6 วิธีอบขนมปังให้เนื้อนุ่ม อร่อย ไม่แห้ง

6 วิธีอบขนมปัง
เคยเป็นไหม ทำขนมปังตามสูตรเป๊ะ ๆ แต่เนื้อขนมปังกลับไม่นุ่มฟู แถมยังแห้งแข็งกระด้างจนไม่น่าทาน เพราะแท้จริงแล้วการทำตามสูตรอย่างเดียวก็ไม่ทำให้เนื้อขนมปังนุ่มเสมอไป แต่ต้องใส่ใจในขั้นตอนอื่น ๆ ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป บทความนี้จึงได้รวบรวมวิธีอบขนมปังแบบมืออาชีพมาฝาก รับรองว่าทำตามแล้วเนื้อนุ่มเหมือนร้านเบเกอรี่มาเอง

รวมวิธีอบขนมปังที่สวยและนุ่มฟูแบบมืออาชีพ

1. เลือกแป้งที่ใช้และลงตัวที่สุดวิธีเลือกแป้งขนมปัง

เริ่มต้นด้วยวัตถุดิบหลักของการทำขนมปังนั่นก็คือ “แป้ง” ซึ่งก็มีแป้งหลายชนิดสำหรับทำเบเกอรีหลายประเภท แต่ไม่ใช่ทุกชนิดจะเหมาะกับการทำขนมปัง! ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าแป้งแบบไหนเหมาะกับการใช้อบขนมปังมากที่สุด 
  • แป้งโฮลวีต เหมาะกับการทำขนมปังที่มีแผ่นหนา เนื้อที่ได้จะไม่นุ่มฟู เพราะตัวแป้งมีโมเลกุลหนัก
  • แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง (Bread Flour) แป้งเนื้อหยาบที่มีโปรตีนหรือกลูเต็นสูงถึง 13.5% – 14% ซึ่งช่วยให้ขนมปังยืดหยุ่นและเหนียวนุ่ม  
สำหรับใครที่อยากได้ขนมปังที่เนื้อเหนียวนุ่ม แนะนำให้ใช้แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง ไม่แนะนำให้ใช้แป้งอเนกประสงค์หรือแป้งเค้กทดแทน เพราะมีกลูเต็นน้อย ทำให้เนื้อขนมปังไม่ขึ้นฟู หรือขึ้นฟูน้อย โดยสัดส่วนการใช้แป้งต่อน้ำต้องอยู่ที่ แป้ง 60 ต่อน้ำ 40 จะช่วยให้แป้งนุ่ม และต้องใช้อาวุธสำคัญเสริมด้วย คือ ยีสต์ หรือแป้งเชื้อ ไม่สามารถใช้ผงฟู หรือ เบคกิ้งโซดาได้

2. นวดแป้งแบบพอดี ๆวิธีนวดแป้งขนมปัง

การนวดแป้งก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ขนมปังเนื้อนุ่ม โดยจะต้องนวดแป้งแบบพอดี ๆ จับแล้วรู้สึกเนียนนุ่ม ขึงได้เป็นฟิล์มบาง ๆ โดยที่แป้งไม่ขาดออกจากกัน หากนวดแป้งน้อยไปยีสต์จะกระจายไม่ทั่ว แต่หากนวดหนักไปจะทำให้แป้งแข็งกระด้างได้

3. วอร์มเตาอบก่อนใช้งานวอร์มเตาอบขนมปัง

การวอร์มเตาอบ จะทำให้เราได้อุณหภูมิที่คงที่ก่อนอบ ช่วยให้ขนมสุกตามเวลา และมีรูปทรงที่สวยงาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่วอร์มเตาอบ ? หากลืมวอร์มเตาอบจะทำให้ผิวของขนมปังไม่แห้งสนิท ฟูไม่เต็มที่ สีของขนมปังไม่สม่ำเสมอ และเมื่ออบสุกเนื้อขนมปังจะยุบตัวลง

4. เลือกอุณหภูมิที่เหมาะกับขนมปังแต่ละประเภทอุณหภูมิที่ใช้อบขนมปัง

นอกจากการคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดีแล้ว อุณหภูมิก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน เพราะยีสต์ในขนมปังกับอุณหภูมิจะทำงานเสริมซึ่งกันและกัน โดยยีสต์จะชอบอุณหภูมิที่ร้อนชื้น และทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่มันชื่นชอบ ดังนั้นหากพักแป้งในช่วงที่มีอากาศร้อน จะทำให้แป้งขึ้นฟูได้เร็ว ภายในห้องที่ทำขนมปังจึงควรมีอุณหภูมิประมาณ 30-40 องศาเซลเซียส หรือนำแป้งไปพักใกล้เตาที่มีความอบอุ่น จะช่วยให้ยีสต์ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้อุณหภูมิในการอบก็สำคัญ โดยขนมปังใส่ถาดควรอบที่อุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส ไม่เกิน 15 นาที ส่วนขนมปังใส่พิมพ์ควรอบที่อุณหภูมิ 180-190 องศาเซลเซียส 20-30 นาที

5. ใช้ไฟบนและไฟล่างในการอบ ไฟบนและไฟล่างในการอบขนมปัง

การใช้ไฟบนและไฟล่างในการอบก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ขนมสุกเท่ากันทั่วทั้งชิ้น โดยวิธีอบขนมปังแตกต่างกันก็ใช้ไฟบนไฟล่างต่างกัน หากขนมปังที่เรียงใส่ถาดอบ ให้ใช้ไฟบน-ล่าง แต่หากขนมปังอยู่ในพิมพ์ให้ใช้ไฟล่างอย่างเดียว ดังนั้นจึงควรเลือกเตาอบที่มีระบบไฟหลากหลายในการอบขนมปัง

6. เลือกแม่พิมพ์ที่เหมาะสม

Tip เคล็ดไม่ลับ ถ้าอยากให้ขนมปังออกมาสวยรูปทรงน่ากิน สามารถเลือกใช้พิมพ์สำหรับอบขนมได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ แต่พิมพ์ที่เหมาะสมสำหรับอบขนมปังที่สุด คือ พิมพ์โลฟ (Loaf) โดยก่อนอบควรทาไขมันรอบพิมพ์ เพื่อให้ขนมปังหลุดออกจากพิมพ์ง่าย ไม่ติดพิมพ์ การที่จะได้ขนมปังเนื้อนุ่มฟูสักหนึ่งก้อน ต้องใส่ใจกับรายละเอียดทุกขั้นตอน เพราะทุกขั้นตอนล้วนส่งผลต่อความนุ่มและยืดหยุ่นของเนื้อขนมปังทั้งสิ้น การเลือกเตาอบก็เช่นกัน ควรเลือกซื้อเตาอบที่มีคุณภาพ มีระบบควบคุมไฟที่หลากหลาย ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ เหมาะสำหรับการอบขนมปัง ซึ่งที่ Tecnogas ของเราก็มีจำหน่ายเตาอบหลายรุ่น ทั้งเตาอบตั้งโต๊ะ และเตาอบแบบฝัง เพื่อให้คุณมีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ พร้อมผันตัวเป็นเชฟมือใหม่
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Rating
  • Price
  • Description
  • Content
  • Additional information
  • Add to cart
เปรียบเทียบสินค้า