- เบกกิ้งโซดา
- ผ้าสะอาด
- น้ำยาล้างจาน
- น้ำส้มสายชู
- ผ้าแห้ง
- แปรงสีฟัน
- ฟองน้ำ
- กระดาษทิชชู
- มะนาว
แจก 10 สูตรผัดกะเพราง่าย ๆ
รวม 10 สูตรผัดกะเพราทำเองได้ง่าย ๆ
ส่วนใหญ่แล้ว วัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในการทำผัดกะเพราก็ คือ ใบกะเพรานั่นเอง สามารถใส่ได้ตามใจชอบ ยิ่งใส่เยอะก็จะสร้างกลิ่นหอมได้ดีทีเดียว และใบกะเพรายังมีสรรพคุณดี ๆ หลายอย่างเช่น ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นบรรเทาอาการหวัด รับรองว่าผัดกะเพราทั้งอร่อย และดีต่อสุขภาพด้วย1.สูตรผัดกะเพราเนื้อสับ
- กะเพรา 30 กรัม
- เนื้อวัวบด 500 กรัม
- พริกแห้ง 20 กรัม
- กระเทียมสับ 30 กรัม
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น
วิธีการทำ
ตำกระเทียมและพริกแห้งเข้าด้วยกัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันเปิดเตาแก๊สไฟกลาง แล้วใส่พริกกระเทียมที่ตำไว้เจียวให้หอม แล้วใส่เนื้อสับลงไปผัดให้เนื้อสุกพอประมาณ แล้วใส่ซอสหอยนางรม น้ำปลา ซีอิ๊วดำหวาน พริกไทยป่นใส่ได้ตามชอบ และผัดจนเนื้อสุก ชิมและปรุงอีกครั้งเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ จากนั้นใส่ใบกะเพรา พริกแห้ง ผัดให้เข้ากัน พร้อมรับประทานได้2.ผัดกะเพราหมูกรอบ
- กะเพรา 20 กรัม
- หมูกรอบ 150 กรัม
- กระเทียม 20 กรัม
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- พริกแดงจินดา 30 กรัม
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2/3 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช และนำพริกกระเทียมที่ตำหรือปั่นแล้วลงไปผัดให้มีความหอม หลังจากนั้นใส่ซอสหอยนางรม และซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยป่นลงไป ผัดให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำเปล่าเข้าไปเพื่อให้ไม่แห้งจนเกินไป ผัดให้เข้ากันแล้วชิมปรุงรสตามชอบ ควรเผื่อรสชาติให้เข้มข้นไว้สักหน่อย เพราะตอนใส่หมูรสชาติจะจางลงนิดหน่อยด้วย เมื่อปรุงรสชาติเรียบร้อยแล้ว จึงเติมหมูกรอบลงไปพร้อมใบกะเพรา ผัดจนใบกะเพราสุกจากนั้นก็พร้อมรับประทาน3.ผัดกะเพราเนื้อชิ้น
- เนื้อวัว 250 กรัม
- กะเพรา 15 กรัม
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2/3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- พริกแดงจินดา 40 กรัม
- กระเทียม 30 กรัม
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน แล้วใส่พริกกระเทียมที่ตำไว้เจียวให้หอม จากนั้นใส่เนื้อที่หั่นไว้เป็นชิ้นลงไป เมื่อผัดจนเนื้อเกือบจะสุกให้ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย พริกไทยป่นเพิ่มความหอม จากนั้นผัดต่อจนเนื้อสุกหากชิมแล้วยังไม่ได้รสชาติที่ต้องการสามารถปรุงอีกได้ จากนั้นใส่ใบกะเพราผัดจนใบกะเพราสุก เสร็จแล้วตักใส่จานพร้อมรับประทาน4.สูตรผัดกะเพราหมูสับ
- กะเพรา 50 กรัม
- เนื้อหมู 400 กรัม
- พริกแดง 10 เม็ด
- พริกแห้ง 5 เม็ด
- กระเทียม 2 หัว
- ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอย 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
ตำหรือปั่นกระเทียมและพริกเข้าด้วยกัน ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่พริกกระเทียมแล้วเจียวให้หอมได้ที่ แล้วใส่เนื้อสับลงไปผัดให้เนื้อสุกพอประมาณ แล้วใส่ซอสหอยนางรม น้ำปลา พริกไทยป่นใส่ได้ตามชอบ และผัดจนเนื้อสุก ชิมและปรุงอีกครั้งเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ จากนั้นใส่ใบกะเพรา พริกแห้ง ผัดให้เข้ากัน พร้อมรับประทานได้5.ผัดกะเพราทูน่า
