7 วิธีล้างผักผลไม้ สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ

7 วิธีล้างผักผลไม้ สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ
ผักและผลไม้ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การรับประทานผักและผลไม้จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าผักผลไม้ที่เราทานเข้าไปก็เกิดโทษต่อร่างกายได้ เพราะมีสารพิษตกค้างอยู่ และเพื่อความปลอดภัย การล้างผักผลไม้ให้สะอาดจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ วันนี้เราจึงได้รวมวิธีล้างผักผลไม้ ที่ไม่ได้มีแค่การล้างด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น รับรองว่าทำตามนี้ปลอดภัยไร้สารตกค้างแน่นอน 

รวมวิธีล้างผักผลไม้ที่สะอาดและปลอดภัย

1. ล้างผักผลไม้ด้วยการแช่น้ำ

1. ล้างผักผลไม้ด้วยการแช่น้ำ เริ่มต้นกันด้วยวิธีแรกที่ทำได้ง่ายและสุดแสนจะเบสิค คือ การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำสะอาด ไม่ต้องใช้ตัวช่วยอะไรเพิ่มเติม แต่ต้องมีเวลา โดยนำผักผลไม้แช่ไปในน้ำเปล่าประมาณ 15 นาที จากนั้นเปิดก๊อกให้น้ำไหลผ่าน ระหว่างนี้ให้ใช้นิ้วถูทุกซอกมุม หากผักเป็นแบบใบให้คลี่หรือเด็ดออก แล้วใช้นิ้วขัดถูให้ครบทุกใบ จากนั้นแช่น้ำต่ออีกประมาณ 5 นาที แล้วจึงนำขึ้นสะเด็ดน้ำและเตรียมปรุงอาหารต่อได้เลย

2. ล้างด้วยวิธีให้น้ำไหลผ่าน

2. ล้างด้วยวิธีให้น้ำไหลผ่าน การล้างโดยให้น้ำไหลผ่านฟังดูเหมือนง่าย แต่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเพียงปล่อยให้น้ำไหลผ่านผักและผลไม้เท่านั้น แต่วิธีที่ถูกต้องคือ ผักที่มีใบต้องเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ ก่อน จากนั้นน้ำมาใส่ตะแกรงหรือตะกร้าโปร่ง แล้วเปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ระหว่างล้างให้ใช้นิ้วถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้ไปด้วยประมาณ 2 นาที เพื่อทำความสะอาด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและสามารถทำความสะอาดได้ดี แต่ใช้น้ำปริมาณมาก 

3. ล้างด้วยน้ำเกลือ

3. ล้างด้วยน้ำเกลือ เกลือ เป็นวัตถุดิบติดครัวที่สามารถนำมาใช้ล้างผักและผลไม้ได้เช่นกัน โดยนำเกลือ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติ 4 ลิตร จากนั้นนำผักหรือผลไม้ลงแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ก่อนจะนำขึ้นมาใช้นิ้วขัดถูกอีกครั้ง แล้วล้างน้ำเกลือออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยกำจัดยาฆ่าแมลงให้หลุดจากผักผลได้ดี แต่ข้อควรระวังคืออย่าใส่เกลือปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้ผักหรือผลไม้มีรสเค็มได้

4. ใช้ด่างทับทิม

4. ใช้ด่างทับทิม ด่างทับทิม หรือสารโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต มีคุณสมบัติเป็นเกลือที่เป็นเบสอ่อน ๆ จึงนิยมนำไปกำจัดเชื้อโรค หรือเชื้อราบนพืชต่าง ๆ รวมทั้งสามารถนำมาใช้ทำความสะอาดผักหรือผลไม้ได้เช่นกัน โดยใช้ด่างทับทิมประมาณ 20 เกล็ดผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง ข้อควรระวังคือการใช้ด่างทับทิมต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากใช้เยอะจนเกินไปผักและผลไม้จะเหี่ยวหรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลได้ และหากสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

5. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู

5. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชู เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่สามารถล้างสารพิษตกค้างได้มากถึง 84% โดยมีวิธีง่าย ๆ คือ นำน้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:10 แล้วจึงนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็มีข้อควรระวังคือ ภาชนะที่ใส่ผักหรือผลไม้ไม่ควรเป็นพลาสติก เพราะน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด และผักบางชนิดอาจดูดกลิ่นและรสเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูได้ เช่น ผักกาดขาว จึงอาจไม่เหมาะกับการล้างด้วยวิธีนี้

6. ใช้เบกกิ้งโซดา

6. ใช้เบกกิ้งโซดา มาถึงผงสารพัดประโยชน์อย่างเบกกิ้งโซดา ที่นอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังนำมาใช้ล้างสารพิษจากผักและผลไม้ได้อีกด้วย โดยนำเบกกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำสะอาด 10 ลิตร จากนั้นนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถลดสารพิษตกค้างได้ถึง 90-95% เลยทีเดียว

7. ล้างด้วยน้ำยาล้างผักสูตรเฉพาะ

7. ล้างด้วยน้ำยาล้างผักสูตรเฉพาะ ปัจจุบันมีการผลิตน้ำยาล้างผักโดยเฉพาะ ไม่ทิ้งกลิ่นและสารตกค้าง เหมาะสำหรับนำมาทำความสะอาดผักและผลไม้ที่มีการปนเปื้อนยาฆ่าแมลง โดยเลือกใช้น้ำยาล้างผักความเข้มข้น 0.3% ผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร แล้วนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง  จะเห็นได้ว่าวิธีล้างผักและผลไม้ที่เรานำมาฝากมีข้อดีและข้อควรระวังต่างกัน จะเลือกวิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน แม้ว่าการล้างผักและผลไม้จะเสียเวลาไปบ้าง แต่ยอมเสียเวลานิดหน่อยเพื่อให้เราได้กินผักและผลไม้ที่สะอาด ปลอดสารพิษตกค้าง และเพื่อสุขอนามัยที่ดียิ่งขึ้น ห้ามลืมทำความสะอาดอ้างล้างจานหลังล้างผักและผลไม้เสร็จ เพื่อให้อ่างล้างจานปราศจากสารพิษที่มาจากผักและผลไม้ ปลอดภัยพร้อมใช้งานต่อ
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Rating
  • Price
  • Description
  • Content
  • Additional information
  • Add to cart
เปรียบเทียบสินค้า