รวม 3 สูตรเค้กช็อกโกแลตทำง่ายๆ ต้อนรับคริสต์มาส

รวม 3 สูตรเค้กช็อกโกแลตทำง่ายๆ ต้อนรับคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาส เทศกาลแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีใกล้เข้ามาถึงแล้ว ใครที่มีแผนจะจัดงานปาร์ตี้ แล้วยังไม่รู้ว่าจะเตรียมอะไรให้กับแขกที่มางานดี เราขอแนะนำสูตรเค้กช็อกโกแลตที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ที่สำคัญยังมีรสชาติอร่อย หวานละมุน ใครได้กินก็ต้องถูกใจ หากคุณมีเตาอบคุกกี้ดี ๆ หรือ เตาอบราคาถูกคุณภาพเยี่ยมจาก Tecnogas อยู่ในครัวละก็ อย่ารอช้า รีบจดสูตรแล้วไปทำตามกันเลย!

สูตรเค้กช็อกโกแลตที่ 1 : เค้กช็อกโกแลตไส้มูสคาราเมล โดนใจสายหวาน!

เริ่มต้นด้วยสูตรเค้กช็อกโกแลตเนื้อสปันจ์นุ่ม ๆ ที่เหมาะจะนำมาทำเป็นเค้กเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสมาก ๆ เพราะมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ได้รสสัมผัสหอมหวานของมูสคาราเมลเต็มคำ จะกินเนื้อเค้กเพียว ๆ หรือนำไปกินคู่กับผลไม้สดรสหวานเปรี้ยวอย่างสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี กีวี่ ก็เข้ากันดี ถูกใจเด็กและผู้ใหญ่แน่นอน

ส่วนผสมของเค้กช็อกโกแลตไส้มูสคาราเมล

ส่วนผสมของเค้กสปันจ์ มีดังนี้

  • ไข่ไก่ 6 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 140 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 60 กรัม
  • ผงโกโก้สีเข้ม 15 กรัม
  • เนยละลาย 60 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่งและของตกแต่งเค้กคริสต์มาสสำหรับเสิร์ฟ

ส่วนผสมของมูสคาราเมล มีดังนี้

  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 80 + 20 กรัม
  • น้ำสะอาด 2 + 2 ช้อนโต๊ะ
  • วิปครีม 240 + 120 มิลลิลิตร
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ผงเจลาติน 9 กรัม

วิธีการทำเค้กช็อกโกแลตไส้มูสคาราเมล

วิธีการทำเค้กสปันจ์

  • เริ่มต้นด้วยการทำเค้กสปันจ์ก่อน โดยตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่างไฟบน เตรียมพิมพ์ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 พิมพ์ และรองกระดาษไขที่ฐานและด้านข้างให้เรียบร้อย
  • ร่อนแป้งสาลี แป้งข้าวโพด และผงโกโก้ให้เข้ากัน และพักไว้
  • ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากันจนขึ้นตัว มีความหนา และสีอ่อน
  • แบ่งส่วนผสมแห้งที่เตรียมไว้เป็น 3 ส่วน ค่อย ๆ ใส่ และตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน
  • ตักส่วนผสมที่เข้ากันส่วนหนึ่งไปผสมกับเนยละลายให้เข้ากัน แล้วนำมาผสมกับส่วนผสมหลัก
  • แบ่งใส่ถาดที่เตรียมไว้ให้เท่า ๆ กัน และนำไปอบเป็นเวลา 30 นาที
  • พักในพิมพ์ 10 นาที แล้วนำออกมาพักบนตะแกรงให้เย็นสนิท

วิธีการทำมูสคาราเมล

  • ในระหว่างที่รอเค้กสปันจ์เย็นสนิทให้ไปทำมูสคาราเมล โดยการใส่น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะในเจลาติน พักให้พองตัวดี 
  • แยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกันให้เรียบร้อย
  • นำน้ำตาลทรายขาว 80 กรัมไปผสมกับน้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟอ่อน ๆ และเคี่ยวจนเป็นคาราเมลสีเข้ม หลังจากนั้นให้ใส่วิปปิ้งครีม 240 มิลลิตร และวานิลลาลงไป แล้วเคี่ยวให้เข้ากันดี
  • นำคาราเมลออกจากความร้อน แล้วค่อย ๆ แบ่งส่วนผสมลงไปในไข่แดง และคนให้เข้ากัน
  • เมื่อผสมกับไข่แดงเรียบร้อยแล้ว ให้นำกลับมาใส่หม้อตั้งไฟอ่อน ๆ และคนจนส่วนผสมข้นขึ้นปานกลาง แต่ห้ามเดือด (วัดได้จากส่วนผสมเคลือบหลังช้อนได้)
  • ตีวิปปิ้งครีมส่วนที่เหลือให้ตั้งยอดอ่อน และพักไว้
  • ตีไข่ขาวส่วนที่เหลือกับน้ำตาลทรายขาว 20 กรัม ให้ตั้งยอดอ่อน 
  • นำไข่ขาวและวิปปิ้งครีมตะล่อมเข้าด้วยกัน แล้วนำไปตะล่อมกับคาราเมลที่ทำไว้

วิธีการประกอบเค้กช็อกโกแลตไส้มูสคาราเมล

  • นำมูสคาราเมลที่ทำให้มาปาดให้ทั่วตัวเค้กทั้งสอง แล้วนำไปแช่เย็นให้เซ็ตตัว ประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ตกแต่งเค้กด้วยการโรยผงไอซิ่ง และของแต่งเค้กคริสต์มาสต่าง ๆ เป็นอันเสร็จ

สูตรเค้กช็อกโกแลตที่ 2 : คัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูทสำหรับงานปาร์ตี้

ส่วนใครที่อยากได้เค้กชิ้นเล็ก ๆ สามารถหยิบไปกินทีละคนได้อย่างสะดวก เราขอแนะนำสูตรเค้กช็อกโกแลตที่ 2 อย่าง คัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูท ที่คุณสามารถตกแต่งหน้าเค้กได้ตามใจชอบ มีรสชาติหอมหวานกำลังดี ที่สำคัญยังอุดมไปด้วยประโยชน์ของบีทรูท เรียกได้ว่าดีทั้งต่อใจและต่อกายเลย

ส่วนผสมของคัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูท

ส่วนผสมของคัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูท มีดังนี้

  • บีทรูทปอกเปลือกขูดเป็นฝอย 360 กรัม
  • ดาร์กช็อกโกแลต 70% 60 กรัม
  • ผงโกโก้ 45 กรัม
  • น้ำมันรำข้าว 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 165 กรัม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • นมสด 3 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม

ส่วนผสมของฟรอสติงครีมชีส มีดังนี้

  • ครีมชีส 320 กรัม
  • เนย 90 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • น้ำตาลไอซิ่ง 180 กรัม
  • น้ำตาลตกแต่งเค้กตามชอบ

วิธีการทำคัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูท

  • เริ่มต้นด้วยการทำเนื้อคัพเค้กช็อกโกแลตบีทรูทก่อน โดยตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่างไฟบน 
  • เตรียมถาดอบคัพเค้กรองกระทงกระดาษให้เรียบร้อย
  • นำเนื้อบีทรูทฝอยที่เตรียมไว้ใส่ชามผสม คลุมด้วยฟิล์มถนอมอาหาร และนำไปเข้าไมโครเวฟให้สุกและนุ่ม
  • สับดาร์กช็อกโกแลตให้ละเอียด แล้วนำไปละลายในไมโครเวฟ และผสมผงโกโก้ และน้ำมันรำข้าวลงไป คนให้เข้ากันดี
  • ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือ เบกกิ้งโซดา และน้ำตาลทรายขาวให้เข้ากันในเครื่องตีผสม หลังจากนั้นให้ค่อย ๆ ใส่ไข่ไก่ นมสด กลิ่นวานิลลา และส่วนผสมช็อกโกแลตลงไป แล้วเปิดเครื่องตีส่วนผสมให้เข้ากันดี และใส่เนื้อบีทรูปเป็นส่วนผสมสุดท้าย
  • ตักเนื้อคัพเค้กใส่กระทงที่เตรียมไว้ นำไปเข้าอบเป็นเวลา 22 นาที และพักให้เย็น
  • ในระหว่างที่รอคัพเค้กเย็น ให้ทำฟรอสติงครีมชีสรอ โดยการตีครีมชีส เนย และกลิ่นวานิลลาด้วยหัวตีใบพายจนเข้ากันดี แล้วใส่น้ำตาลไอซิ่งที่ร่อนแล้วลงไป และตีให้เข้ากันอีกครั้ง
  • นำฟรอสติงครีสชีสบีบลงบนหน้าคัพเค้ก ตกแต่งตามใจชอบ เป็นอันเสร็จ

สูตรเค้กช็อกโกแลตที่ 3 : เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง เอาใจสายคีโต

