริกป่นกับข้าวคั่วลงไป โรยด้วยหอมแดงซอย, ผักชีซอย, ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย
  5. หั่นไก่ให้เป็นชิ้นพอดีคำ ก่อนเอาไปคลุกในน้ำยำที่เตรียมไว้
  6. ตักเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ

3. ไก่วิงแซ่บ

ไก่วิงแซ่บ

วัตถุดิบเมนูขายดีไก่วิงแซ่บ

  • ปีกไก่บน 
  • น้ำตาลทราย 
  • เกลือ 
  • กระเทียมป่น 
  • พริกไทย 
  • แป้งทอดกรอบ 
  • แป้งสาลี 
  • นมสดรสจืด
  • ไข่ไก่ 
  • ข้าวคั่ว 
  • ผงวิงแซ่บ 
  • น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. นำไก่มาหมักกับน้ำตาลทราย, เกลือ, พริกไทยป่น, กระเทียมป่น
  2. ใช้ซ้อมจิ้มให้ทั่วชิ้นไก่
  3. เตรียมแป้งสาลี มาผสมกับแป้งทอดกรอบ (สามารถใช้วิธีการร่อนรวมกันได้)
  4. นำนมสดกับไข่ไก่ มาผสมให้เข้ากัน
  5. ตั้งกระทะให้ร้อน และใส่น้ำมันพืชลงไป
  6. นำไก่ที่เตรียมไว้มาคลุกกับแป้ง เขย่าแป้งส่วนเกินออก นำเอาไปชุบกับนม และไปชุบกับแป้งอีกครั้ง
  7. นำไก่ที่คลุกส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ลงไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองทอง
  8. นำผงปรุงรสวิงแซ่บมาผสมกับข้าวคั่ว และนำเอาไปเขย่ารวมกับไก่ที่ทอดเตรียมไว้ ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

4. หมูกระจก

หมูกระจก

วัตถุดิบเมนูขายดีหมูกระจก

  • มันหมูแข็งติดหนัง
  • แป้งชุบทอดปรุงรสสำเร็จ
  • น้ำเย็นจัด
  • น้ำมันพืช

วิธีทำ

  1. นำมันหมูมาสไลด์บาง และหั่นให้ได้ชิ้นพอดีคำ
  2. นำแป้งทอดกรอบมาผสมกับน้ำเปล่า
  3. นำหมูลงไปคลุกกับแป้งที่ผสมเอาไว้
  4. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไป
  5. นำหมูลงไปทอด คอยคนเรื่อย ๆ จนหนังหมูฟู
  6. เมื่อสุกแล้ว ให้ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟคู่ข้าวเหนียวร้อน ๆ 

5. กุยช่ายทอด

กุยช่ายทอด

วัตถุดิบเมนูขายดีกุยช่ายทอด

  • ใบกุยช่าย 
  • แป้งข้าวเจ้า 
  • แป้งมัน 
  • น้ำเปล่า 
  • เบกกิ้งโซดา
  • กระเทียมสับหยาบ 
  • เกลือ 
  • น้ำจิ้มกุยช่าย

วิธีทำ

  1. หั่นใบกุยช่ายให้เป็นท่อนเล็ก ๆ แล้วนำเอาไปผึ่งสะเด็ดน้ำ
  2. เจียวกระเทียมให้หอม ใส่ใบกุยช่ายที่เตรียมไว้ เบกกิ้งโซดา ปรุงรสด้วยเกลือ
  3. ผัดไปเรื่อย ๆ จนใบกุยช่ายนิ่ม
  4. ผสมแป้งมัน, แป้งข้าวเจ้า และน้ำเปล่าให้เข้ากัน ก่อนจะนำเอาใบกุยช่ายผัดไปผสม
  5. ตักใส่ถาดแล้วนำเอาไปนึ่งให้สุก ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดี
  6. นำกุยช่ายลงไปทอดให้มีสีเหลืองกรอบ
  7. ราดน้ำจิ้มถือเป็นอันเสร็จสิ้น