- กะเพรา 50 กรัม
- ทูน่ากระป๋องยี่ห้อใดก็ได้ 1 กระป๋อง
- พริกแดง 6 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ
- น้ำตาล ½ ช้อนชา
- ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
ทำผัดกะเพราด้วยขั้นตอนแรกคือ ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันตามด้วยพริกกระเทียมเจียวให้หอม แล้วค่อยใส่ปลาทูน่าและน้ำของปลาทูน่าลงไปด้วยเพื่อไม่ให้ผัดกะเพราแห้งเกินไป จากนั้นตามเครื่องปรุงต่าง ๆ อย่างซอสน้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน ไม่ต้องนานเกินไป เพราะทูน่านั้นสุกมาอยู่แล้ว จากนั้นใส่ใบกะเพรา ผัดต่อให้ใบสุก ตักใส่จานพร้อมรับประทาน6.ผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า
- กะเพรา 80 กรัม
- เนื้อหมูบด 300 กรัม
- ไข่เยี่ยวม้า 2 ฟอง
- น้ำตาล ½ ช้อนชา
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ
- พริก 10 เม็ด (ลดหรือเพิ่มได้ตามใจชอบ)
- กระเทียม 10 กลีบ
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอจนน้ำมันร้อนแล้วแบ่งใส่ใบกะเพราลงไปครึ่งหนึ่ง ทอดจนใบกะเพรากรอบเพื่อไว้โรยแต่งหน้า จากนั้นใช้ไฟกลางแล้วใส่ไข่เยี่ยวม้าแบบผ่าครึ่งลงไปทอดแค่ให้ผิวด้านนอกกรอบฟูนำขึ้นพักไว้ จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันสองช้อนโต๊ะแล้วใส่พริกกระเทียมที่ตำไว้ลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้นใส่หมูบดลงไปพร้อมใส่น้ำเปล่าลงไป ผัดต่อจนหมูร่วน แล้วใส่น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ซีอิ๊วดำ ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน จากนั้นใส่ไข่เยี่ยวม้าลงไปคลุกด้วย แล้วใส่ใบกะเพราที่เหลืออยู่ลงไปผัดด้วย จากนั้นตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยใบกะเพรากรอบที่ทอดไว้7.ผัดกะเพราปลาหมึก
- กะเพรา 50 กรัม
- หนวดปลาหมึก หรือตัวปลาหมึก 300 กรัม
- น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
- ซอสปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 2 หัว
- พริกแดง 10 เม็ด
วิธีการทำ
นำปลาหมึกที่เตรียมไว้ไปลวกก่อน แล้วพักไว้ จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วใส่พริกกระเทียมที่ตำไว้ลงไปผัดให้มีกระเทียมมีสีเหลือง แล้วใส่ปลาหมึกที่ลวกไว้ลงไปและปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส ผัดให้เข้ากันโดยไม่ต้องเติมน้ำเปล่าลงไปเพราะจะมีน้ำจากปลาหมึกออกมาอีก จากนั้นใส่ใบกะเพราลงไปผัดก็พร้อมรับประทาน8.ผัดมาม่ากะเพราแห้ง
- ใบกะเพรา 50 กรัม
- เส้นมาม่ายี่ห้อใดก็ได้ 1 ห่อ
- หมูสับ 100 กรัม
- พริกแดง 9 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ (เพิ่มหรือลดได้ตามความชอบ)
- น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล ½ ช้อนชา
วิธีการทำ
ลวกเส้นมาม่าเอาไว้ก่อน เสร็จแล้วตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วใส่พริกกระเทียมที่ตำไว้ลงไปผัดให้มีกลิ่นหอมกระเทียมมีสีเหลือง แล้วใส่หมูสับลงไปผัดจนหมูเริ่มร่วน แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วดำ เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อยไม่ให้แห้งจนเกินไป จากนั้นค่อยเติมเส้นมาม่าที่ลวกไว้ลงไปผัดด้วย จากนั้นผัดจนเข้ากัน แล้วค่อยใส่ใบกะเพราตามมาผัดต่อ จากนั้นตักใส่จานพร้อมรับประทาน9.สูตรผัดกะเพราเป็ดพะโล้