ปิดท้ายด้วยเค้กช็อกโกแลตสำหรับสายคีโต หรือคนที่ไม่อยากจะรับประทานแป้งเยอะเกินไป ด้วยสูตรเค้กช็อกโกแลตไร้แป้งที่นุ่มอร่อย รสช็อกโกแลตเข้มข้น โดยสูตรนี้เราจะใช้ช้น้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol) เป็นตัวให้ความหวานแทนน้ำตาลทรายธรรมดา และไม่มีส่วนผสมของแป้ง สายคีโตสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจเลย

ส่วนผสมของเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง

ส่วนผสมของเนื้อเค้ก มีดังนี้ 

  • ดาร์กช็อกโกแลต 70% 115 กรัม
  • เนยสดชนิดจืด 90 กรัม
  • วิปปิ้งครีม ½ ถ้วย
  • น้ำตาลอิริทริทอล 10 กรัม
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง (แยกไข่ขาว และไข่แดงให้เรียบร้อย)
  • ผงโกโก้สำหรับโรย 
  • ผลไม้สดสำหรับตกแต่ง แนะนำเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ 

ส่วนผสมของเกลสช็อกโกแลต มีดังนี้

  • น้ำ ½ ถ้วย
  • วิปปิ้งครีม ½ ถ้วย
  • ผงโกโก้ 30 กรัม
  • ดาร์กช็อกโกแลต 70% 25 กรัม
  • เนยสดชนิดจืด 30 กรัม
  • น้ำตาลอิริทริทอล 5 กรัม

วิธีการทำเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง

  • เริ่มต้นด้วยการทำเนื้อเค้กก่อน โดยตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่างไฟบน เตรียมพิมพ์ขนาด 7.5 นิ้ว และรองกระดาษไขที่ฐานและด้านข้างให้เรียบร้อย
  • นำดาร์กช็อกโกแลตและเนยลงในอ่างผสม นำไปวางบนหม้อน้ำร้อน และคนละลายให้เข้ากัน และยกออกจากความร้อน
  • ใส่วิปปิ้งครีม และน้ำตาลอิริทริทอลลงไป คนเข้าให้เข้ากัน และพักไว้ให้พออุ่น
  • ค่อย ๆ ใส่ไข่แดงลงไป และคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
  • นำไข่ขาวไปตีให้ตั้งยอดอ่อน และตักลงไปผสมกับช็อกโกแลตที่ทำไว้ ตะล่อมให้เข้ากัน
  • เทเนื้อเค้กลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปเข้าอบประมาณ 25 นาที และพักไว้บนตะแกรงจนเย็น
  • ทำเกลสช็อกโกแลต โดยการผสมน้ำเปล่า วิปปิ้งครีม ผงโกโก้ให้เข้ากันดี และใส่ดาร์กช็อกโกแลต เนย และน้ำตาลอิริทริทอลลงไป แล้วนำไปตั้งหม้อไฟกลาง คนจนละลายเป็นเดียวกัน และพักไว้ให้เย็น
  • ประกอบเค้กด้วยการนำเกลสช็อกโกแลตราดให้ทั่ว ตกแต่งด้วยผลไม้ ผงโกโก้ และของตกแต่งคริสต์มาสที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จ

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 3 สูตรเค้กช็อกโกแลตต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่เรานำมาฝากในบทความนี้ ตอบโจทย์ทั้งสายหวาน สายปาร์ตี้ และสายคีโตเลย ใครที่ยังไม่มีไอเดียจะทำเค้ก หรือขนมแบบไหนดีไปตกแต่งโต๊ะคริสต์มาส ก็สามารถนำเค้กทั้ง 3 สูตรนี้ไปประยุกต์ใช้ได้เลย รับรองว่าทำออกมาแล้วคนที่มางานปาร์ตี้คริสต์มาสจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน

รวม 3 สูตรเด็ดวิธีทำคุกกี้เนยสดที่คุณทำเองได้ด้วยเตาอบ!

รวม 3 สูตรเด็ดวิธีทำคุกกี้เนยสดที่คุณทำเองได้ด้วยเตาอบ!
ใครที่มีเตาอบคุกกี้ดี ๆ หรือ เตาอบราคาถูกคุณภาพเยี่ยมจาก Tecnogas แล้ว อย่าปล่อยทิ้งไว้ในห้องครัวให้เสียเปล่า เพราะเราจะชวนคุณมาทำคุกกี้เนยสดง่าย ๆ ด้วย 3 สูตรเด็ดวิธีทำคุกกี้เนยสดง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ทำได้ ใช้วัตถุดิบไม่เยอะ และมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก จะทำเก็บไว้กินเอง หรือทำไปฝากคนที่คุณรักในเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ ก็รับรองว่า คนที่ได้รับจะต้องถูกใจในรสชาติแสนอร่อยของคุกกี้แน่นอน!

วิธีทำคุกกี้เนยสด สูตรที่ 1 : คุกกี้ทูโทน เนื้อกรอบร่วน

สำหรับใครที่อยากทำคุกกี้เนยสดที่มีเนื้อกรอบร่วน ไว้กินคู่กับนม หรือกาแฟยามเช้า หรืออยากจะทำคุกกี้ที่มีรูปทรงน่ารัก ๆ ไว้เป็นของขวัญให้กับคนรัก เพื่อน หรือครอบครัว ต้องไม่พลาดกับสูตรวิธีทำคุกกี้เนยสด “คุกกี้ทูโทน” เพราะมาด้วยกันถึงสองสีสองรสชาติในชิ้นเดียว ไม่ว่าใครที่ได้กินก็ต้องถูกใจอย่างแน่นอน

ส่วนผสมของคุกกี้ทูโทน เนื้อกรอบร่วน

  • เนย 185 กรัม
  • น้ำตาลทราย 220 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ½ ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • ผงโกโก้ 20 กรัม
  • นมสด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำคุกกี้เนยสดสูตรนี้

  • ขั้นตอนแรก ให้คุณเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
  • ในระหว่างที่รอให้อุณหภูมิเตาอบได้ที่ ให้นำเนย แป้ง น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และไข่ ผสมเข้าด้วยกันด้วยเครื่องตีผสม
  • หลังจากนั้นให้แบ่งส่วนผสมเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้ใส่ผงโกโก้และนมสดลงไป แล้วเดินเครื่องต่อให้ส่วนประกอบเข้ากันดี 
  • เมื่อได้แป้งทั้ง 2 สีแล้ว ให้นำแป้งโดโกโก้มารีดลงกระดาษไขสองแผ่น มีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร แล้วปั้นแป้งโดรสวานิลลา (แป้งส่วนที่ 2) เป็นลูกเล็ก ๆ วางกระจายทั่วแผ่นแป้งโดโกโก้ และคลึงเบา ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  • ใช้คุกกี้คัทเตอร์จุมแป้งสาลีเล็กน้อย และตัดคุกกี้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามที่ต้องการ และวางเรียงบนถาดอบ
  • นำคุกกี้เข้าไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 12 นาที
  • เมื่อคุกกี้สุดได้ที่แล้ว ให้นำมาพักไว้ให้เย็น และจัดเสิร์ฟพร้อมรับประทานได้เลย

วิธีทำคุกกี้เนยสด สูตรที่ 2 : คุกกี้ข้าวโอ๊ตหวานน้อย โดนใจสายเฮลธ์ตี้

ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ เราก็มีวิธีทำคุกกี้เนยสดสำหรับสายเฮลธ์ตี้มาฝากเช่นกัน เป็นคุกกี้ข้าวโอ๊ตชิ้นใหญ่ ๆ ที่มาในรูปแบบของคุกกี้หน้าแตก มีกลิ่นอบเฉย ๆ และเพิ่มรสชาติและสัมผัสด้วยมะพร้าวอบแห้ง จะทำไว้กินกับนม กินก่อนออกกำลังกาย หรือทำไปฝากญาติผู้ใหญ่ก็เหมาะสม

ส่วนผสมของคุกกี้ข้าวโอ๊ต

  • เนยจืด 95 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 70 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม
  • มะพร้าวอบแห้ง 30 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 110 กรัม
  • ข้าวโอ๊ต 90 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  • อบเชยป่น ¾ ช้อนชา
  • เกลือ ¾ ช้อนชา

วิธีทำคุกกี้เนยสดสูตรนี้

  • ขั้นตอนแรก ให้คุณเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส
  • หลังจากนั้นให้ตีเนย น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาวด้วยหัวตีใบพายให้ฟู (ประมาณ 3 นาที)
  • ใส่ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาลงไป และตีต่อประมาณ​ 1 นาที
  • ค่อย ๆ ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ อบเชย เกลือ และเบกกิ้งโซดาลงไป แล้วตีให้เข้ากัน
  • เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี ให้ใส่ข้าวโอ๊ตและมะพร้าวแห้งลงไป และตีให้เข้ากันอีกครั้ง
  • ตักเนื้อคุกกี้ลงบนจานที่รองด้วยฟิล์มถนอมอาหาร และนำไปแช่แข็งประมาณ 15 นาที
  • นำคุกกี้ที่เซ็ตตัวคลุกเคล้ากับน้ำตาลไอซิ่ง แล้วไปนำไปอบ 14 นาที
  • นำคุกกี้ข้าวโอ๊ตที่อบได้ที่แล้วไปพักให้เย็น จัดจานให้สวย แล้วรับประทานได้เลย

