อากาศร้อน ๆ แบบนี้ อาจทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัวและหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ แต่การรับประทานอาหารอร่อย หรือขนมหวาน ๆ หอมเย็นชื่นใจ จะสามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลงอีกด้วย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอาหารเมนูไหนดี Tesnogas มี 6 อาหารคลายร้อน รสชาติอร่อย หวาน ๆ เย็น ๆ กินแล้วสดชื่น ที่สำคัญยังทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากมาฝาก!
รวม 6 อาหารคลายร้อน หวานอร่อยเย็นชื่นใจ
ใครที่สายขนม ไม่ว่าจะไทย หรือเทศ จะต้องชื่นชอบกับเมนูอาหารหน้าร้อนที่เรานำมาฝากแน่นอน แต่ไม่ต้องกลัวว่าขนมเหล่านี้จะมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก เพราะสูตรอาหารช่วยคลายร้อนที่เราคัดสรรมา ทำตามได้ง่าย ๆ แถมยังรสชาติอร่อยเหมือนไปกินที่ร้าน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
1.วุ้นผลไม้ไข่มุก
เมนูแรกที่เราจะแนะนำก็คือ “วุ้นผลไม้ไข่มุก” ขนมทานเล่นที่มีหน้าตาที่สวยงาม รสชาติหวานเย็นสดชื่น ช่วยคลายร้อนได้ดีมาก ๆ โดยจะเป็นการเอาวุ้นมาทำเป็นไข่มุกมีไส้ผลไม้ตรงกลาง ราดด้วยน้ำเชื่อมสีสวย ใครที่เป็นสายวุ้นเลิฟเวอร์ต้องไม่พลาดเมนูนี้
ส่วนผสมของวุ้นไข่มุก
- วุ้นทำขนม หากใช้วุ้นชนิดเส้น ใช้ ½ ถ้วย หากใช้ผงวุ้น ใช้ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย
- ผลไม้หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แนะนำให้เลือกผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สีสันหลากสี เช่น ส้ม กีวี่ สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี หรือราสเบอร์รี่ เพื่อความสวยงาม
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
- น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
- น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
- น้ำใบเตยคั้นเล็กน้อย หรือน้ำอัญชันคั้น หรือสีผสมอาหารอื่น ๆ ก็ได้
- น้ำแข็งป่นสำหรับเสิร์ฟ
วิธีทำวุ้นผลไม้ไข่มุก
- ต้มวุ้นกับน้ำเดือดจนละลายหมด หากเป็นวุ้นชนิดเส้นให้แช่น้ำจนนิ่มและบีบให้แห้งก่อนนำมาต้ม
- เมื่อวุ้นละลายหมดแล้วให้ใส่น้ำตาลทรายลงไป และต้มต่อจนน้ำตาลละลายจนหมด และน้ำเป็นสีใส นำไปพักจนเหลือแค่ระดับอุ่น ๆ
- ใส่ผลไม้ลงไปในพิมพ์น้ำแข็งทรงลูกแก้ว เทวุ้นใส่ลงไปให้เต็ม แล้วปิดให้สนิท ทิ้งไว้จนเย็นดีแล้ว นำไปแช่เย็นจนวุ้นแข็งตัวดี
- ในระหว่างที่รอวุ้นผลไม้แข็งตัว ให้ทำน้ำเชื่อม โดยการต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลละลายจนหมด และพักไว้จนเกือบเย็น ในขั้นตอนนี้สามารถเพิ่มสีสันของน้ำเชื่อมด้วยน้ำใบเตยคั้น หรือสีผสมอาหารก็ได้
- นำวุ้นผลไม้ไข่มุกใส่จาน ราดด้วยน้ำเชื่อมสีสวย และโรยน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น เป็นอันเสร็จ