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- เป็ดพะโล้ ½ ตัว
- พริกแห้ง 12 เม็ด
- กระเทียม 15 กลีบ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล ½ ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
เริ่มด้วยการตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวพริกกระเทียมให้หอมตามด้วยเป็ดพะโล้ที่หั่นเป็นชิ้นจนเข้าที่ แล้วปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล ซีอิ๊วดำ หากรู้สึกว่าแห้งไปสามารถเติมน้ำเปล่า หรือน้ำซุปเข้าไปได้ จากนั้นผัดให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันจนได้ที่แล้ว ให้ใส่ใบกะเพราลงไปผัดด้วย เสร็จแล้วตักใส่จานพร้อมรับประทาน10.ข้าวกะเพราคลุกหมูสับ
- ใบกะเพรา 40 กรัม
- หมูบดหรือหมูสับ 300 กรัม
- ข้าวสวย 300 กรัม
- กระเทียมจีน 15 กรัม
- กระเทียมไทย 15 กรัม
- พริกแดง 20 กรัม
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีการทำ
ขั้นตอนแรกของการทำผัดกะเพรา คือ ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวพริกกระเทียมให้หอมและสุกจนเป็นสีเหลือง จากนั้นตามด้วยใส่หมูสับผัดจนร่วน แล้วปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา น้ำตาล พริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย จากนั้นตามด้วยการใส่ข้าวสวยลงไปผัด ให้เข้ากัน ตักใส่จานพร้อมรับประทานคู่กับไข่ดาวก็ได้เช่นกันสูตรผัดกะเพราที่ทำเองได้ง่าย ๆ
5 วิธีดับกลิ่นอับในห้อง
หลายคนมักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นอับในห้องครัว เนื่องจากการทำอาหาร ซึ่งอาหารไทยนั้นมักจะมีกลิ่นของเครื่องเทศแรง รวมถึงอาหารค่อนข้างรสจัด ทำให้อาจเกิดกลิ่นอับในห้องครัวได้ จนอาจจะกวนใจใครหลายคน เราจึงมีวิธีดับกลิ่นอาหารในห้อง หรือห้องครัวมาฝากกัน
รวม 5 วิธีกลิ่นอับในห้องครัวที่ได้ผลจริง
บางครั้งการที่เกิดกลิ่นอับในห้องครัวนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการทำอาหารที่ต้องผัดหรือทอด ไม่มีช่องระบายอากาศทำให้กลิ่นอาหารสะสมกันจนกลายเป็นกลิ่นอับหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ หรือมักปิดประตูหน้าต่างเอาไว้ตลอดเวลาทำให้อากาศไม่ถ่ายเท จะมีวิธีดับกลิ่นอาหารในห้องหรือห้องครัวที่ช่วยได้
1.เลือกติดตั้งฮูดดูควันหรือเครื่องดูดควันในห้องครัว
ปัจจุบันหลายบ้านก็มีการติดตั้งเครื่องดูดควัน หรือฮูดดูดควันกันมากขึ้น มักจะมีการติดตั้งเหนือเตาแก๊สเพื่อใช้ดูดควันและกลิ่นจากการทำอาหาร ยิ่งหากเป็นบ้านหรือห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศและไม่มีหน้าต่างให้ระบายอากาศ ควรจำเป็นต้องติดเครื่องดูดควันอย่างมากเพื่อให้เกิดการระบายอากาศที่ดี และส่วนของฮูดดูดควันจะดูดซับควัน และกลิ่นผ่านทางท่อระบายและปล่อยออกไปยังนอกตัวบ้าน หรือจะเป็นการติดตั้งเครื่องดูดควันแบบไม่เจาะผนัง ได้เช่นกัน ที่สามารถช่วยลดกลิ่นอับในห้องครัวที่อาจเกิดจากการทำอาหารได้
2.ใช้เครื่องฟอกอากาศดับกลิ่น
อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีคือการใช้เครื่องฟอกอากาศ โดยเครื่องฟอกอากาศจะสามารถช่วยปรับอากาศ กรองฝุ่นและควัน ขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ และควรเลือกรุ่นที่สามารถลดควันได้ หากจะนำไปใช้งานในห้องครัวเพื่อช่วยลดกลิ่น และปรับให้อากาศสะอาดขึ้นได้ด้วย เหมาะอย่างมากในห้องที่ไม่มีที่ระบายอากาศ หรือไม่มีหน้าต่างให้ลมผ่านเข้ามา