วิธีทำคุกกี้เนยสด สูตรที่ 3 : คุกกี้แอนด์ครีมบลอนดี้ เนื้อหนุบหนับ

ปิดท้ายด้วยวิธีทำคุกกี้เนยสดที่มีเนื้อหนุบหนับอย่าง คุกกี้แอนด์ครีมบลอนดี้ ใครที่ชอบกลิ่นเนยและวานิลลา เนื้อสัมผัสเต็มคำ พร้อมรสชาติของช็อกโกแลตเต็ม ๆ ต้องไม่พลาดกับคุกกี้สูตรนี้เลย

ส่วนผสมของคุกกี้แอนด์ครีมบลอนดี้

  • เนยจืด 85 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 170 กรัม
  • เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • โอริโอ้ 8 ชิ้น
  • ไวท์ช็อกโกแลต 80 กรัม

วิธีทำคุกกี้เนยสดสูตรนี้

  • ขั้นตอนแรก ให้คุณเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟบนและไฟล่าง
  • เตรียมถาดอบขนมขนาด 7×7 นิ้ว รองถาดอบด้วยฟอยล์ให้เรียบร้อย
  • สับโอริโอ้ และไวท์ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ และแบ่งเป็น 2 ส่วน
  • นำเนยไปละลายในไมโครเวฟ แล้วใส่น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงลงไป ตีให้เข้ากันดี
  • ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลาลงไป และตีให้เข้ากันดี
  • ร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา และเกลือลงไป และใช้พายยางตีให้เข้ากันดี
  • ใส่โอริโอ้และไวท์ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ลงไปครึ่งหนึ่ง คนกระจายให้ทั่ว และถ่ายลงถาดอบ
  • โรยโอริโอ้และไวท์ช็อกโกแลตที่เหลือไว้ด้านบน
  • นำคุกกี้ไปอบ ประมาณ 22 นาที และพักให้เย็นสนิท
  • เมื่อคุกกี้เย็นสนิทแล้ว ให้นำออกจากถาด และตัดเป็นชิ้นตามขนาดที่ต้องการได้เลย เป็นอันเสร็จ

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีทำคุกกี้เนยสด 3 สูตรเด็ดที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ เรียกได้ว่ามีครบทุกเนื้อสัมผัส ทั้งคุกกี้เนื้อร่วน คุกกี้สายเฮลธ์ตี้ และคุกกี้เนื้อหนุบหนับ ใครชอบคุกกี้แบบไหน ก็อย่าลืมลองนำสูตรเหล่านี้ไปทำดู รับรองเลยว่า อบออกมาแล้วจะต้องมีกลิ่นหอมทั่วบ้าน และรสชาติอร่อยอย่างแน่นอน

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 รุ่นยอดฮิตจาก Tecnogas ที่เชฟรุ่นใหญ่แนะนำ

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 รุ่นยอดฮิตจาก Tecnogas ที่เชฟรุ่นใหญ่แนะนำ
เมื่อพูดถึงเตาประกอบอาหารที่มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้งานได้กับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ย่อมเป็นหนึ่งในเตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีกำลังวัตต์สูง สามารถทำอาหารได้หลากหลาย โดยที่ไม่ทำให้เกิดความร้อนที่บริเวณข้างเคียง ไม่ต้องกลัวถูกไฟลวกถ้าไปเผลอโดน สำหรับใครที่กำลังมองหาเตาแม่เหล็กไฟฟ้าคุณภาพสูง และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครัน เรามีรีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 รุ่นยอดฮิตจาก Tecnogas มาฝาก รับรองว่าจะต้องถูกใจคุณแม่บ้านและคุณพ่อบ้านแน่นอน

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 รุ่นยอดฮิตจาก Tecnogas

สำหรับรีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นนี้ จะเป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบฝังเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์สวยงาม และฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ไม่ว่าคุณจะแต่งห้องครัวสไตล์ไหน ก็มั่นใจได้เลยว่า เตาแม่เหล็กไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นจะต้องเข้ากับห้องครัวของคุณอย่างแน่นอน

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP ID 2030 DG

เริ่มต้นด้วยการรีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นเล็กจากแบรนด์ Tecnoplus อย่าง TNP ID 2030 DG ซึ่งเป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ ที่มีดีไซน์สีดำเรียบหรู เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องครัวขนาดเล็ก คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ทั่วไป หากคุณกำลังมองหาเตาแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่มีฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์ ต้องไม่พลาดกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นนี้เลย จุดเด่นของเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นนี้
  • หัวเตากำลังไฟรวม 3,500 วัตต์
  • มี 2 หัวเตา หัวเตา 1 ขนาด 80 มม. กำลังไฟ 2,000 วัตต์ และ หัวเตา 2  ขนาด 140 มม. กำลังไฟ 1,500 วัตต์
  • ใช้งานง่าย ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส
  • ปรับระดับความร้อนได้ 9 ระดับ
  • สามารถตั้งเวลาปรุงอาหารได้นานสูงสุด 99 นาที
  • มีระบบป้องกันการสัมผัสโดยบังเอิญ
สำหรับใครที่สนใจ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP ID 2030 DG จะมีราคาอยู่ที่ 16,900 บาท* สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ Tecnogas Thai ได้เลย *ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรศึกษารายละเอียดก่อนสั่งซื้อสินค้า

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP IDH 3060 DG

สำหรับครอบครัวขนาดกลางที่ต้องการเตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สามารถทำอาหาร 2 – 3 อย่างได้พร้อม ๆ กัน จะต้องชื่นชอบเตาแม่เหล็กไฟฟ้า Tecnoplus รุ่น TNP IDH 3060 DG แน่นอน เพราะมาพร้อมกับ 3 หัวเตา ดีไซน์สีดำเงางามหรูหรา พร้อมกับมีฟังก์ชันการใช้งานโดดเด่นอย่าง Booster ที่จะช่วยเร่งความร้อนให้อาหารสุกได้เร็วขึ้นด้วย และระบบแจ้งเตือนความร้อน เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย จุดเด่นของเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นนี้
  • เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 หัวเตา  แบบฝังเฟอร์นิเจอร์
  • หัวเตากำลังไฟรวม 7,200 วัตต์
    • หัวเตาที่ 1 มีขนาด 160 มม. กำลังไฟ 1,200 / 1,500 วัตต์
    • หัวเตาที่ 2 มีขนาด 210 มม. กำลังไฟ 2,300  / 2,600 วัตต์
    • หัวเตาที่ 2 มีขนาด 290 มม. กำลังไฟ 3,600  / 4,000 วัตต์
  • มีฟังก์ชัน Booster (B) ทั้ง 3 หัวเตา สามารถเร่งความร้อนให้อาหารสุกได้เร็วขึ้น
  • มีระบบแสดงไฟแจ้งเตือน (H) ทั้ง 3 หัวเตา เมื่อมีความร้อนคงเหลือของหัวเตา
  • ใช้งานง่าย ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส และสไลด์
  • มีระบบป้องกันการสัมผัสโดยบังเอิญ
สำหรับใครที่สนใจ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP IDH 3060 DG จะมีราคาอยู่ที่ 15,900 บาท* สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ Tecnogas Thai ได้เลย *ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรศึกษารายละเอียดก่อนสั่งซื้อสินค้า

รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP ID 4060 DG

ปิดท้ายด้วยรีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดจาก Tecnoplus อย่างรุ่น TNP ID 4060 DG ที่มาพร้อมกับ 4 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องครัวขนาดใหญ่ หรือห้องครัวแบบไอส์แลนด์ที่ติดตั้งเคาน์เตอร์บริเวณกลางห้องครัว ไม่ว่าจะทำเมนูใด มีเมนูเยอะแค่ไหน ก็มั่นใจได้เลยว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถเอาอยู่อย่างแน่นอน จุดเด่นของเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นนี้
  •  เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์
  • หัวเตากำลังไฟรวม 7,000 วัตต์ โดย 2 หัวเตาแรก มีขนาด 180 มม. กำลังไฟ 2,000 วัตต์ และ 2 หัวเตาหลัง มีขนาด 160 มม. กำลังไฟ 1,500 วัตต์
  • ใช้งานง่าย ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส
  • สามารถปรับระดับความร้อนได้ 9 ระดับ
  • สามารถตั้งเวลาปรุงอาหารสูงสุด 99 นาที
  • มีความปลอดภัยสูง ด้วยระบบป้องกันการสัมผัสโดยบังเอิญ
สำหรับใครที่สนใจ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP ID 4060 DG จะมีราคาอยู่ที่ 18,900 บาท* สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ Tecnogas Thai ได้เลย *ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรศึกษารายละเอียดก่อนสั่งซื้อสินค้า

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ รีวิวเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 3 รุ่นยอดฮิตจาก Tecnogas ที่เราคัดสรรมาให้คุณ จะเห็นได้ว่า มีให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยที่ทุกรุ่นล้วนมีดีไซน์โมเดิร์นหรูหรา เข้าได้กับทุกห้องครัว ที่สำคัญยังอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่น ทั้งกำลังไฟสูง ระบบเร่งอุณหภูมิ และระบบรักษาความปลอดภัย รับรองว่า จะช่วยให้คุณทำอาหารได้อย่างสนุกสนาน และเอร็ดอร่อยไม่แพ้การใช้เตาแก๊สหุงต้มแน่นอน

รวมวิธีเลือกซื้อเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีการเลือกเตาอบขนมปังที่ใช่ ให้เหมาะกับเรา

เตาอบขนมปัง เป็นเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวชิ้นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำขนม ไม่แพ้การผสมสูตร นวดแป้ง หรือขึ้นรูปขนมปังเลย เพราะถ้าหากเลือกเตาอบที่มีขนาดไม่เหมาะสม หรือควบคุมอุณหภูมิไม่เสถียร ก็จะส่งผลให้ขนมปังที่อบออกมาไม่อร่อยได้สำหรับใครที่กำลังมองหาเตาอบขนมปัง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรดี เราได้รวบรวมสิ่งที่ต้องศึกษาเกี่ยวกับเตาอบขนมก่อนที่จะทำการสั่งซื้อมาให้คุณแล้ว จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย

เตาอบเบเกอรี่กับเตาอบขนมเหมือนกันไหม เลือกซื้ออย่างไร?

