สำหรับคนที่ชอบทำขนม หรือกำลังสนใจอยากที่จะมีรายได้เสริม ในวันนี้เรามี 6 สูตรขนมไทยทำง่าย ๆ นำมาฝาก ซึ่งเป็นสูตรขนมไทยที่เรากล้ารับประกันเลยว่า เป็นสูตรที่อร่อยที่สุด หากนำเอาไปทำขายต่อยอด จะทำให้ลูกค้าติดใจ และกลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน
6 สูตรทำขนมไทยง่าย ๆ ทำได้ไม่ง้อเตาถ่าน
อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า สูตรขนมไทยที่เราได้นำเอามาฝากในวันนี้ เป็นสูตรที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ว่าจะนำเอาไปทำทานเอง หรือนำเอาไปทำขายก็ตอบโจทย์อย่างมาก และที่สำคัญทั้ง 6 สูตรขนมไทยที่เรานำเอามาฝาก เป็นสูตรที่ไม่ต้องใช้เตาอบ ไม่ต้องใช้เตาถ่าน ต่อให้คุณจะมีเพียงแค่ เตาแก๊ส หรือ เตาไฟฟ้า ก็สามารถทำขนมตามสูตรเหล่านี้ได้ 100%
1. วุ้นกะทิใบเตย
สูตรขนมไทยทำง่าย ๆ สูตรแรก คือ “วุ้นกะทิใบเตย” โดยอุปกรณ์อื่นๆ นอกเหนือจากอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ ผ้าขาวบาง, กระชอนกรองน้ำใบเตย, พิมพ์ที่จะใช้สำหรับการทำวุ้น
วัตถุดิบสำหรับทำวุ้นใบเตย
- ใบเตยหั่นเป็นชิ้น
- น้ำเปล่า 550 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 95 กรัม
- ผงวุ้น 5 กรัม
วัตถุดิบสำหรับทำวุ้นกะทิ
- น้ำกะทิ 200 กรัม
- น้ำเปล่า 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 95 กรัม
- เกลือครึ่งช้อนช้า
- ผงวุ้น 5 กรัม
วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย
- นำใบเตยที่หั่นเตรียมไว้ไปปั่นกับน้ำเปล่า
- เอาน้ำใบเตยที่ได้มากรองด้วยกระชอน และผ้าขาวบาง
- เมื่อกรองเสร็จให้นำเอาไปตั้งไฟ ใส่น้ำตาลคนให้ละลาย ตามด้วยผงวุ้นคนให้ละลายเช่นเดียวกัน
- เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ รอให้วุ้นใบเตยเซ็ตตัว
- นำกะทิไปตั้งไฟกลาง
- ใส่น้ำตาล เกลือ คนให้ละลาย และตามด้วยผงวุ้น ต้องคนให้ผงวุ้นละลายด้วยเช่นกัน
- เทน้ำกะทิใส่ลงบนพิมพ์ ที่มีวุ้นใบเตยอยู่ก่อนหน้า
- รอให้วุ้นเซ็ตตัว หรือนำเอาไปแช่เย็น และตัดเสิร์ฟได้ทันที
2. ขนมถ้วย
อุปกรณ์เพิ่มเติมที่จำเป็นต้องเตรียม ในการทำ “ขนมถ้วย” ได้แก่ ถ้วยตะไล และไม้แคะขนม หรือช้อนชา
วัตถุดิบสำหรับทำส่วนของตัวขนม
- แป้งข้าวเจ้า 180 กรัม
- แป้งมัน 80 กรัม
- แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 200 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
- น้ำ 70 มิลลิลิตร
- ใบเตยหั่นเป็นชิ้น
วัตถุดิบสำหรับทำส่วนของหน้าขนม
- หัวกะทิ 600 มิลลิลิตร
- น้ำ 150 มิลลิลิตร
- แป้งข้าวเจ้า 70 กรัม
- เกลือ 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
วิธีทำขนมถ้วย
- นำใบเตยที่หั่นเตรียมไว้ไปปั่นกับน้ำเปล่า และกรองด้วยกระชอน ผ้าขาวบาง เตรียมแยกเอาไว้ก่อน
- นำน้ำตาลปี๊บมาละลายกับน้ำ เมื่อน้ำตาลละลายดีแล้วให้นำเอาแป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน และแป้งข้าวเจ้า มาผสม
- ใช้ตะกร้อค่อยๆ คนส่วนผสมให้เข้ากัน และใส่กะทิในส่วนสำหรับตัวขนม รวมถึงน้ำใบเตยที่เตรียมเอาไว้ลงไป คนให้เข้ากันอีกที