3.เปิดหน้าต่างช่วยระบายอากาศ
บางบ้านนั้นอาจมีการออกแบบให้มีหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศไว้ในห้องครัวให้พร้อมอยู่แล้ว เพื่อระบายอากาศ แต่บางบ้านนั้นอาจสร้างห้องครัวไว้ในมุมที่อับเกินไป ทำให้อาจเกิดกลิ่นอับ อบอวลอยู่ภายในบ้านได้ ดังนั้นควรมีการติดตั้งช่องระบายอากาศเอาไว้ด้วย เพื่อช่วยระบายอากาศ และหากบ้านไหนอยากดับกลิ่นอาหารแล้วมีหน้าต่างก็ให้เปิดออกเพื่อระบายอากาศได้เช่นกัน
4.ทำความสะอาดห้องครัวทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ
การทำความสะอาดห้องครัวหลังใช้เสร็จทันทีก็จะช่วยลดกลิ่นอับในห้องครัวได้ และยังช่วยป้องกันสัตว์ อย่าง หนู มด แมลงสาบ เข้ามากินเศษอาหารได้ด้วย เช่น การนำถังขยะไปล้างทำความสะอาดหลังเอาขยะไปทิ้ง ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วบริเวณถังขยะ อ่างล้างจาน เก็บเศษอาหารในท่อไปทิ้งให้หมด ไม่เหลือเศษอาหารทิ้งไว้ในห้องครัว หรือหากมีอาหารก็ควรเก็บให้มิดชิด เก็บใส่กล่องหรือตู้ที่ปิดมิดชิด
5.วางตำแหน่งห้องครัวให้ถูกทิศทางลมตั้งแต่แรก
ปัญหากลิ่นอับในห้องครัวนั้น แท้จริงแล้วสามารถแก้ไขได้ หรือเริ่มตั้งแต่การลดปัญหาตั้งแต่แรกอย่างสร้างห้องครัวตามทิศทางลม สร้างหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ ซึ่งในสมัยก่อนมักมีการเจาะผนังและติดพัดลมระบายอากาศ แต่ในปัจจุบันมักนิยมติดที่ดูดควันมากกว่า เนื่องจากระบายอากาศ และกลิ่นได้ดีกว่า และยังมีดีไซน์สวยงามทันสมัยด้วย ถือเป็นอีกทางที่ช่วยดับกลิ่นอาหารในห้องครัวได้เป็นอย่างดี
7 สูตรเค้กคีโตทานได้ไม่กลัวอ้วน
คีโตคืออะไร?
คีโต หรือชื่อเต็ม ๆ คือ คีโตเจนิค คือ การกินแบบ low-carb, high-fat diet ซึ่งจะเน้นการกินเฉพาะไขมันดีเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกาย แบ่งสัดส่วนได้คือ ไขมัน 75% โปรตีน 25% คาร์โบไฮเดรต 5% น้ำหนักจะเริ่มลดได้เมื่อร่างกายเข้าสู่โหมดคีโตสีส (Ketosis) และมีการดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลัก จึงทำให้ต้องมีการกินไขมันเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้นั่นเองรวม 7 สูตรเค้กคีโตจาก Tecnogas
หลายคนอาจจะคิดว่าการกินคีโตจะมีแต่ของคาว แต่ปัจจุบันก็มีการทำขนมคีโตแบบต่าง ๆ ออกมาด้วย ซึ่งแต่ละเมนูนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ เราได้รวบรวมสูตรการขนม และเค้กสำหรับผู้ที่กินคีโตมาไว้ให้แล้วไปดูกันเลยว่าจะน่าทานแค่ไหน1.ชีสเค้กคีโต
ส่วนผสม- เนย 20 กรัม
- ครีมชีส 200 กรัม
- วิปปิ้งครีม 50 มิลลิลิตร
- เชดดาร์ชีส 40 กรัม
- ไข่ 4 ฟอง
- อิริทริทอล 100 กรัม
2. เค้กช็อกโกแลตคีโต
ส่วนผสม- เนย 30 กรัม
- ดาร์กช็อกโกแลต 50 กรัม
- มอสซาเรลล่าชีส 40 กรัม
- ครีมชีส 90 กรัม
- วิปปิ้งครีม 90 มิลลิลิตร
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ผงโกโก้ 100% 20 กรัม
- อิริทริทอลป่น 90 กรัม
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
3. เค้กไข่ไต้หวันคีโต
ส่วนผสม- เนย 70 กรัม
- วิปปิ้งครีม 70 กรัม
- ไข่ 5 ฟอง
- ผงอัลมอนด์ 70 กรัม
- กลิ่นวานิลลา
- อิริทริทอล 100 กรัม
4. ชีสเค้กคีโตหน้าไหม้
ส่วนผสม- ไข่ 2 ฟอง
- ครีมชีส 250 กรัม
- สตีเวีย 70 กรัม.
