5 เทคนิค อบขนมให้นุ่มฟูน่าทานแบบมืออาชีพ

อบขนมเสร็จแล้ว เนื้อขนมปังหรือเนื้อเค้กที่ได้กลับไม่นุ่มฟู มีเนื้อแข็ง หรือสุกไม่ทั่วถึง ทั้ง ๆ ที่ชั่งตวงวัตถุดิบตามสูตรเป๊ะ ๆ แล้ว นั่นอาจเกิดจากการตั้งอุณหภูมิของเตาอบขนมไม่เหมาะสม หรือเลือกเทคนิคการอบเค้ก หรือวิธีอบขนมไม่เหมาะสมกับชนิดของขนมนั้น ๆ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ด้วย 5 เทคนิคอบขนมปังที่จะทำให้ได้เนื้อขนมนุ่มฟู อร่อยน่าทาน เหมือนมืออาชีพทำเอง

อุณหภูมิที่เหมาะสมในการอบขนม

ขนมแต่ละชนิด จะใช้อุณหภูมิและเวลาในการอบขนมที่แตกต่างกัน การตั้งอุณหภูมิของเตาอบ และเวลาที่ใช้อบขนมให้เหมาะสมกับชนิดของขนมนั้น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้เนื้อขนมที่นุ่มฟู อร่อยน่าทาน เช่น
  • คุกกี้ ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 300 – 350 ฟาเรนไฮต์ / 150 – 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 15 – 20 นาที
  • เอแคลร์ ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 400 – 420 ฟาเรนไฮต์ / 200 – 210 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 12 นาที
  • ขนมปังแบบใส่ถาด ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 400 – 420 ฟาเรนไฮต์ / 200 – 210 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 15 นาที
  • ขนมปังแบบใส่พิมพ์ ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 350 – 375 ฟาเรนไฮต์ / 180 – 190 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 20 – 30 นาที
  • สปันจ์เค้ก ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 350 – 400 ฟาเรนไฮต์ / 180 – 200 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 30 – 40 นาที
  • เค้กปอนด์ ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 300 – 350 ฟาเรนไฮต์ / 150 – 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 40 – 60 นาที
  • บราวนี่ ควรอบขนมที่อุณหภูมิ 350 – 375 ฟาเรนไฮต์ / 180 – 190 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 25 – 30 นาที
นอกจากนี้อุณหภูมิที่ใช้ในการอบขนมปัง หรืออบขนมเค้กนั้นยังส่งผลต่อการใช้ไฟของเตาอบด้วย ถ้าหากมีอุณหภูมิต่ำกว่า 400 ฟาเรนไฮต์ / 200 องศาเซลเซียส ให้ใช้ไฟล่างอย่างเดียว แต่ถ้ามากกว่านั้น แสดงว่าจะต้องใช้ทั้งไฟบนและไฟล่างนั่นเอง

รวม 5 เทคนิคอบขนมด้วยเตาอบให้น่าทานแบบมืออาชีพ

1. วอร์มเตาอบก่อนใช้งาน

การอบขนมปัง หรืออบขนมเค้กให้อร่อยน่าทานตามสูตรนั้น จะต้องอบตามอุณหภูมิที่เหมาะสมตั้งแต่วินาทีแรกที่นำเข้าเตาอบ ดังนั้นการวอร์มเตาอบให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากไม่วอร์มเตาอบก่อนใช้งานจะทำให้ผิวของขนมอบไม่แห้งสนิท หรือเนื้อเค้กไม่ฟูได้ สำหรับเทคนิคการวอร์มเตาอบนั้น ให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์เตาอบในการช่วยวัดอุณหภูมิ และสังเกตก่อนว่า หลังจากที่วอร์มเตาอบเรียบร้อยแล้ว เมื่อนำขนมเข้าไปอบ อุณหภูมิในเตาอบตกลงหรือไม่ หากอุณหภูมิไม่ตกลงก็ให้วอร์มเตาอบตามอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการอบขนมนั้น ๆ แต่ถ้าอุณหภูมิตกลง แนะนำให้วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิสูงกว่าเดิม โดยบวกเพิ่มไปประมาณ 86 ฟาเรนไฮต์ / 30 องศาเซลเซียส ก็จะทำให้ได้อุณหภูมิสำหรับอบขนมที่เหมาะสม