6. สลัดโรล

สลัดโรล

วัตถุดิบเมนูขายดีสลัดโรล

  • เนื้อสัตว์ที่ต้องการ เช่น แฮม, ปูอัด และกุ้ง (ทุกอย่างต้องสุก)
  • ผักสลัดกรีนโอ๊ก, เรดโอ๊ก, แตงกวา, แครอท
  • แผ่นเปาะเปี๊ยะญวน
  • น้ำสลัดสูตรต่าง ๆ ตามชอบ

วิธีทำ

  1. นำเอาแผ่นเปาะเปี๊ยะญวนมาชุบน้ำให้นิ่ม
  2. วางผักสลัดต่าง ๆ ลงไปบนแผ่นเปาะเปี๊ยะญวน
  3. นำเอาเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
  4. ม้วนแผ่นเปาะเปี๊ยะญวนให้สวยงาม ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

7. หมูสามชั้นทอด

หมูสามชั้นทอด

วัตถุดิบเมนูขายดีหมูสามชั้นทอด

  • หมูสามชั้น
  • น้ำปลา
  • น้ำตาล
  • ผงปรุงรสหมู
  • แป้งทอดกรอบ
  • น้ำเปล่า

วิธีทำ

  1. หั่นหมูสามชั้นให้มีขนาดพอดี
  2. นำหมูมาหมักกับน้ำปลา, น้ำตาล, ผงปรุงรสหมู
  3. เตรียมแป้งทอดกรอบ ผสมกับน้ำเปล่า นำหมูลงไปชุบแป้ง
  4. นำหมูที่หมักแล้วลงไปทอดให้เหลือง ขายคู่กับขาวสวย หรือข้าวเหนียวก็ได้

8. ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

วัตถุดิบเมนูขายดีก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

  • กุ้งขาว
  • ผักกาดหอม 
  • ใบโหระพา
  • ใบสะระแหน่
  • แครอท
  • แตงร้าน
  • ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แบบไม่ตัด 
  • น้ำจิ้มไก่ หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด

วิธีทำ

  1. นำกุ้งขาวมาต้ม และปอกเปลือกออกให้หมด
  2. เอาแผ่นก๋วยเตี๋ยวมาตัดแบ่ง
  3. นำผักต่าง ๆ มาเรียงบนแผ่นก๋วยเตี๋ยว
  4. ใส่กุ้งที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว ลงบนผัก
  5. ห่อเส้นก๋วยเตี๋ยวให้มีลักษณะเป็นม้วนพอดีคำ

9. ยำขนมจีน

ยำขนมจีน

วัตถุดิบเมนูขายดียำขนมจีน

  • ขนมจีน
  • ปลาทูทอดแกะเนื้อ 
  • ถั่วฝักยาวซอย 
  • ต้นหอมซอย 
  • พริกขี้หนูซอย 
  • น้ำปลาร้าต้มสุก 
  • น้ำมะนาว 
  • น้ำตาลปี๊บ 
  • น้ำปลา 
  • พริกป่น

วิธีทำ

  1. นำน้ำตาลปี๊บมาละลายกับน้ำปลาร้าที่เตรียมไว้ 
  2. ใส่พริกป่น, พริกขี้หนูซอย, น้ำปลา, น้ำมะนาว ปรุงให้ได้รสชาติที่ชอบ
  3. ใส่ขนมจีน , ถั่วฝักยาวซอย ต้นหอมซอย และเนื้อปลาทูลงไปคลุก ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

10. หม่าล่า

หม่าล่า

วัตถุดิบเมนูขายดีหม่าล่า

  • พริกฮวาเจียว
  • พริกไทยดำ 
  • พริกขี้หนูแห้ง
  • พริกป่น 
  • ยี่หร่าป่น
  • กระเทียม
  • ขิง
  • ผงพะโล้ 
  • ซีอิ๊วขาว 
  • น้ำมันมะกอก 
  • ซอสฮอยซิน
  • น้ำตาลทรายแดง
  • เนื้อสัตว์ และผักต่าง ๆ ตามชอบ