- วิปปิ้งครีม 120 กรัม
- กลิ่นวนิลลา 1 ช้อนชา
5. ชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อนคีโต
ส่วนผสม- ไข่ขาว 4 ฟอง
- ไข่แดง 4 ฟอง
- น้ำมันมะพร้าว 60 กรัม
- กะทิ 80 กรัม
- สตีเวีย 30 กรัม
- อัลมอนด์ 80 กรัม
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- เกลือสีชมพู 1/4 ช้อนชา
6. บราวนี่หน้ากรอบคีโต
ส่วนผสม- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- เนยเค็ม 100 กรัม
- ช็อกโกแลต 20 กรัม
- ผงโกโก้ 30 กรัม
- สตีเวีย 120 กรัม
- กลิ่นวานิลา 1 ข้อนชา
- อัลมอนด์ 200 กรัม
- อัลมอนด์สไลด์ 20 กรัม
บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก คีโต
ส่วนผสม- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ครีมชีส 250 กรัม
- สตีเวีย 85 กรัม
- บลูเบอร์รี่ 40 กรัม
- อัลมอนด์ 120 กรัม
- เนยเค็มละลาย 30 กรัม
- ครีมเปรี้ยว 45 กรัม
ทำเค้กคีโตเองได้ง่าย ๆ
การทำเค้กคีโตนั้นดูแล้วไม่ยากเลย ใครที่เป็นมือใหม่ก็สามารถทำได้แน่นอน แค่ที่บ้านมีเตาอบไฟฟ้าก็สามารถทำขนมคีโตกินเองได้ และแต่ละสูตรเราได้คัดมาให้แล้ว พร้อมบอกวิธีทำแบบง่าย ๆ ด้วย ใครที่ซื้อขนมคีโตกินบ่อย ๆ ลองหันมาทำเองบ้างก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้ด้วย8 เมนูปลานึ่งด้วยเตาอบ
รวม 8 เมนูปลานึ่งยอดนิยมที่คุณก็ทำเองได้ด้วยเตาอบ
วิธีทำปลานึ่งโดยการใช้เตาอบทำนั้น อาจต้องมีการศึกษาดูว่าปลาแต่ละชนิดต้องใช้ความร้อนมากน้อยเพียงใด ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อให้ได้เนื้อปลาที่กำลังดีสำหรับรับประทาน เป็นเมนูที่ทำได้ง่าย ทำได้เองที่บ้าน หากใครที่ต้องการเพิ่มรสชาติ อาจทำน้ำจิ้มซีฟู๊ดกินคู่กันได้เช่นกัน1.ปลากะพงนึ่งมะนาว
เครื่องปรุงและส่วนผสม- พริกขึ้หนู
- กระเทียมสับ 1/3 ถ้วย
- มะนาว
- ผักชี
- ผักขึ้นฉ่าย
- ขิงซอย
- น้ำปลา
- น้ำมะนาว
- ซีอิ๊วขาว 45 มิลลิลิตร
- น้ำซุป 30 มิลลิลิตร
- ปลากะพง
- ล้างทำความสะอาด แล้วหั่นบั้งปลากะพง แล้วนำปลาลงภาชนะที่จะอบ
- ผสมน้ำยำโดยใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไปคือ น้ำซุป น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว แล้วคนให้ทุกอย่างเข้ากัน
- นำน้ำยำราดลงบนตัวปลาให้ทั่ว ห่อฟอยล์คลุมภาชนะที่ใส่ปลา แล้วนำไปเข้าเตาอบ ประมาณ 10-15 นาที
- จากนั้นนำออกมา ตกแต่งด้วยมะนาว กระเทียม พริกขี้หนูซอย ขึ้นฉ่าย พร้อมรับประทาน
2.ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ปลากะพง
- ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
- ขิงอ่อนซอย
- พริกแดงหวานซอย
- ผักขึ้นฉ่าย
- ต้นหอมซอย
- ขิงสับ+กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 1-2 ช้อนโต๊ะ
