เคยไหม? ทำอาหารแต่ละครั้งกลิ่นฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน ลุกลามไปจนกลิ่นอาหารติดเฟอร์นิเจอร์ ชวนให้คนทั้งบ้านเสียบรรยากาศไปหมดเพราะการไม่ได้ติดตั้ง “ปล่องดูดควัน” เพื่อระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างการทำอาหารในแต่ละมื้อ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่หลาย ๆ บ้านมักมองข้ามความสำคัญในการเลือกที่จะไม่ติดตั้ง
ตัวดูดควัน อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะ เลือกปล่องดูดควันแบบไหนดี ที่จะสามารถใช้งานได้ตอบโจทย์อย่างคุ้มค่าที่สุด วันนี้ Tecnogas Thai จะมาเผยเคล็ดลับในการเลือกซื้อปล่องดูดควันที่ถูกต้องและเหมาะสมกับคุณที่สุดกัน!
วิธีการเลือกปล่องดูดควันให้เหมาะสมกับการใช้งาน
1. ระบบการทำงานของปล่องดูดควัน
เพราะปล่องดูดควันในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ และหลากหลายประเภท จนทำให้หลายคนเลือกติดตั้งตัวดูดควันไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นเลือกปล่องดูดควันแบบไหนที่เหมาะสม ดังนั้นให้เริ่มเลือกจากสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง คือ ประสิทธิภาพในการดูดกลิ่นและดูดควันเป็นหลัก ซึ่งในท้องตลาดหลักจะมีตัวดูดควันอยู่ 2 ประเภท ดังนี้
- ตัวดูดควันแบบต่อท่ออากาศด้านนอกอาคาร ระบบการทำงานจะคล้ายกับเครื่องดูดควันติดผนัง แต่ประสิทธิภาพในการดูดกลิ่น และควันจะน้อยกว่า
- ตัวดูดควันแบบหมุนเวียนอากาศภายใน ซึ่งจะไม่ได้ดูดควัน และกลิ่นอาหารออกไปข้างนอก แต่จะทำหน้าที่กรองกลิ่น และควันด้วยแผ่นฟิลเตอร์หรือแผ่นคาร์บอน ให้อากาศดีขึ้นกลับเข้ามาในห้องครัวอีกครั้ง
นอกจากการคำนึงถึงระบบการทำงานของปล่องดูดควัน ยังต้องอาศัยปัจจัยในการเลือกตัวดูดควันจากความสวยงาม ความแข็งแรง และราคาร่วมด้วยกับประสิทธิภาพในการดูดกลิ่น และดูดควัน เพื่อใช้ในการเลือกตัวดูดควันแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ปล่องดูดควันแบบกระโจมกลางห้องที่เหมาะกับบ้านที่มีห้องครัวขนาดใหญ่ หรือจะเป็นปล่องดูดควันแบบติดผนังที่เหมาะกับทุกสภาพครัวก็ตาม การคำนึงถึงระบบการดูดก็เป็นเรื่องที่จำเป็น
2. วัสดุที่ใช้ในการผลิตของปล่องดูดควัน
อีกหนึ่งวิธีการเลือกปล่องดูดควันที่สำคัญอันดับต้น ๆ คือการเลือกตัวดูดควันจากวัสดุในการผลิต เพราะในปล่องดูดควันแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์ก็ใช้วัสดุในการทำตัวดูดควันที่แตกต่างกัน และในวัสดุการผลิตมีผลต่อการใช้งานในระยะยาว ที่เหมาะสมในการทำตัวดูดควันคงหนีไม่พ้น “สเตนเลส” ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อนและช่วยให้ทำความสะอาดตัวดูดควันได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ควรเลือกสเตนเลสที่ได้รับมาตรฐานการผลิตเท่านั้น เพื่อให้ได้เนื้อสเตนเลสที่ดี เพราะหากเลือกวัสดุในการผลิตตัวดูดควันที่มีคุณภาพต่ำ อาจส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีลงไปในอาหาร และส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพของสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้
3. ขนาด และกำลังดูดอากาศของปล่องดูดควัน
เมื่อได้พิจารณาจากประเภทและวัสดุในการผลิตของตัวดูดควันแล้ว ต่อมาคือการเลือก ขนาดของตัวดูดควันที่คุณต้องการ โดยทั่วไปแล้วขนาดของตัวดูดควันจะมีให้เลือกตั้งแต่ 60 ซม. – 120 ซม. ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องครัวของคุณ แต่ถ้าหากให้แนะนำวิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกขนาดของตัวดูดควัน สามารถเลือกให้ขนาดปล่องดูดควันสัมพันธ์กับขนาดของเตาแก๊สที่นำมาติดตั้งใช้งาน และดูควบคู่ไปกับส่วนของกำลังดูดอากาศในตัวดูดควัน ยิ่งกำลังในการดูดสูงเท่าไหร่ยิ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการดูดกลิ่นและควันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสำหรับบ้านที่ทำอาหารบ่อยควรเลือกตัวดูดควันที่มีกำลังแรงดูดที่สูง แต่สำหรับบ้านที่ไม่ค่อยได้เข้าครัวทำอาหาร อาจจะเลือกกำลังแรงดูดในระดับปานกลางตั้งแต่ 450 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และ 850 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
สรุปวิธีการเลือกปล่องดูดควัน
จากเคล็ดลับข้างต้นที่เราแนะนำไปจะเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกซื้อปล่องดูดควัน เพื่อช่วยคลายกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการทำครัวให้หมดไปได้อย่างง่ายดาย และเพื่อให้คุณได้ตัวดูดควันที่ตอบโจทย์การใช้งาน ในปัจจุบันยังมีการพัฒนาตัวดูดควันขึ้นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากฟังก์ชันการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ เสริมเพิ่มเติมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชันตั้งเวลาทำงานล่วงหน้า หรือแม้แต่ฟังก์ชันควบคุมการทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นคุณควรเลือกปล่องดูดควันให้สอดคล้องกับทุกสไตล์การใช้งานและการตกแต่งห้องครัวของคุณ