วิธีทำ

  1. นำเนื้อสัตว์ และผักต่าง ๆ ที่เตรียมไว้มาเสียบไม้
  2. นำพริกขี้หนูแห้ง, พริกป่น, พริกฮวาเจียว, พริกไทยดำ, กระเทียม ขิง และผงพะโล้ มาตำรวมกันให้ละเอียด
  3. นำส่วนผสมที่ตำรวมกัน ไปผสมกับซอสฮอยซิน, ซีอิ๊วขาว, น้ำมันมะกอก และน้ำตาลทราย
  4. ในขั้นตอนการย่าง ให้เอาซอสที่ผสมเอาไว้ ไปทากับเนื้อสัตว์ และผักให้ทั่ว

สรุปบทความ

สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่มีแพลนจะเปิดขายอาหาร สามารถนำเอาสูตรข้างต้นไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม ในส่วนของรสชาติและเครื่องปรุง ส่วนผสม สามารถทำการปรับเปลี่ยนได้เองตามความชื่นชอบ แต่อย่าลืมเลือกใช้อุปกรณ์ เตาแก๊ส ที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย หากคุณไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อที่ไหน สามารถเข้ามาเลือกซื้อผ่านทางเว็บไซต์ Tecnogas ของเราได้ 24 ชั่วโมง!!

แจกสูตรเด็ดผัดกะเพราหมูสับ สูตรร้านดัง รับรองว่าเด็ด

แจกสูตรเด็ดผัดกะเพราหมูสับ สูตรร้านดัง

เมนู “กะเพราหมูสับ” เป็นเมนูยอดฮิตสุดโปรดของคนไทยหลาย ๆ คน เชื่อเถอะว่าหากมีการเก็บสถิติยอดขาย จากร้านอาหารทั่วประเทศไทย เราคิดว่า “ผัดกะเพราหมูสับ” คงจะเป็นเมนูที่มียอดขายอันดับ 1 อย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าเมนูกะเพราหมูจะเป็นเมนูที่คนไทยทุกคนรู้จัก หรือเป็นเมนูที่คนไทยทุกคนรับประทานบ่อยแค่ไหน ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำเป็น ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากจะมาแจกสูตรเด็ด วิธีทำผัดกะเพราหมูสับง่าย ๆ หากใครชอบเมนูนี้แต่ทำไม่เป็น สามารถทำตามสูตรนี้ได้เลย

ประโยชน์กะเพราที่คุณต้องรู้

ประโยชน์กะเพราที่คุณต้องรู้

“กะเพรา” นอกจากจะเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีความสำคัญ ยังถือเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากทีเดียว เนื่องจากกะเพราจัดเป็นพืชผักพื้นบ้าน ที่มีสรรพคุณในด้านของการรักษาโรค หากรับประทานกะเพรา จะสามารถช่วยป้องกันหวัด, บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน, ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร, แก้จุกเสียด แน่นท้อง, ช่วยลดระดับไขมันในร่างกาย, ลดน้ำตาลในเส้นเลือก, ป้องกันเบาหวาน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี เพราะเหตุนี้จึงทำให้ “กะเพรา” เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่คนไทย มักนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารในหลาย ๆ เมนูนั่นเอง

เลือกหมูสับสำหรับเมนูกะเพราอย่างไร

ก่อนที่จะไปดูสูตรกะเพราหมูสับที่เรานำเอามาฝาก รู้หรือไม่ว่าการเลือก “หมูสับ” ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน หากคุณอยากให้ผัดกะเพราหมูสับที่ใช้ เตาแก๊สอินฟาเรด หรือใช้อุปกรณ์ทำครัวอะไรก็ตาม ทำออกมาแล้วอร่อย จะต้องเริ่มจากการเลือกหมูสับที่มีคุณภาพ สังเกตเลือกหมูสับที่มีสีชมพูธรรมชาติ ไม่เขียว ไม่คล้ำ และสีของหมูสับจะต้องไม่ซีดมากจนเกินไป ในส่วนมันหมูที่ผสมอยู่ก็จะต้องเป็นสีขาว ไม่ใช่สีเหลือง เพราะนั่นอาจแสดงว่าหมูสับเหล่านั้น ไม่สด และไม่สะอาด