- ล้างปลาและทำความสะอาดให้สะอาด
- วางปลาในถาดแก้ว หรือภาชนะที่สามารถใส่เตาอบได้ และวอร์มเตารอไว้ที่ 400 F ประมาณ 10-15 นาที
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เพื่อเจียวขิงและกระเทียมสับ ใส่น้ำเปล่า 30 มิลลิลิตร และซีอิ๊วลงไปแล้วปิดไฟได้
- จากนั้นเอาขิง และพริกวางเรียงบนตัวปลา และนำน้ำซอสที่ทำไว้แล้วราดบนตัวปลาให้ทั่ว จากนั้นใช้กระดาษฟอยล์ คลุมถาดแก้ว นำเข้าเตาอบประมาณ 20 นาที
- แล้วเปิดกระดาษฟอยล์เพื่อใส่ต้นหอม แล้วอบต่อ 10-15 นาที จนปลาสุกได้ที่จึงนำออกมาจากเตา
3.ปลาแซลมอนนึ่งซีอิ๊ว
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย
- ขิงซอย
- พริกไทยป่น
- พริกชี้ฟ้าซอย
- เนื้อปลาแซลมอน
- เริ่มจากการผสมเครื่องปรุง ซีอิ๊วขาว เหล้าจีน น้ำตาลทราย พริกไทยป่น น้ำมันงา น้ำเปล่าแล้วคนให้เข้ากัน
- นำส่วนผสมทั้งที่ผสมไว้แล้ว ราดลงบนชิ้นปลา ด้านบนโรงด้วยขิงซอยเล็กน้อย
- คลุมจานปลาด้วยพลาสติกแรปที่สามารถนำเข้าเตาอบไมโครเวฟได้ เจาะรูบนพลาสติกแรปเพื่อให้ระบายความร้อนได้
- นำปลาเข้าเตาอบ ซึ่งเมนูนี้ใช้เตาอบไมโครเวฟได้ โดยมีการใช้ความร้อนประมาณ 600 วัตต์ นาน 6-7 นาที
- จากนั้นตกแต่งด้วยขิง พริก ต้นหอมซอย
4.ปลาเก๋านึ่งมะนาว
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ปลาเก๋า
- พริกขี้หนูซอย
- มะนาวฝานบาง ๆ
- น้ำมะนาว 9-10 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ
- ขึ้นฉ่ายซอย
- น้ำตาลทราย
- น้ำปลา 7-8 ช้อนโต๊ะ
- อุ่นเตาอบเอาไว้ที่ 350 องศา
- ทำความสะอาดปลาให้สะอาด นำฟอยล์มารองก้นภาชนะที่จะใช้อบ บั้งปลาแล้วนำไปวางบนภาชนะที่เตรียมไว้
- ปรุงส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน คือน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะนาว มะนาวฝานวางแต่งบนตัวปลา คนให้เข้ากัน แล้วราดลงบนตัวปลา
- นำฟอยล์มาคลุมภาชนะให้ทั่ว ก่อนนำปลาเข้าเตาอบ ประมาณ 15 นาที หรือเพิ่มเวลาตามขนาดของปลา เพื่อให้เนื้อด้านในสุกเท่ากัน
- นำออกจากเตาอบ เปิดฟอยล์แล้วจัดจานด้วยพริกขี้หนูซอย ขึ้นฉ่ายซอย กระเทียมสับ
5.ปลากะพงซอสปอนสึ
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ปลากะพง
- น้ำมันงา
- น้ำซุป
- ซอสปอนสึ
- ขิงซอย
- พริกชี้ฟ้าแดงซอย
- ต้นหอม
- เริ่มจากการทำปลาให้สะอาด
- อุ่นเตาอบเอาไว้ 350 องศา
- ตั้งกระทะเคี่ยวซอสปอนสึกับน้ำซุปจนข้น
- นำปลาใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วนำน้ำที่ซอสปอนสึที่เคี่ยวไว้มาราดบนเนื้อปลา
- ใส่ขิงซอย พริกชี้ฟ้าแดงซอยลงไป ห่อฟอยล์คลุมตัวปลาให้มิดชิด
- นำเข้าเตาอบแล้วอบ ประมาณ 15-20 นาที เสร็จแล้วเอาออกมาแล้วโรยด้วยต้นหอมซอย