เตาที่ใช้อบเบเกอรี่กับขนมปังนั้นเป็นชนิดเดียวกัน แต่จะมีเพียงการใช้งานในบางฟังก์ชันของตัวเตาที่ควรพิจารณาร่วมด้วยในการเลือกซื้อ เพราะในการอบเบเกอรี่แต่ละประเภท จะมีการใช้อุณหภูมิไฟที่แตกต่างกัน รวมไปถึงไปบน-ไฟล่าง ที่ใช้อบก็จะไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นต้องดูให้ดีก่อนเลือกซื้อเตาอบขนมว่าตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่

เช็กลิสต์ 9 สิ่งต้องรู้ เพื่อการเลือกซื้อเตาอบเบเกอรี่ที่ใช่ที่สุด!

ในส่วนของวิธีเลือกซื้อเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นในการดูที่ตรงไหน Tecnogas มีเช็กลิสต์แบบง่าย ๆ มาฝาก เพียงไล่เรียงกันไปทีละข้อตามที่เราลิสต์ไว้ให้ รับรองว่าต้องได้เตาอบขนมที่ถูกใจไว้ใช้งานได้อย่างตอบโจทย์อย่างแน่นอน

เตาอบ tecnogas

1. ประเภทของเตาอบขนมปังที่อยากได้

เตาอบนั้น มีทั้งเตาอบที่เหมาะกับการทำอาหารอย่างเดียว และเตาอบที่ทำได้ทั้งการทำอาหาร และการทำขนมปัง หากคุณกำลังมองหาเตาอบขนมสำหรับใช้งานที่บ้าน หรือทำร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ เรามี 2 ประเภทเตาอบที่ตอบโจทย์มาแนะนำ ได้แก่ เตาอบแบบตั้งโต๊ะ และ เตาอบแบบฝัง มีรายละเอียดดังนี้

  • เตาอบแบบตั้งโต๊ะ (Countertop oven)

เตาอบแบบตั้งโต๊ะ หรือที่เรียกว่า “เตาติ๊ง” เป็นเตาอบขนมที่แนะนำมาก ๆ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำเบเกอรี่ เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งให้ยุ่งยาก มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 10 – 60 ลิตร และมีราคาที่ไม่สูงมากนัก

เตาอบแบบตั้งโต๊ะนั้น ส่วนใหญ่จะมีครบทุกฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับทำขนม ทั้งการให้ความร้อนแบบขดลวดบนและล่าง ตะแกรงสำหรับวางอาหาร ปุ่มตั้งอุณหภูมิ หรือปุ่มตั้งเวลา รองรับการทำเค้กปอนด์ คุกกี้ ทาร์ต หรือขนมปังก้อนเล็ก ๆ ได้อย่างสบาย ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาว ๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มฝึกอบขนมปัง ไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญเลย

  • เตาอบแบบฝัง (Built in oven)

เตาอบแบบฝัง ก็นับเป็นอีกเตาอบขนมที่เหมาะกับทั้งมือใหม่ และมือโปรเลย จะมีข้อดีตรงที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้เสถียรกว่าเตาอบแบบตั้งโต๊ะ แต่ถ้าใช้ไปนาน ๆ ก็อาจเกิดปัญหาไฟแรงไม่เท่ากันได้ ซึ่งสังเกตได้จากจะมีขนมบางชิ้นที่สีเข้มกว่าเพื่อน และจะต้องเตรียมพื้นที่สำหรับบิวท์อินให้เรียบร้อย

นอกจากเตาอบแบบตั้งพื้น และเตาอบแบบฝังแล้ว ยังมีเตาอบลมร้อน (Convection oven) ซึ่งเป็นเตาอบขนมสำหรับมือโปรโดยเฉพาะ เตาอบคอมบิ (Combi oven) ที่เหมาะกับการทำอาหารคาว และเตาอบขนาดใหญ่ (Deck Oven) ที่เหมาะสำหรับร้านเบเกอรี่ที่ต้องทำขนมปังจำนวนมากโดยเฉพาะ ซึ่งคุณสามารถพิจารณาเลือกเตาอบที่ต้องการตามความ

เหมาะสมได้เลย

2. ขนาดของเตาอบเบเกอรี่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน

การเลือกซื้อเตาอบ ขนาดเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก ๆ ไม่แพ้ประเภทของเตา เพราะถ้าเลือกใช้งานขนาดที่เล็กเกินไป ก็จะไม่สามารถอบเค้กที่ต้องใช้พื้นที่ในการทำขนมได้ จึงควรเลือกเตาอบที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 38 ลิตรขึ้นไป

3. วัสดุที่ใช้ในการทำเตาอบเบเกอรี่

เตาอบที่ดีจะต้องทำจากวัสดุที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน และมีการเคลือบสารกันสนิมมาเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน จะต้องไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหลุดมาปนเปื้อนบนตัวขนมเมื่อใช้เปิดใช้งานเครื่อง

4. ฟังก์ชันการใช้งานของเตาอบเบเกอรี่

เตาอบแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป คุณจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับฟังก์ชันของเตาอบที่ต้องการซื้อด้วยว่า ตอบโจทย์ความต้องการหรือเปล่า โดยทั่วไปแล้วเตาอบจะมีฟังก์ชันการใช้งานดังนี้

  • เปิด – ปิด ไฟในเตาอบ
  • ระบบอบไฟบน – ล่างมาตรฐาน, อบด้วยไฟล่างอย่างเดียว และ อบด้วยไฟบน – ล่าง พร้อมพัดลมกระจายความร้อน
  • การอบลมร้อนด้วยพัดลมกระจายความร้อน
  • การย่างด้วยไฟบน
  • การย่างพร้อมกับพัดลมกระจายความร้อน
  • การตั้งค่าอุณหภูมิ และตั้งเวลาอบ

5. กำลังวัตต์ของเตาอบเบเกอรี่

กำลังไฟของเตาอบ เป็นอีกข้อที่ควรพิจารณาร่วมด้วย เพราะถ้าเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นอื่น เตาอบมีการกินไฟที่ค่อนข้างสูง โดยส่วนมากเตาอบขนาดเล็กที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี ก็จะมีกำลังไฟไม่ต่ำกว่า 1,800 วัตต์ขึ้นไป และในเตาอบแบบฝังขนาดใหญ่ ก็จะมีการกินไฟเกิน 3,000 วัตต์ จึงควรพิจารณถึงการใช้งานร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นอื่นภายในบ้านร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้กำลังไฟไม่พอจนเกิดการไฟดับได้

6. ต้องมีระบบความปลอดภัยที่ดี

ระบบความปลอดภัย ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรมองหาในเตาอบเช่นกัน เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ เมื่อเกิดการลัดวงจร ควรจะมีการตัดไฟในทันทีเพื่อป้องกันเหตุลุกลาม รวมไปถึงความปลอดภัยในการใช้งานเบื้องต้น อย่างฟังก์ชันตัดการทำงานเมื่อเปิดฝาเตาอบออกที่ต้องมีในเตาอบทุกตัว

7. มีใบรับประกันคุณภาพสินค้า

สินค้าที่มีคุณภาพ จะต้องมีใบประกันสินค้าเพื่อรับรองถึงคุณภาพในการใช้งาน และเมื่อสินค้ามีความผิดปกติในการใช้งาน จะต้องทำเรื่องเคลมสินค้า หรือส่งซ่อมได้ในทันทีแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

8. ราคาต้องเหมาะสมกับคุณภาพ

เตาอบที่ดีมักจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมการอบหลากหลายประเภท แต่ความคุ้มค่าในด้านราคาที่สอดคล้องกับการใช้งาน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย จึงไม่ควรเลือกเตาอบที่ดีที่สุดในการใช้งาน แต่ควรเลือกเตาอบที่ตอบโจทย์ความต้องการที่สุดในราคาที่รับได้จะดีที่สุด