วัตถุดิบเมนูผัดกะเพราหมูสับมีอะไรบ้าง

  • พริกขี้หนู
  • กระเทียม
  • หมูสับ หรือหมูบด
  • ใบกะเพรา
  • น้ำมันพืช
  • น้ำปลา
  • ซอสหอยนางรม
  • ซอสปรุงรส
  • น้ำตาลทราย

วิธีทำผัดกะเพราหมูสับ

  1. นำพริกและกระเทียมมาโขลกหยาบรวมกัน หรือจะนำเอาไปปั่นหยาบก็ได้ตามความถนัด
  2. นำกระทะมาตั้งไฟ เมื่อกระทะร้อนแล้วให้ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย
  3. นำพริกและกระเทียมที่เตรียมเอาไว้ ลงไปผัดในน้ำมันให้มีกลิ่นหอม
  4. ใส่หมูสับลงไปผัด ให้หมูสับอยู่ในระดับเกือบสุก
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, ซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายตามชอบ
  6. เมื่อผัดให้ส่วนผสมและเครื่องปรุงเข้ากันดีแล้ว ให้เพิ่มระดับไฟและใส่ใบกะเพราลงไปผัดให้เข้ากัน เท่านี้ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

แชร์เคล็ดลับการทำผัดกะเพราหมูสับให้อร่อย

ในการทำผัดกะเพราหมูไม่ว่าจะเป็นหมูสับ หรือหมูชิ้นก็ตาม หากต้องการให้เมนูที่ทำนี้ออกมามีรสชาติอร่อย มีทริคอยู่ที่ขั้นตอนการเตรียมพริก และกระเทียม เราขอแนะนำให้เลือกใช้วิธีการโขลกโดยใช้ครกตำหยาบ ๆ จะทำให้รส และกลิ่นที่ได้ดีกว่าการใช้เครื่องปั่น รวมถึงในขั้นตอนการผัด หลายคนอาจเคยชินกับการนำหมูสับลงไปผัดกับน้ำมันก่อน แต่จากการทดลองทำหลาย ๆ ครั้ง เราค้นพบว่าการผัดพริกกับกระเทียมให้มีกลิ่นหอม ก่อนที่จะเอาหมูสับลงไปผัด ทำให้เมนูกะเพราหมูอร่อยกว่าเดิมหลายเท่า นี่เป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ ในการทำที่เรากล้าการันตีเลยว่า คุณจะได้กะเพราที่อร่อยขึ้นอย่างแน่นอน

แชร์เคล็ดลับการทำผัดกะเพราหมูสับให้อร่อย

สรุปบทความ

ก็จบลงไปแล้วกับวิธีทำผัดกะเพราหมูสับง่าย ๆ ที่เรานำเอามาฝากกันในวันนี้ สำหรับใครที่จะนำเอาสูตรข้างต้นไปทำตาม ไม่ว่าจะทำเพื่อรับประทานเอง หรือนำเอาไปทำเพื่อเปิดร้านขาย อย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพ และความสะอาดของวัตถุดิบที่เลือกใช้ อย่าลืมล้างทำความสะอาดวัตถุดิบ อย่าง พริก, กระเทียม และใบกะเพราที่ ซิ้งค์ล้างจาน ก่อนนำเอามาประกอบอาหารทุกครั้ง รับรองว่ากะเพราที่ได้จะเป็นกะเพราที่มีรสชาติอร่อยถูกใจ สะอาด และปลอดภัย 100% 

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310