2. การใช้ไฟบนและไฟล่าง

แม้ว่าอุณหภูมิสำหรับการอบขนมจะเป็นตัวกำหนดว่าจะต้องใช้ไฟล่างอย่างเดียว หรือเปิดใช้ทั้งไฟบนและไฟล่างพร้อมกัน แต่เทคนิคการอบเค้ก หรืออบขนมปังให้อร่อยน่าทานนั้น ก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใช้ไฟบนและไฟล่างซ่อนอยู่ด้วย เช่น การอบคุกกี้ บราวนี่ หรือเค้ก จะต้องใช้ไฟบนและไฟล่างตลอดการอบ เพื่อให้ขนมสุกทั่วทั้งชิ้น ในขณะที่การอบเค้กจะให้ใช้ไฟล่างก่อนในช่วงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเค้กแตกตรงกลาง แล้วปรับไปใช้ไฟบนและไฟล่างพร้อมกัน หรือไฟบนอย่างเดียวในช่วงท้ายเพื่อให้หน้าขนมมีสีที่เข้มขึ้น แลดูน่ารับประทาน

3. ใช้แม่พิมพ์ในการอบขนม

แม่พิมพ์ หรือพิมพ์สำหรับอบขนมนั้น มีหลายแบบ หลายขนาด หลายรูปทรง การเลือกใช้แม่พิมพ์ให้เหมาะกับขนมนั้น ๆ จะช่วยให้ได้ขนมที่มีรูปร่างที่สวยงาม โดยแม่พิมพ์ทรงกลมจะเหมาะสำหรับการทำขนมเป็นปอนด์ เป็นก้อนใหญ่ ๆ เช่น สปันจ์เค้ก หรือชิฟฟ่อนเค้ก โดยควรใส่ประมาณ 2/3 ของแม่พิมพ์ ส่วนแม่พิมพ์แบบโลฟ (Loaf) จะเหมาะสำหรับทำขนมปังทั่วไป เช่น คัพเค้ก หรือมัฟฟิน โดยจะต้องทาไขมันรอบพิมพ์ทุกครั้งเพื่อไม่ให้เนื้อขนมติดพิมพ์ และเวลาอบขนม ไม่ควรวางชิดติดกัน เพราะจะทำให้เนื้อขนมสุกไม่ทั่วถึง

4. เคาะถาดเพื่อไล่ฟองอากาศในขนม

การเคาะถาดขนม หรือแม่พิมพ์ขนมสัก 2 – 3 ครั้ง เพื่อไล่ฟองอากาศในเนื้อแป้งออก จะช่วยให้อบขนมได้อย่างทั่วถึง ทำให้เนื้อขนมอร่อยนุ่มฟูมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หลังจากนำถาดขนมออกจากเตาอบแล้ว ควรเคาะถาดรองอบ 2 – 3 ครั้ง เพราะจะช่วยให้ขนมเซ็ตตัวได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย จัดเป็นหนึ่งในเคล็ดลับวิธีอบขนมที่ไม่ควรมองข้าม

5. การอบขนมปังรองน้ำ

ขนมบางชนิดต้องการอุณหภูมิในการอบขนมที่ต่ำ แต่มีความร้อนสม่ำเสมอ เช่น ขนมที่มีไข่เป็นส่วนประกอบหลักอย่าง คัสตาร์ด ชีสเค้ก หรือเครมบรูเล่ ถ้าอบด้วยวิธีปกติก็จะทำให้ขนมสุกเร็วเกินไป และมีเนื้อสัมผัสแห้ง ซึ่งการอบรองน้ำจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยน้ำจะช่วยกระชายความร้อนให้สม่ำเสมอทั่วแม่พิมพ์ ทำให้ขนมสุกพร้อมกัน และมีไอน้ำที่ช่วยป้องกันไม่ให้หน้าขนมแตก จะเห็นได้ว่า อุณหภูมิในการอบขนมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เนื้อขนมอร่อยนุ่มฟู ผู้ทำขนมจึงควรเลือกใช้เตาอบขนมที่ได้มาตรฐาน สามารถให้อุณหภูมิความร้อนคงที่ และมีฟังก์ชันใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ซึ่ง Tesnogas เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เตาอบขนมจากอิตาลีที่ไม่ควรพลาด การันตีด้วยประสบการณ์การให้บริการยาวนานกว่า 60 ปี
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Rating
  • Price
  • Description
  • Content
  • Additional information
  • Add to cart
เปรียบเทียบสินค้า