9. มีศูนย์บริการหลังการขายที่สะดวกในการเคลม

นอกจากการรับประกันสินค้า ศูนย์บริการหลังการขายที่ติดต่อได้สะดวก ก็ควรเป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อเช่นกัน เพราะเมื่อมีปัญหาในการใช้งานเกิดขึ้น การติดต่อขอความช่วยเหลือควรจะทำได้ง่าย และสะดวกในการดำเนินเรื่อง ไม่ควรจะต้องรอเป็นระยะเวลานาน ๆ

แนะนำ 2 รุ่นเตาอบขนมรุ่นฮิตน่าใช้งานจาก Tecnogas

หากคุณกำลังมองหาเตาอบไว้ใช้งานสักเครื่อง แต่ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือกรุ่นไหนมาใช้งานดี หมดห่วงไปได้เลย Tecnogas เรามีรุ่นสุดฮิต ตอบโจทย์การใช้งานการอบขนมได้ทุกประเภทมาฝาก จะเตาอบรุ่นเล็กกะทัดรัด หรือจะเตาอบขนาดใหญ่แบบพร้อมใช้งานก็มีครบ

1. เตาอบขนม Tecnoplus ขนาดเล็กรุ่น TNP 2038Q-H7 ความจุ 38 ลิตร

เตาอบขนาดเล็กตัวแรกที่ Tecnogas เราอยากแนะนำ คือรุ่น TNP 2038Q-H7 ที่อบด้วยระบบไฟฟ้า ในความจุ 38 ลิตร กับกำลังไฟ 1,500 วัตต์ พร้อม 6 โปรแกรมการทำงานที่ตอบโจทย์การอบหลากหลายประเภท ทั้งคุกกี้ พาย เค้ก ทาร์ต และอื่น ๆ ได้อย่างตอบโจทย์ อีกทั้งยังตั้งเวลาในการอบล่วงหน้าได้สูงถึง 60 นาที จึงเหมาะกับการอบขนมสำหรับมือใหม่ที่สุด

2. เตาอบขนม Tecnoplus ขนาดใหญ่รุ่น TNP MN 705 B ความจุ 70 ลิตร

เตาอบขนาดใหญ่ที่ Tecnogas อยากจะแนะนำอีกสักรุ่น สำหรับคนที่ชอบการอบขนมแบบจริงจังมากขึ้น คือรุ่น TNP MN 705 B เป็นเตาอบแบบฝังเฟอร์นิเจอร์ขนาด 70 ลิตร มาพร้อมโครงสร้างกระจกนิรภัยสีดำสเตนเลส ผนังภายในเคลือบอีนาเมล ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 50-250 องศาเซลเซียส ควบคุมการทำงานด้วยลูกบิด พร้อม 6 โปรแกรมการทำงาน และตั้งเวลาในการอบล่วงหน้าได้ 120 นาที ตอบโจทย์การอบขนมได้ทุกรูปแบบเป็นอย่างดี

เตาอบ Tecnogas

สรุปวิธีเลือกซื้อเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่

การเลือกซื้อเตาอบในการอบขนมให้ถูกประเภท และตอบโจทย์การใช้งาน มีความสำคัญไม่ต่างจากการชั่งตวงส่วนผสมให้พอดีตามสูตรขนม เพราะการใช้เตาอบที่ดี มีคุณภาพ จะช่วยให้ขนมที่อบออกมานั้นขึ้นฟูตามสูตร และมีหน้าตาที่น่ารับประทานแบบที่ควรจะเป็น จึงเป็นอีกเรื่องที่คนรักการทำขนมไม่ควรมองข้ามในจุดนี้เป็นอันขาด

รวมข้อดีของซิงค์ล้างจานสําเร็จรูปที่มอบความสะดวกมากกว่าที่คิด

รวมข้อดีของซิงค์ล้างจานสําเร็จรูปที่มอบความสะดวกมากกว่าที่คิด

สำหรับคนที่เช่าที่พักอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโด การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นหนึ่งจะต้องคำนึงให้ดี ทั้งในด้านของราคา ความทนทาน ความง่ายในการติดตั้ง และขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เพราะอาจจะต้องเปลี่ยนที่พักบ่อย ๆ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาแนะนำข้อดีของการเลือกใช้งานซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ในห้องครัว

ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปคืออะไร?

ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป คือ ซิงค์ล้างจานที่สามารถใช้งานได้เลย โดยที่ไม่ต้องประกอบ หรือติดตั้งกับเคาน์เตอร์ให้ยุ่งยาก เพียงแค่ต่อก๊อกซิงค์น้ำเข้ากับระบบน้ำ และต่อสายท่อน้ำทิ้งลงท่อให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง

รูปแบบของซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป

ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ ซิงค์ขาตั้ง และ ซิงค์แบบฝังที่บิวท์อินกับเคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว มีรายละเอียดดังนี้

1. ซิงค์ล้างจานแบบขาตั้ง

ซิงค์ล้างจานแบบขาตั้ง คือ ซิงค์ล้างจานที่มาพร้อมกับขาตั้งในตัว ส่วนใหญ่จะทำจากวัสดุสเตนเลส และมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ชุดสะดืออ่าง, ชุดท่อย่น หรือชุดน๊อต เป็นต้น ทำให้สามารถนำไปติดตั้งใช้งานไม่ยุ่งยาก แค่ต่อท่อต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ก็ใช้งานได้เลย

2. ซิงค์ล้างจานบิวท์อินกับตู้ตั้งพื้น

ซิงค์ล้างจานบิวท์อินกับตู้ตั้งพื้น คือ ซิงค์ล้างจานแบบฝังที่ทำการบิวท์อินเข้ากับตู้ตั้งพื้น หรือเคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว เมื่อซื้อมาแล้วก็สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ เหมือนกับซิงค์ล้างจานแบบขาตั้งเลย 

อย่างไรก็ตาม ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปในรูปแบบนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เวลาขนย้าย จะต้องยกทั้งตู้ ทำให้เคลื่อนย้ายได้ไม่สะดวกเท่ากับแบบแรก

ข้อดีของซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป

ข้อดีของซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป มีดังนี้

  • ไม่จำเป็นต้องติดตั้งให้ยุ่งยาก สามาถใช้งานได้ทันที
  • หากเป็นซิงค์ล้างจานแบบขาตั้งที่ทำจากสเตนเลส จะมีความสะดวกในการใช้งานมากกว่า สามารถใช้งานได้ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ไม่ต้องกลัวน้ำ กลัวฝน
  • เคลื่อนย้ายสะดวกกว่า 
  • มีราคาถูกกว่าการใช้ซิงค์ล้างจานแบบฝัง

ข้อเสียของซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป

แม้จะมีข้อดี แต่ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปก็มีข้อเสียเช่นกัน ดังนี้

  • วัสดุของซิงค์ล้างจานส่วนใหญ่จะทำจากสเตนเลสเท่านั้น
  • มีรูปแบบและดีไซน์ที่ตายตัว ไม่สามารถปรับแต่งได้เหมือนกับการใช้งานซิงค์ล้างจานแบบฝัง
  • อาจกินพื้นที่ภายในครัวเล็กน้อย เนื่องจากมีขนาดค่อนข้างใหญ่

สรุปเรื่องซิงค์ล้างจานสำเร็จรูป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อดีของซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าซิงค์สำเร็จรูปใช้งานได้ง่ายกว่าซิงค์ล้างจานแบบอื่น ๆ มาก ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้ง หรือการใช้งานทั่วไป ซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปนั้น พร้อมเคลื่อนย้ายไปใช้งานได้ทุกที่ ทั้งการใช้งานในห้องครัว การใช้งานนอกบ้าน หรือการใช้งานในร้านอาหาร สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถดูรายการสินค้าซิงค์ล้างจานแบบขาตั้งของ Tecnogas ได้เลย เรามีซิงค์ล้างจานแบบขาตั้งให้เลือกใช้งานหลายรุ่น หลายราคา รับรองว่าคุณจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน

เลือกซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี แนะนำ 4 รุ่นยอดฮิตที่ Tecnogas อยากแนะนำ

เลือกซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี แนะนำ 4 รุ่นยอดฮิตที่ Tecnogas อยากแนะนำ
เลือกซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี? คงเป็นหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะคนที่กำลังจะทำห้องครัว หรือรีโนเวทห้องครัวอยู่ เนื่องจากซิงค์ล้างจานในปัจจุบันมีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายวัสดุ และหลายรูปแบบ เพื่อให้คุณสามารถเลือกซิงค์ล้างจานให้ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่ที่สุด เรามีคำแนะนำในการเลือกยี่ห้อซิงค์ล้างจาน พร้อมแนะนำ 4 รุ่นซิงค์ล้างจากยอดนิยมจาก Tecnogas มาฝาก จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย

ควรเลือกซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี?

การเลือกซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดีนั้น จะต้องดูจากหลายปัจจัย เช่น
  • วัสดุของซิงค์ล้างจาน : แบ่งเป็น 2 วัสดุหลัก ๆ ได้แก่ สเตนเลส และ หินแกรนิต โดยจะมีคุณสมบัติคล้ายกันตรงที่แข็งแรงทนทาน ทนต่อความร้อน การกัดกร่อน และรอยขีดข่วนได้ดี แต่หินแกรนิตจะเพิ่มจุดเด่นของลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากหินธรรมชาติเข้ามาด้วย
  • รูปแบบซิงค์ล้างจาน : แบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ ซิงค์ล้างจานแบบฝังที่ต้องติดตั้งกับเคาน์เตอร์ และซิงค์ล้างจานแบบขาตั้ง ซึ่งเป็นซิงค์ล้างจานสำเร็จรูปที่สามารถใช้งานได้เลย เคลื่อนย้ายสะดวก
  • จำนวนหลุมและที่พักของซิงค์ล้างจาน : ซิงค์ล้างจานแต่ละรุ่น จะมีจำนวนหลุมและที่พักที่แตกต่างกัน บางรุ่นอาจมี 2 หลุม 1 ที่พัก หรือ 1 หลุม 1 ที่พัก หรือมีแค่หลุมอย่างเดียวก็ได้
  • ความลึกของหลุม : จะแตกต่างกันไปในซิงค์ล้างจานแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ โดยซิงค์ล้างจานของ Tecnogas จะมีความลึกเริ่มตั้งแต่ 12 – 25 เซนติเมตร
  • ราคาของซิงค์ล้างจาน : เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี เพราะซิงค์ล้างจานที่เลือกจะต้องมีราคาอยู่ในงบประมาณที่วางไว้ด้วย
คุณสามารถนำปัจจัยเหล่านี้ไปเปรียบเทียบดูกับซิงค์ล้างจานแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น เพื่อหาซิงค์ล้างจานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองที่สุดได้เลย

แนะนำ 4 รุ่นซิงค์ล้างจานยอดนิยมจาก Tecnogas

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี เรามี 4 รุ่นซิงค์ล้างจากยอดนิยมจาก Tecnogas แบรนด์เครื่องครัวระดับโลกมาแนะนำ มีทั้งแบบฝัง และแบบตั้งพื้น ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างแน่นอน

1. อ่างล้างจาน 2 หลุม แบบขาตั้ง Tecnostar รุ่น TNS TT 8248 S

เริ่มต้นด้วยอ่างล้างจาน 2 หลุม แบบขาตั้งราคาคุ้มค่า สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก พร้อมช่วยให้คุณล้างทำความสะอาดผักและผลไม้ รวมถึงเครื่องครัวต่าง ๆ ได้อย่างจัดเต็ม มีรายละเอียดดังนี้
  • มีขนาด 82.0 × 48.0 × 81.0 เซนติเมตร
  • หลุมลึก 22 เซนติเมตร
  • สีเงิน เมทัลลิก
  • มาพร้อมชุดสะดืออ่าง, ชุดท่อย่น และชุดน๊อต
  • ราคา 4,190 บาท* (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดก่อนทำการสั่งซื้อ)

2. อ่างล้างจาน 2 หลุม 1 ที่พัก แบบฝัง Tecnoplus รุ่น TNP 2130 UD

สำหรับใครที่อยากใช้อ่างล้างจานแบบฝังที่ทำจากสเตนเลส และมีดีไซน์สวยงาม ต้องไม่พลาดอ่างล้างจานรุ่นนี้เลย เพราะเป็นอ่างล้างจานแบบฝังสีเมทัลลิกที่มีความเงางามกว่าสเตนเลสทั่วไป ให้อารมณ์หรูหรา สามารถเข้าได้กับทุกห้องครัว มีรายละเอียดดังนี้
  • มีขนาด 120.0 × 50.0 × 20.0 เซนติเมตร
  • อ่างล้างจานแบบฝัง มี 2 หลุม 1 ที่พัก
  • หลุมลึก 22 เซนติเมตร
  • มาพร้อมชุดสะดืออ่าง, ชุดท่อน้ำทิ้ง และคลิปยึด
  • ราคา 12,900 บาท* (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดก่อนทำการสั่งซื้อ)

3. อ่างล้างจานแกรนิต 1 หลุม 1 ที่พัก แบบฝัง Tecnoplus รุ่น TNP GIN 1B1D (BLACK)

ต่อด้วยอ่างล้างจานจากหินแกรนิตที่จะช่วยยกระดับห้องครัวของคุณให้มีความสวยงาม และใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ด้วยลวดลายเอกลักษณ์ที่ได้จากหินธรรมชาติ รับรองได้เลยว่าเมื่อนำไปติดตั้งในห้องครัวแล้ว จะต้องเพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นแน่นอน มีรายละเอียดดังนี้
  • มีขนาด 86.0 × 50.0 × 20.0 เซนติเมตร
  • อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม 1 ที่พัก
  • วัสดุแกรนิต
  • หลุมลึก 20 เซนติเมตร
  • ราคา 7,990 บาท* (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดก่อนทำการสั่งซื้อ)

4. อ่างล้างจานแกรนิต 2 หลุม แบบฝัง Tecnoplus รุ่น TNP GIN 2B (BLACK)

สำหรับใครที่ชื่นชอบอ่างล้างจานหินแกรนิต แต่ไม่ได้อยากได้ที่พักเหมือนกับรุ่นข้างบน เรามีก็มีอ่างล้างจานหินแกรนิตแบบ 2 หลุมวางจำหน่ายเช่นกัน หากสนใจ สามารถซื้อไปติดตั้งกับเคาน์เตอร์ห้องครัวของคุณได้เลย มีรายละเอียดดังนี้
  • มีขนาด 86.0 × 50.0 × 22.0 เซนติเมตร
  • อ่างล้างจานแบบ 2 หลุม
  • วัสดุแกรนิต
  • หลุมลึก 22 เซนติเมตร
  • ราคา 9,900 บาท* (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดก่อนทำการสั่งซื้อ)

สรุป

เป็นอย่างไรบ้างกับข้อมูลปัจจัยในการเลือกซื้อซิงค์ล้างจาน และข้อมูล 4 รุ่นซิงค์ล้างจานยอดนิยมจาก Tecnogas ที่เราแนะนำในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยควรเลือกซื้อซิงค์ล้างจานยี่ห้อไหนดี และช่วยให้คุณมีไอเดียในการเลือกซื้อซิงค์ล้างจานที่เหมาะสมกับครัวของตนเองได้มากยิ่งขึ้น และสำหรับท่านใดที่สนใจซิงค์ล้างจานจาก Tecnogas สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของเราได้เลย เรามีทีมงานพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อการใช้งานเครื่องครัวที่สบายใจที่สุด

เลือกก๊อกอ่างล้างจานอย่างไรให้ถูกใจและใช้ได้จริง

เลือกก๊อกอ่างล้างจานอย่างไรให้ถูกใจและใช้ได้จริง
ก๊อกอ่างล้างจานเป็นส่วนประกอบสำคัญของซิงค์ล้างจานที่ผู้ใช้งานจะต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน การที่เราเลือกใช้ก๊อกน้ำที่รูปร่างที่สวยงามถูกใจ ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ ย่อมช่วยให้สามารถทำความสะอาดเครื่องครัว และอาหารสดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และช่วยให้การทำอาหารสนุกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

แนะนำวิธีเลือกก๊อกอ่างล้างจานให้ถูกใจ ใช้งานได้จริง

การเลือกก๊อกอ่างล้างจานที่ทั้งถูกใจและตอบโจทย์การใช้งานนั้น จะต้องดูทีละส่วนประกอบของก๊อกน้ำซิงค์ ซึ่งจะมีอยู่ 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ก้านวาล์วเปิด – ปิด, ก้านพวยก๊อก และปากกรองก๊อก โดยคุณจะต้องเลือกแบบที่ชอบที่สุด แล้วนำมาประกอบกัน หากทำได้แบบนี้ รับรองได้เลยว่าคุณจะได้รับก๊อกน้ำซิงค์ที่เหมาะกับคุณที่สุดอย่างแน่นอน

1. ก้านวาล์วเปิด – ปิดน้ำของก๊อกอ่างล้างจาน

ก้านวาล์วเปิด – ปิดน้ำ เป็นส่วนประกอบก๊อกอ่างล้างจานที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นส่วนที่จะต้องสัมผัสทุกครั้งที่ใช้งาน หากเลือกแบบก้านวาล์วเปิด – ปิดน้ำที่ไม่ถูกใจ ก็ย่อมส่งผลให้ไม่อยากจะใช้งานก๊อกน้ำซิงค์นั่นเอง การเลือกก้านวาล์วเปิด – ปิดน้ำสำหรับซิงค์ล้างจานนั้น แนะนำให้เลือกวาล์วแบบก้านเดี่ยวแทนวาล์วแบบมือหมุน เพราะสามารถเปิด – ปิดน้ำได้ง่ายด้วยหลังมือ หรือแขน แม้ว่ามือจะเปื้อนอยู่ และถ้าให้ดีที่สุดจะต้องติดตั้งให้หัวก้านวาล์วอยู่ในฝั่งที่คุณถนัดด้วย