- นำเอาส่วนผสมที่ได้ไปกรองบนตะแกรง เพื่อให้แป้งเนียน ไม่เป็นเม็ด
- ในส่วนของการทำหน้าขนม ให้นำเอาเกลือ น้ำตาล และแป้งมาคนให้เข้ากัน
- ใส่น้ำกะทิ และน้ำสะอาด ที่เตรียมเอาไว้ลงไปในส่วนผสมข้อ 5
- ใช้ตะกร้อค่อยๆ คนส่วนผสม ก่อนจะนำเอาไปกรองบนตะแกรง
- ตั้งซึ้งนึ่งถ้วยขนมให้ร้อน หยอดวัตถุดิบส่วนขนมลงไปประมาณ 3:4 ของถ้วย ปิดฝา นึ่งทิ้งไว้ 5-7 นาที
- ยกซึ้งขนมออกจากเตา หยอดวัตถุดิบส่วนหน้าขนมลงไปให้เต็มด้วย และนึ่งต่ออีก 5-7 นาที
- หากสุกแล้วให้ยกออกจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น จะสามารถแคะขนมออกจากถ้วยได้ง่ายขึ้น
3. บัวลอยไข่หวาน
มาต่อกันที่ขนมไทยทำง่าย ๆ สูตรที่ 3 กับ “บัวลอยไข่หวาน” วัตถุดิบและวิธีทำมีดังนี้
วัตถุดิบสำหรับทำบัวลอยไข่หวาน
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- น้ำ 1:4 ถ้วย
- เผือกนึ่งสุก
- ฟักทองนึ่งสุก
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น
- น้ำกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาล 1 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่
วิธีทำบัวลอยไข่หวาน
- การทำแป้งจะต้องนำเอา เผือกนึ่ง, ฟักทองนึ่ง นำเอาไปนวดกับแป้งและน้ำ แยกไว้เป็นส่วนๆ และแป้งอีกส่วนให้ผสมกับน้ำใบเตย และนวดให้เข้ากัน
- ปั้นแป้งที่เตรียมไว้ทั้ง 3 สี ให้มีลักษณะเป็นก้อนกลมเล็ก นำไปคลุกกับแป้งข้าวเหนียวบางๆ เพื่อไม่ให้ติดกัน
- นำน้ำกะทิไปตั้งไฟ ใส่น้ำตาล และเกลือลงไป คนให้ละลาย เมื่อน้ำกะทิเดือดให้ตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้
- ต้มน้ำในหม้อให้เดือด นำบัวลอยที่ปั้นไว้ไปต้มในน้ำ เมื่อแป้งสุกหรือลอยขึ้นมา ให้ตักสะเด็ดน้ำ และนำเอาไปใส่ลงในถ้วยที่มีกะทิรออยู่
- ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในหม้อน้ำกะทิ เมื่อไข่ได้ระดับความสุกที่ชอบแล้ว ก็ตักใส่รวมกับบัวลอย และเสิร์ฟได้ทันที
4. กล้วยบวชชี
หากคุณมองหาขนมไทยที่ทำง่ายที่สุด “กล้วยบวชชี” คือหนึ่งในขนมไทยที่ห้ามพลาด เพราะการจะทำกล้วยบวชชีนั้น แทบไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรเพิ่ม เพียงอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
วัตถุดิบสำหรับทำกล้วยบวชชี
- กล้วยน้ำว้าสุก หรือกล้วยน้ำว้าห่าม
- กะทิ 500 มิลลิลิตร
- น้ำตาลปี๊บ 80 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- เกลือครึ่งช้อนชา
- ใบเตย 5 ใบ
วิธีทำกล้วยบวชชี
- ปอกกล้วย และหั่นชิ้นตามขนาดที่ชอบ
- นำกล้วยที่ปอกเตรียมไว้ไปล้างในน้ำผสมเกลือ เพื่อไม่ให้กล้วยดำ
- นำกล้วยไปนึ่งให้สุก เพื่อไม่ให้กล้วยฝาดเวลานำไปต้ม
- นำกะทิไปตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทราย, เกลือ และใบเตยลงไป
- คนส่วนผสมให้ละลาย และเข้ากันดี
- ใส่กล้วยที่นึ่งไว้แล้วลงไป เมื่อกะทิเดือด สามารถปิดไฟและตักเสิร์ฟได้เลย
5. ขนมต้ม
วัตถุดิบสำหรับการทำ “ขนมต้ม” จะต้องมีการเตรียมเอาไว้เป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