6.ปลากะพงนึ่งเต้าเจี้ยว
เครื่องปรุงและส่วนผสม- เต้าเจี้ยว1 ½ ช้อนโต๊ะ
- ขิง (สับ)2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม6 กลีบ
- พริกจินดา 2 เม็ด
- น้ำสะอาด3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย1 ช้อนโต๊ะ
- ปลากะพงขิงซอย
- ต้นหอมซอย
- พริกชี้ฟ้า
- เปิดวอร์มเตาอบ ไว้ที่ 400 F ประมาณ 15 นาที
- สับกระเทียม พริก และขิงเข้าด้วยกัน แล้วนำไปผสมกับเต้าเจี้ยว น้ำตาลทราย และน้ำสะอาด คนให้เข้ากัน
- บั้งชิ้นปลากะพง แล้ววางลงบนฟอยล์
- ราดปลาด้วยน้ำเต้าเจี้ยวและส่วนผสมต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ จากนั้นห่อฟอยล์คลุมตัวปลา
- นำเข้าเตาอบประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าปลาจะสุก
- นำปลาออกมาโรยด้านบนด้วยพริกซอย ต้นหอมซอย ขิงสับ
7.ปลาทับทิมนึ่งบ๊วย
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ปลาทับทิม 1 ตัว
- บ๊วยดองพร้อมน้ำ 60 กรัม
- กระเทียมดอง 80 กรัม
- ขิงซอย 80 กรัม
- ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 4 ช้อนโต๊ะ
- ผักกาดขาว
- ผักขึ้นฉ่าย
- เปิดวอร์มเตาอบ ไว้ที่ 500 F ประมาณ 10 นาที
- ผสมส่วนผสมต่างเข้าด้วยกัน คือซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม
- ซอยเนื้อกระเทียมดอง บี้เนื้อบ๊วยออกจากเม็ด แล้วนำไปผสมกับซอส แล้วนำไปทาให้ทั่วตัวปลา
- นำฟอยล์มารองก้นภาชนะที่จะใช้อบก่อน เอาปลาลงไป
- ห่อฟอยล์คลุมตัวปลาหลวม ๆ
- นำเข้าเตาอบ 15 นาที นำออกมาเปิดฟอยล์แล้ววางผักกาดขาว และผักขึ้นฉ่ายลงไป ห่อฟอยล์ปิดไว้ เข้าเตาอบอีก 5 นาที
8.เมี่ยงปลานิลนึ่ง
เครื่องปรุงและส่วนผสม- ปลานิล 1 ตัว
- เกลือป่น
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วตัด 50 กรัม
- ตะไคร้ทุบ
- รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูด 3-4 ใบ
- กระเทียมไทย
- พริกขี้หนู
- ขนมจีน หรือหมี่ขาว
- ผักที่ใช้กินกับปลา เช่นผักกาด ผักสลัด โหระพา ผักชีฝรั่ง
- เริ่มทำน้ำจิ้มโดยการตำถั่วตัดให้พอละเอียดแล้วตักแยกไว้
- ทำน้ำจิ้มโดยตำรากผักชี พริก กระเทียมตำพอให้แหลก แล้วตามด้วย น้ำปลา น้ำเปล่า น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และถั่วตัดที่ตำไว้ คนให้เข้ากัน เสร็จในส่วนของน้ำจิ้ม
- วอร์มเตาอบ วอร์มเตารอไว้ที่ 400 F ประมาณ 10-15 นาที
- นำปลาทำความสะอาด ตัดครีบและหางออก บั้งเนื้อปลา แล้วทาเกลือให้ทั่ว
- นำตะไคร้ทุบ และใบมะกรูดยัดใส่ในปากปลา เพิ่มความหอม ลดกลิ่นคาว
- นำปลาลงในภาชนะที่จะอบ แล้วห่อฟอยล์เอาลงเตาอบประมาณ 15 นาที แล้วกินคู่กับผักและน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ได้เลย