2. ก้านพวยก๊อก

ก้านพวยก๊อกคือส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างวาล์วน้ำกับหัวก๊อก นับเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้งานซิงค์ล้างจาน โดยก้านพวยก๊อกที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน จะมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ ก้านพวยก๊อกทรงตัว L, ก้านพวยก๊อกทรงตัว U และ ก้านพวยก๊อกทรงตัว V การเลือกก้านพวยก๊อกของก๊อกอ่างล้างจานนั้น จะขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก เช่น หากคุณต้องล้างผักผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ หรือล้างเครื่องครัวชิ้นใหญ่อย่างหม้อ และกระทะบ่อย ๆ ควรเลือกใช้ก้านพวยก๊อกทรงตัว U เพราะเป็นก้านพวยก๊อกที่มีความสูงที่สุด สามารถใช้ทำความสะอาดสิ่งของใหญ่ ๆ ได้อย่างสะดวก แต่ถ้าใช้งานล้างจาน ชาม หรือแก้วเล็ก ๆ เท่านั้น การเลือกใช้งานก้านพวยก๊อกทรงอื่น ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นต้น

3. ปากกรองก๊อก

ปากกรองก๊อกเป็นตัวช่วยควบคุมการไหลของสายน้ำ ซึ่งมีทั้งปากกรองก๊อกที่ช่วยควบคุมให้น้ำไหลออกมานุ่มนวล และลดแรงกระเซ็นของน้ำ และปากกรองก๊อกที่สามารถปรับระดับน้ำให้แรงได้ ซึ่งเหมาะกับการใช้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจติดมากับผักผลไม้ รวมถึงคราบสกปรกต่าง ๆ บนอุปกรณ์เครื่องครัว ถ้าหากคุณไม่รู้จะเลือกรูปแบบไหนดี ก็สามารถเลือกปากกรองก๊อกที่มีทั้งสองฟังก์ชันได้เช่นกัน

ก๊อกน้ำแบบดึงสายออกได้ อีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมของก๊อกอ่างล้างจาน

ก๊อกน้ำแบบดึงสายออกได้ (Sink Pull Out) เป็นก๊อกอ่างล้างจานในฝันของคนที่รักการทำอาหารมากที่สุด เพราะสามารถดึงหัวก๊อกน้ำออกมาใช้ล้างทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง และสะดวกที่สุด ถ้าหากคุณมีงบประมาณมาก ต้องการก๊อกน้ำที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และไม่อยากไปเลือกดูทีละส่วน ก๊อกน้ำแบบดึงสายออกได้นับเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

สรุปเรื่องวิธีการเลือกก๊อกอ่างล้างจานให้ถูกใจและใช้งานได้จริง

จะเห็นได้ว่า การเลือกก๊อกอ่างล้างจานให้ถูกใจและสามารถใช้งานได้จริงไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เพียงเลือกส่วนประกอบของก๊อกน้ำซิงค์โดยคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ถ้าหากคุณเลือกก๊อกน้ำซิงค์ตามคำแนะนำข้างต้น ก็สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่าก๊อกน้ำซิงค์ที่ซื้อมาจะต้องตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอนก๊อก อ่าง ล้าง จาน

แนะนำเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ ฟังก์ชันครบที่ลงตัว

แนะนำเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ ฟังก์ชันครบที่ลงตัว
หากคุณกำลังมองหาเตาประกอบอาหารที่สามารถทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด อบ และย่าง โดยที่จะต้องติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องออกแบบเคาน์เตอร์ให้ยุ่งยาก เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ” คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ คืออะไร?

เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ คือ เตาแก๊สตั้งพื้นที่มาพร้อมกับเตาอบภายในตัว ทำให้สามารถประกอบอาหารหลายอย่างได้ในอุปกรณ์ชิ้นเดียว ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด อบ หรือย่าง โดยที่ไม่ต้องซื้อเตาแก๊สและเตาอบแยกกัน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และพื้นที่ใช้สอยได้มากพอสมควร และด้วยความที่เป็นเตาตั้งพื้น จึงทำให้เตาประกอบอาหารชนิดนี้เป็นเตาที่ติดตั้งได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีเคาน์เตอร์ หรือโต๊ะมารองรับ แค่วางบนพื้น แล้วต่อเข้ากับระบบแก๊ส และระบบไฟฟ้าก็สามารถใช้งานได้เลย อีกทั้งยังเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก ดูแลรักษาง่ายกว่าเตาแบบฝัง จึงนับเป็นเตาอเนกประสงค์ที่เหมาะกับทุกครัวเรือน

หลักการทำงานของเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ

หลักการทำงานของเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ จะแบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ ตามการทำงานของเตาอบ ได้แก่ เตาแก๊สตั้งพื้นที่มีเตาอบด้วยระบบไฟฟ้า และเตาแก๊สตั้งพื้นที่เตาอบทำงานด้วยระบบแก๊สเหมือนกัน ทั้งสองแบบจะมีประสิทธิภาพในการทำอาหารใกล้เคียงกัน การเลือกใช้งานเตาชนิดนี้จึงขึ้นอยู่กับความชอบ หรือความสะดวกของผู้ใช้งานแต่ละคนมากกว่า

แนะนำ 5 รุ่น เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ ยอดนิยม จาก Tecnogas

สำหรับใครที่สนใจเตาแก๊สตั้งพื้น พร้อมเตาอบและย่างที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบครัน มีดีไซน์สวยงาม ได้รับมาตรฐานระดับสากล เรามี 5 รุ่น เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ ยอดนิยม จาก Tecnogas มาแนะนำ จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย

1. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น อบ และย่างด้วยระบบไฟฟ้า รุ่น D1RC96E5VC

เตาแก๊สแบบตั้งพื้นที่มีโครงสร้างทำจากสเตนเลสเคลือบสี ขนาด 90 เซนติเมตร ช่วยมอบสีสันและความโดดเด่นให้กับห้องครัว มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานครบครัน เช่น 
  • เตาอบความจุ  110 ลิตร อบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า ผนังด้านในเตาอบเคลือบอีนาเมล
  • ประตูกระจก Inner Glass Cool Door เอกสิทธิ์จาก Tecnogas
  • เตาแก๊ส 5 หัวเตา รองรับการใช้งานหลากหลาย เช่น หัวเตาใหญ่ กำลังไฟ 5,000 วัตต์,  หัวเตากลาง กำลังไฟ 3,000 วัตต์, หัวเตาเล็ก 2 หัวเตา กำลังไฟ 1,800 วัตต์ และ หัวเตาอุ่น กำลังไฟ 1,000 วัตต์
  • มีระบบ Safety Device ใช้งานได้อย่างสบายใจ

2. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น อบ และย่างด้วยระบบไฟฟ้า รุ่น NEXT LINE LV.2

เตาแก๊สแบบตั้งพื้นโครงสร้างสเตนเลส ดีไซน์สวยงาม ขนาด 60 เซนติเมตร เหมาะสำหรับการใช้งานในทุก ๆ บ้าน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน พร้อมช่วยให้คุณสนุกกับการทำอาหารมากยิ่งขึ้น เช่น
  • เตาอบความจุ 65 ลิตร อบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า ผนังด้านในเตาอบเคลือบอีนาเมล
  • ประตูกระจก Inner Glass Cool Door เอกสิทธิ์จาก Tecnogas
  • จอแสดงผลแบบดิจิตอล ระบบสัมผัส
  • เตาแก๊ส 4 หัวเตา ได้แก่ หัวเตาใหญ่ กำลังไฟ 3,300 วัตต์, หัวเตากลาง 2 หัวเตา กำลังไฟ 1,800 วัตต์ และ หัวเตาเล็ก กำลังไฟ 1,000 วัตต์
  • มีระบบ Safety Device ใช้งานได้อย่างสบายใจ

3. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น อบ และย่างด้วยระบบไฟฟ้า รุ่น TNP FS 6040 EE

เตาแก๊สแบบตั้งพื้นราคาปานกลาง ขนาด 60 เซนติเมตร มาพร้อมกับโครงสร้างสเตนเลสเนื้อลินิน ดีไซน์สวยงาม ทนทานต่อรอยขีดข่วน มีฟังก์ชันใช้งานครบถ้วน และสามารถเข้าได้กับห้องครัวทุกสไตล์
  • เตาอบความจุ 57 ลิตร อบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า ผนังด้านในเตาอบเคลือบอีนาเมล
  • ควบคุมการทำงานด้วยลูกบิดและปุ่มกด
  • จอแสดงผลแบบดิจิตอล สามารถตั้งเวลาการปรุงอาหารสูงสุด 90 นาที
  • เตาแก๊ส 4 หัวเตา ได้แก่ หัวเตาใหญ่ กำลังไฟ 4,500 วัตต์, หัวเตากลาง กำลังไฟ 2,300 วัตต์, หัวเตาเล็ก กำลังไฟ 1,500 วัตต์ และหัวเตาอุ่น กำลังไฟ 850 วัตต์
  • มาพร้อมกับลิ้นชักอุ่นอาหาร ขาปรับระดับได้ และฝากระจกปิดหัวเตา

4. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น อบ และย่างด้วยระบบแก๊ส รุ่น TNP FS 6040 GG

เตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบจาก Tecnogas ไม่ได้มีเฉพาะเตาอบด้วยระบบไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีเตาอบและย่างด้วยระบบแก๊สด้วย โดยเตารุ่นนี้มีโครงสร้างสเตนเลส ขนาด 60 เซนติเมตร มีดีไซน์สวยงามเหมือนกับรุ่นด้านบน และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันไม่แพ้กัน
  • เตาอบความจุ 64 ลิตร อบและย่างด้วยระบบแก๊ส ผนังด้านในเตาอบเคลือบอีนาเมล
  • ควบคุมการทำงานด้วยลูกบิดและปุ่มกด สามารถตั้งเวลาการปรุงอาหารสูงสุด 90 นาที
  • ประตูกระจกนิรภัย ป้องกันความร้อนแผ่ออกด้านนอก
  • เตาแก๊ส 4 หัวเตา ได้แก่ หัวเตาใหญ่ กำลังไฟ 4,500 วัตต์, หัวเตากลาง กำลังไฟ 2,300 วัตต์, หัวเตาเล็ก กำลังไฟ 1,500 วัตต์ และหัวเตาอุ่น กำลังไฟ 850 วัตต์
  • มีระบบ Safety Device ใช้งานได้อย่างสบายใจ

5. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น อบ และย่างด้วยระบบไฟฟ้า รุ่น TG.PL 998 CREAM

สำหรับใครที่ตกแต่งห้องครัวสไตล์คาเฟ่ ต้องไม่ผ่านเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบรุ่นนี้เลย เพราะมาพร้อมกับโครงสร้างสเตนเลสเคลือบสีครีม ขนาด 90 เซนติเมตร ที่มีดีไซน์มินิมอลสุด ๆ สามารถเข้าได้กับห้องครัวสไตล์คาเฟ่ หรือมินิมอลได้อย่างกลมกลืน ที่สำคัญยังมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันด้วย
  • เตาอบความจุ 94 ลิตร อบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า ผนังด้านในเตาอบเคลือบอีนาเมล
  • สามารถปรุงอาหารอุณหภูมิสูงสุดได้ที่ 250 องศาเซลเซียส
  • ควบคุมการทำงานด้วยลูกบิด
  • ประตูกระจก Inner Glass Cool Door เอกสิทธิ์จาก Tecnogas
  • เตาแก๊ส 5 หัวเตา ได้แก่ หัวเตาใหญ่ กำลังไฟ 3,800 วัตต์, หัวเตากลาง กำลังไฟ 3,000 วัตต์, หัวเตาเล็ก 2 หัวเตา กำลังไฟ 1,800 วัตต์ และหัวเตาอุ่น กำลังไฟ 1,000 วัตต์
  • มีระบบ Safety Device ใช้งานได้อย่างสบายใจ

สนใจเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบ ทำอย่างไรดี?

หากคุณสนใจเตาแก๊สแบบตั้งพื้น พร้อมเตาอบจาก Tecnogas สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของเราได้เลย เรามีทีมงานพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าอย่างละเอียด พร้อมบริการติดตั้งให้ถึงที่ และการดูแลหลังการขาย เพื่อการใช้งานเครื่องครัวจาก Tecnogas ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยมากที่สุด  

เปิดตำราติดตั้งเครื่องดูดควันอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด

เปิดตำราติดตั้งเครื่องดูดควันอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด

หลังจากที่เรียนรู้วิธีเลือกเครื่องดูดควันในครัวให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว หลายคนคงรู้แล้วว่าควรใช้เครื่องดูดควันแบบไหน และพร้อมที่จะติดตั้งเครื่องดูดควันภายในห้องครัวแล้ว เพื่อให้คุณสามารถติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันในครัวได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไรมากวนใจ Tecnogas มีคำแนะนำเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องดูดควันภายในบ้านมาฝาก จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย

การเตรียมตัวก่อนติดตั้งเครื่องดูดควันภายในบ้าน

การเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเครื่องดูดควันที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด สามารถติดตั้งได้อย่างราบรื่น และไม่ต้องมาแก้งานโครงสร้างบ้านภายหลังให้ยุ่งยาก โดยสิ่งที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนติดตั้งเครื่องดูดควัน มีดังนี้

1. กำหนดตำแหน่งติดตั้งเครื่องดูดควัน

ตำแหน่งของเครื่องดูดควันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องดูดควันมาก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานจะต้องวางแผนให้ดี โดยคำแนะนำในการเลือกตำแหน่งติดตั้งเครื่องดูดควัน มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันบริเวณใกล้กับประตูและหน้าต่าง
  • ตำแหน่งของเครื่องดูดควันควรอยู่ด้านบนของเตาแก๊ส และมีระยะห่างไม่เกิน 650 – 750 มิลลิเมตร
  • ในกรณีที่ใช้ระบบดูดควันแบบต่อท่อ จะต้องคำนึงถึงระยะทางของท่อและข้องอของท่อด้วย เพราะยิ่งมีความยาวของท่อ หรือมีข้องอมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลให้กำลังดูดตกลงเท่านั้น
  • ห้ามต่อท่อระบายอากาศกับระบบระบายอากาศอื่น ๆ โดยเด็ดขาด จะต้องแยกระบบท่อกัน

2. เดินท่อให้เรียบร้อยก่อนปิดฝ้า

ในกรณีที่จำเป็นต้องติดตั้งท่อส่งอากาศบนฝ้าเพดาน คุณควรทำการเดินท่อให้เรียบร้อยก่อนปิดฝ้าเพดาน ซึ่งสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการเดินท่ออย่างเหมาะสม และใช้บริการเดินท่อก่อนปิดฝ้าเพดานก่อน แล้วค่อยทำการติดตั้งเครื่องดูดควันในภายหลังได้

3. จัดการงานผนังให้เรียบร้อย

การฉาบปูน ทาสี และปูกระเบื้องผนังให้เรียบร้อยก่อนที่จะติดตั้งเครื่องดูดควัน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะหลังจากที่ติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันเรียบร้อยแล้ว จะทำให้การจัดการงานผนังบริเวณนั้นทำได้ยากมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการติดตั้งเครื่องดูดควันภายในบ้าน

การติดตั้งเครื่องดูดควันภายในบ้านนั้น ควรทำโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญด้านการติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันโดยเฉพาะ เพื่อที่เครื่องดูดควันจะได้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีขั้นตอนดังนี้

  • ช่างทำการตรวจสอบสถานที่ เช่น ตำแหน่งที่จะติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควัน จุดต่อสายไฟ จุดต่อท่อนอกอาคาร และทำการวัดระยะโดยละเอียด
  • ช่างทำการตรวจสอบเครื่องดูดควัน และอุปกรณ์ติดตั้งให้เรียบร้อย
  • ช่างทำการเจาะรูผนัง ติดตั้งเครื่องดูดควัน เดินสายไฟ และเดินท่อให้เรียบร้อย (ในกรณีที่ใช้ระบบหมุนเวียนอากาศ จะไม่มีการเจาะรูผนังและเดินท่อ)
  • ช่างทำความสะอาดพื้นที่หน้างาน และส่งมอบงานให้กับลูกค้า

คำแนะนำการดูแลเครื่องดูดควันหลังจากที่ติดตั้งใช้งานแล้ว

หลังจากที่เราติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันไปเรียบร้อยแล้ว จะต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องดูดควันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นกรองอากาศ แผ่นกรองน้ำมัน ถาดรองน้ำมัน ท่อระบายอากาศ หรือแม้แต่ตัวเครื่องดูดควันเอง เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้เกิดสิ่งสกปรกสะสมเข้าไปขวางการกรองอากาศ ส่งผลให้กำลังดูดตกลง อีกทั้งยังทำให้คราบน้ำมัน หรือคราบเขม่าควันฝังลึกจนทำความสะอาดได้ยากด้วย

สรุปเรื่องการติดตั้งเครื่องดูดควัน

ในกรณีที่คุณกำลังจะสร้างบ้าน หรือรีโนเวทห้องครัว แล้วต้องการจะใช้งานเครื่องดูดควัน สิ่งสำคัญก็คือจะต้องวางแผนเกี่ยวกับตำแหน่งติดตั้งเครื่องดูดควันให้เรียบร้อยก่อน เพราะตำแหน่งของเครื่อง และระยะท่อส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดูดควัน นอกจากนี้ผู้ใช้งานควรเคลียร์สถานที่ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เพื่อที่ช่างจะได้เข้ามาติดตั้งการใช้งานเครื่องดูดอย่างราบรื่น สะดวก และรวดเร็ว ส่วนผู้ที่มีห้องครัวเรียบร้อยแล้ว การติดตั้งใช้งานเครื่องดูดควันจะต้องประเมินกับสภาพสถานที่ความเป็นจริง ซึ่งสามารถให้เจ้าหน้าที่จาก Tecnogas ช่วยประเมินได้เลย

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310