วัตถุดิบสำหรับไส้ขนมต้ม
- มะพร้าวทึนทึกขูด 250 กรัม
- น้ำตาลมะพร้าว 160 กรัม
- น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย
วัตถุดิบสำหรับแป้งขนมต้ม
- แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
- น้ำใบเตย หรือน้ำสีอื่นๆ ตามชอบ 1 ถ้วย
วัตถุดิบสำหรับมะพร้าวที่นำมาคลุก
- มะพร้าวทึนทึกขูด 4 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำขนมต้ม
- ส่วนของไส้ขนมต้ม ทำได้ด้วยการนำเอามะพร้าวขูด, น้ำตาลมะพร้าว และน้ำลอยดอกมะลิ ที่เตรียมเอาไว้ไปผัดบนกระทะให้แห้ง เมื่อแห้งแล้วให้ยกลงจากเตา พักให้อุ่นและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
- ทำส่วนของแป้งได้ด้วยการนำเอาแป้งที่เตรียมไว้ ไปผมสมกับน้ำใบเตยหรือน้ำสีต่างๆ นวดผสมกันให้เป็นเนื้อเนียน
- นำแป้งมาห่อไส้ขนมที่ปั้นเป็นก้อนเตรียมเอาไว้
- นำหม้อมาตั้งไฟ ต้มน้ำให้เดือด สามารถใส่ใบเตยเพิ่มความหอมได้ เมื่อน้ำเดือดแล้วให้นำเอาแป้งและไส้ ที่เตรียมเอาไว้ลงไปต้ม
- หากต้มแป้งจนสุก หรือลอยขึ้นมาเหนือน้ำแล้ว ให้ตักออกแล้วนำเอาไปคลุกกับมะพร้าวขูดผสมเกลือ ก่อนจะนำเอาไปเสิร์ฟ
6. ครองแครงน้ำกะทิ
สูตรขนมไทยทำง่าย ๆ สุดท้าย ที่เราได้นำเอามาฝาก ได้แก่ “ครองแครงน้ำกะทิ” วัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีดังนี้
วัตถุดิบสำหรับทำครองแครงน้ำกะทิ
- แป้งมัน 2 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
- น้ำดอกอัญชัน
- กะทิ 1 ลิตร หรือจะเพิ่มความหอมด้วยการใช้กะทิอบควันเทียนก็ได้เช่นกัน
- น้ำตาลทราย 1 ¼ ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
- งาขาวคั่ว
วิธีทำครองแครงน้ำกะทิ
- นำแป้งมันและแป้งข้าวเจ้า มาผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผสมกับน้ำนวดให้เข้ากัน อีกส่วนนำเอาไปผสมกับน้ำดอกอัญชันที่ต้มเตรียมไว้ และนวดให้เข้ากันเช่นเดียวกับแป้งส่วนแรก
- นำแป้งที่นวดผสมไว้ มาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ เท่านิ้วก้อย และนำเอาไปกดบนพิมพ์ครองแครงทำให้เกิดลาย
- นำตัวครองแครงไปต้มในน้ำเดือดให้สุก และนำเอาไปแช่น้ำเย็น เพื่อไม่ให้แป้งเกาะติดกัน
- ต้มน้ำกะทิด้วยไฟกลาง ใส่น้ำตาลและเกลือ คนให้ละลายเข้ากัน
- ตักครองแครงที่ต้มไว้แล้วใส่ถ้วย ราดกะทิ และนำเอางามาโรย พร้อมเสิร์ฟ
สรุปบทความ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับสูตรขนมไทยทำง่าย ๆ ทั้ง 6 สูตรที่เรานำเอามาฝาก หากสังเกตจะเห็นได้เลยว่า ทุกสูตรในวันนี้ ล้วนเป็นสูตรขนมที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมาก แต่อย่างไรก็ตามหากคุณชอบทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ หรืออยากที่จะทำขนมขายเพื่อสร้างรายได้ เราแนะนำว่าควรมี เตาอบ ติดบ้านเอาไว้ โดยเตาอบที่ว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นเตาอบขนาดใหญ่ หากคุณเลือกซื้อเตาอบเป็น เลือกซื้ออย่างคุ้มค่า เพียงเตาอบเล็กๆ คุณก็สามารถทำขนม และอาหาร ได้ทุกเมนูที่คุณต้องการ