2.เต้าฮวยมะพร้าวอ่อน
เอาใจคนที่ชอบกินเนื้อเต้าฮวยนุ่ม ๆ ละมุนลิ้น กินเมื่อไรก็ไม่มีเบื่อกับเมนูเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน ที่มีการนำเนื้อและน้ำมะพร้าวอ่อนหอม ๆ มาช่วยชูรสเต้าฮวยมากยิ่งขึ้น ใครที่อยากกินแล้ว รีบจดสูตร แล้วไปทำตามกันเลย
ส่วนผสมเนื้อเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน
- ผงวุ้น 1 ช้อนช้า
- น้ำมะพร้าวอ่อน 330 มิลลิลิตร
- น้ำเปล่า 420 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 95 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 65 กรัม หรือ 1 ลูก
- ครีมเมอร์ 135 กรัม
ส่วนผสมน้ำราดเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน
- น้ำมะพร้าวอ่อน 330 มิลลิลิตร
- น้ำเปล่า 420 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 95 กรัม
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 65 กรัม หรือ 1 ลูก
- ครีมเมอร์ 135 กรัม
วิธีทำเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน
- ใส่น้ำเปล่า น้ำมะพร้าว และเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปในหม้อ ตั้งไฟต้มจนเดือด หลังจากนั้นให้เติมผงวุ้นและน้ำตาลทราย คนเรื่อย ๆ จะส่วนผสมเข้ากันดี แล้วตั้งให้เดือดอีกรอบ ปิดเตา และพักไว้
- เมื่ออุณหภูมิร้อนลงเล็กน้อย ให้ใส่ครีมเมอร์ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
- ตักเต้าฮวยที่ทำเสร็จแล้วใส่ภาชนะที่ชอบครึ่งหนึ่ง แล้วนำไปแช่ตู้เย็นจนเซ็ตตัวดี
- ทำน้ำราดเต้าฮวย โดยการนำน้ำมะพร้าว น้ำเปล่า และเนื้อมะพร้าวไปต้มให้เดือด หลังจากนั้นให้เติมน้ำตาลลงไป คนจนละลาย ปิดไฟ และพักไว้
- ใส่ครีมเมอร์ลงไป คนให้เข้ากัน และพักไว้จนเย็นสนิท
- นำเต้าฮวยที่เซ็ตตัวแล้วออกมา ราดด้วยน้ำราด แล้วเสิร์ฟได้เลย
3.สละลอยแก้ว
“ลอยแก้ว” เป็นขนมไทยสุดคลาสสิคที่มีมาตั้งแต่บริเวณ ด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำลอยดอกมะลิหอม ๆ รับประทานคู่กับผลไม้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ไม่ว่าใครที่ได้ชิมก็ล้วนชื่นชอบ โดยเมนูลอยแก้วที่เราจะมาแนะนำก็คือ “สละลอยแก้ว”
ส่วนผสมของสละลอยแก้ว
- ดอกมะลิ 15 – 20 ดอก
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 5 ถ้วย (สามารถปรับระดับความหวานตามชอบได้)
- เกลือสมุทร 1 ช้อนชา (สำหรับใส่น้ำเชื่อม)
- สละ 1 กิโลกรัม
- เกลือสมุทรสำหรับใช้ล้างสละ
- น้ำแข็งป่นทุบ
ขั้นตอนการทำสละลอยแก้ว
- นำดอกมะลิทั้งกลีบเลี้ยงไปล้างให้สะอาดอย่างเบามือ ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปใส่ลงในหม้อที่บรรจุน้ำเปล่า ปิดฝาหม้อ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 1 คืน (ไม่ควรเด็ดกลีบเลี้ยงทิ้ง เพราะจะทำให้ยางออกมาในน้ำได้)
- เมื่อตื่นเช้ามา ให้กรองเอาดอกมะลิด้วยผ้าขาวบางทันที ไม่ควรทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เหม็นเขียวได้
- นำน้ำลอยดอกมะลิไปตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือ คนจนละลายเข้ากันจนหมด พอน้ำเดือดอีกรอบให้เคี่ยวต่อประมาณ 5 นาที ปิดไฟ และพักไว้จนเย็นสนิท
- เตรียมสละ โดยการขูดหนามสละออก แล้วนำตะกร้ามาร่อนเอาเศษหนามออกให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด แกะเปลือกออกให้หมด และคว้านเมล็ดสละออกให้เรียบร้อย
- นำสละไปแช่ในน้ำผสมเกลือประมาณ 10 นาที เพื่อลดความฝาด
- นำน้ำเชื่อมและสละใส่ภาชนะที่มีฝาปิด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 1 คืน เพื่อให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเนื้อสละ
- ตักสละลอยแก้วใส่แก้ว โรยด้วยน้ำแข็งตามชอบ แล้วเสิร์ฟได้เลย
4.ลอดช่องสิงคโปร์ใบเตย
ลอดช่องสิงคโปร์ใบเตย เป็นเมนูเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่ไม่ว่าใครได้ทานก็ต้องติดใจ ด้วยเนื้อลอดช่องหนุบหนับกับกะทิหวานมัน ใครที่ชอบเมนูนี้ สามารถลองนำสูตรลอดช่องนี้ไปทำตามกันดูได้ รับรองว่ารสชาติอร่อยถูกใจแน่นอน
ส่วนผสมลอดช่องสิงคโปร์ใบเตย
- ส่วนผสมของเนื้อลอดช่อง : แป้งมัน 250 กรัม น้ำใบเตยคั้น 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 300 กรัม
- ส่วนผสมของน้ำเชื่อม : น้ำตาลทราย 500 กรัม น้ำเปล่า 500 กรัม และ ใบเตย 4 – 5 ใบ
- ส่วนผสมของน้ำกะทิ : น้ำกะทิ 500 กรัม เกลือ 2 ช้อนชา
- เครื่องเคียงอื่น ๆ : ขนุน วุ้นมะพร้าว น้ำแข็งป่นทุบ
ขั้นตอนการทำลอดช่องสิงคโปร์
- เริ่มจากทำตัวลอดช่องก่อน โดยการต้มน้ำเปล่าผสมกับน้ำใบเตยคั้นจนเดือด แล้วเทใส่แป้งทีละนิด ค่อย ๆ นวดให้เข้ากันจนเนื้อแป้งเนียนนุ่มเป็นก้อนสีเขียว
- หลังจากนั้นนำก้อนแป้งสีเขียวไปหั่นเป็นชิ้น ๆ หรือเส้น ๆ โดยสามารถโรยแป้งมันไม่ให้ติดกันได้ เสร็จแล้วนำไปต้มจนลอดช่องสุก เหนียวนุ่ม ล้างด้วยน้ำเย็น 4 – 5 ครั้งจนคราบแป้งมันหมด แล้วนำไปพักให้สะเด็ดน้ำ
- ทำน้ำเชื่อม โดยการต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลทราย มัดใบเตยลงไปต้มด้วยเพื่อเพิ่มความหอม เมื่อเข้ากันดีแล้ว ให้เคี่ยวต่อไปสัก 5 – 10 นาที แล้วพักให้เย็น และเมื่อน้ำเชื่อมเย็นแล้ว ให้เทใส่เนื้อลอดช่องที่เราทำไว้
- ทำน้ำกะทิราด โดยการต้มกะทิกับเกลือด้วยไฟอ่อน ระมัดระวังไม่เห็นแตกมัน เมื่อกะทิร้อนจัดแล้วให้ปิดไฟ
- เสิร์ฟลอดช่องสิงคโปร์ใบเตยแสนอร่อยโดยการตักเส้นลอดช่องใส่แก้ว เติมน้ำเชื่อมและกะทิเล็กน้อย ใส่เครื่องเคียงที่ชอบ และปิดท้ายด้วยน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็น แค่นี้ก็ดื่มได้เลย
5.ทับทิมกรอบ
อีกหนึ่งขนมหวานทานหายที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกเพศทุกวัย ด้วยตัวเนื้อทับทิมกรอบสีแดงสวย กินคู่กับน้ำกะทิหวานมัน หลายคนอาจจะคิดว่าเมนูนี้ทำยาก นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะทับทิมกรอบเป็นหนึ่งในขนมไทยที่ทำตามได้ง่าย ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูกันเลย
ส่วนผสมของทับทิมกรอบ
- แห้วหั่นเต๋า 500 กรัม
- แป้งมัน
- สีผสมอาหารสีแดง หากไม่มีสามารถใช้น้ำแดงผสมกับน้ำเปล่าได้
- หัวกะทิ หรือน้ำกะทิพาสเจอไรส์ 500 มิลลิลิตร
- เกลือ 2 ช้อน
- น้ำตาลทรายตามระดับความหวานที่ชอบ
ขั้นตอนการทำทับทิมกรอบ
- นำแห้วที่เราหั่นเต๋าไว้ไปแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารไว้ ประมาณ 10 – 15 นาที เพื่อให้แห้วมีสีแดง
- หลังจากนั้นให้นำล้างสัก 2 – 3 รอบ ให้สีไม่เข้มจนเกินไป แล้วนำไปคลุกแป้งมันให้ทั่ว
- ตั้งน้ำเดือดจัด ใส่แห้วที่คลุกแป้งมันลงไป โดยจะต้องคนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ติดกัน และเมื่อตัวแห้วลอยขึ้นมาแล้ว ให้ตักไปน็อคในน้ำเย็นจัดทันที
- ทำน้ำกะทิราด โดยการต้มกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือเข้าด้วยกัน โดยจะต้องระมัดระวังไม่ให้กะทิแตกมัน เมื่อเคี่ยวจนเข้ากันดีแล้ว ให้พักไว้ให้เย็น
- เสิร์ฟทับทิมกรอบแสนอร่อย โดยการตักเนื้อทับทิมใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งป่น หากใครชอบกินคู่กับขนุนก็สามารถใส่เพิ่มเข้าไปได้เช่นกัน
6.เฉาก๊วยนมสดคาราเมล
ปิดท้ายด้วยเมนูหวานเย็นชื่นใจที่ไม่ว่าใครก็ต้องชอบกับเฉาก๊วยนมสดคาราเมล นอกจากจะหวานเย็นสดชื่นแล้ว เนื้อเฉาก๊วยยังมีสรรพคุณที่ช่วยในการแก้ตัวร้อน แก้ร้อนในโดยเฉพาะ ใครที่เป็นร้อนในบ่อย ๆ จะต้องไม่พลาดเมนูนี้
ส่วนผสมของเฉาก๊วยนมสดคาราเมล
- น้ำตาลทรายขาว 500 – 1,000 กรัม สำหรับทำคาราเมล หรือถ้าไม่อยากทำ สามารถซื้อคาราเมลสำเร็จรูปมาใช้แทนได้
- นมสดยี่ห้อที่ชอบ
- เฉาก๊วยหั่นเต๋า ยี่ห้อที่ชอบ
- น้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลทรายแดงสำหรับโรยหน้า
- น้ำแข็งป่นทุบ
วิธีทำเฉาก๊วยนมสดคาราเมล
- เริ่มจากทำคาราเมลก่อน โดยการตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละนิด รอให้บริเวณขอบ ๆ ละลายเป็นคาราเมล แล้วผสมน้ำตาลทรายส่วนทีละเหลือเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นให้เติมน้ำทรายลงไปเรื่อย ๆ จนหมด และจะต้องระมัดระวังไม่ให้ไหม้
- เตรียมแก้วทรงสูง ใส่เนื้อเฉาก๊วยลงไป ตามด้วยคาราเมลที่เราทำไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำแข็งให้เต็มแก้ว เทนมลงไป
- ท็อปปิ้งด้วยเนื้อเฉาก๊วย คาราเมล และน้ำตาลอ้อยอีกที เป็นอันเสร็จ
เป็นยังไงกันบ้างกับ 6 อาหารคลายร้อนที่ Tesnogas คัดสรรมาฝากในวันนี้ มีเมนูอาหารหน้าร้อนไหนที่ถูกใจคุณบ้าง หากถูกใจเมนูไหนอย่าลืมลองไปทำตามกันดู ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน หรืออยู่คอนโด จะใช้เตาแก๊ส หรือ
เตาไฟฟ้า ก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก รับรองว่าหวานเย็นสดชื่นอร่อยถูกใจแน่นอน