รวม 5 วิธีล้างเขียงไม้ให้สะอาด ห่างไกลจากเชื้อโรค

รวม 5 วิธีล้างเขียงไม้ให้สะอาด ห่างไกลจากเชื้อโรค

เขียงไม้เป็นอุปกรณ์ทำครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับใครหลายคน ทว่าหากใช้งานไปนาน ๆ โดยไม่ได้ดูแลทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เขียงก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ ซึ่งนอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคลงในอาหารอีกด้วย บทความนี้มี 5 วิธีล้างเขียงไม้มาแนะนำ ปลอดภัยจากเชื้อโรค ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงใช้สิ่งของใกล้ตัวก็ช่วยดับกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

ทำไมเขียงไม้ที่สกปรกถึงอันตรายกว่าที่คิด

ทำไมเขียงไม้ที่สกปรกถึงอันตรายกว่าที่คิด

เนื่องจากเขียงไม้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับหั่น สับ และเตรียมวัตถุดิบอาหารทุกชนิด ทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ เครื่องเทศต่าง ๆ เมื่อใช้งานเขียงไปนาน ๆ จึงมีโอกาสสูงที่เศษอาหารและคราบไขมันจะฝังแน่นตามรอยตัดและผิวเขียง และด้วยเนื้อไม้มีรูพรุนตามธรรมชาติ ก็ยิ่งอาจกักเก็บเชื้อโรคและกลิ่นอับได้ง่าย หากไม่ได้ทำความสะอาดอย่างหมดจด เชื้อโรคก็จะแพร่กระจายและเพิ่มจำนวนบนเขียง และสามารถปนเปื้อนไปสู่อาหารที่เรากินในแต่ละวัน จนอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้ ดังนั้นการล้างเขียงไม้ให้สะอาด ปราศจากกลิ่นเหม็นและเชื้อโรค จึงมีความจำเป็นมาก เพื่อสุขอนามัยที่ดีของเราเองนั่นเอง

5 วิธีล้างเขียงไม้ให้สะอาดหมดจด ปลอดภัยจากเชื้อโรค

5 วิธีล้างเขียงไม้ให้สะอาดหมดจด ปลอดภัยจากเชื้อโรค

แม้เขียงไม้จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะล้างให้สะอาดไม่ได้ เราจึงจะมาแนะนำ 5 วิธีเด็ด ๆ ในการดูแลทำความสะอาดเขียงไม้ให้ใสสะอาดปราศจากเชื้อโรค ซึ่งก็มีดังนี้

1. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู

1. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู

การใช้น้ำส้มสายชูเป็นวิธีคลาสสิคในการล้างเขียงไม้ให้สะอาด เพราะกรดในน้ำส้มสายชูนั้นมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี เพียงนำน้ำส้มสายชูเทใส่ในชาม แล้วนำเขียงไม้แช่ลงไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นนำเขียงขึ้นมาขัดด้วยแปรงอ่อน ๆ โดยเฉพาะบริเวณรอยตัดหรือรอยแยกของเนื้อไม้ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากให้แห้ง 

2. ล้างด้วยมะนาวและเกลือ

2. ล้างด้วยมะนาวและเกลือ

อีกวิธียอดฮิตในการล้างเขียงไม้ก็คือการใช้มะนาวและเกลือ โดยน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ ส่วนเกลือก็ช่วยขจัดคราบไขมันและกลิ่นคาวได้อย่างหมดจด เริ่มจากโรยเกลือลงบนเขียงให้ทั่ว แล้วนำมะนาวผ่าครึ่งมาถูวนไปมา ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วนำไปล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขัดเบา ๆ ด้วยแปรงหรือฟองน้ำ จากนั้นล้างน้ำอีกครั้งแล้วนำไปผึ่งให้แห้ง 

3. ล้างด้วยเบกกิ้งโซดา

3. ล้างด้วยเบกกิ้งโซดา

เบกกิ้งโซดามีสรรพคุณในการขจัดคราบสกปรก กลิ่น และฆ่าเชื้อโรคได้ดีอีกด้วย วิธีใช้ก็ง่าย แค่นำเบกกิ้งโซดาโรยลงบนเขียง แล้วนำแปรงชุบน้ำมาขัดวนไปมา จนเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำเป็นแป้งเปียก ใช้นิ้วมือช่วยถูไปตามร่องรอยของเขียงไม้ ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง 

4. ล้างด้วยน้ำมันหอมระเหย

หากใครชอบกลิ่นหอมสดชื่นแบบธรรมชาติ การใช้น้ำมันหอมระเหยก็จะเป็นทางเลือกที่ถูกใจ เพราะนอกจากจะให้กลิ่นหอมแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ขจัดแบคทีเรีย และสลายคราบได้อย่างอ่อนโยนด้วย โดยให้หยดน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำสะอาด 5-10 หยด คนให้เข้ากัน แล้วนำเขียงไม้จุ่มลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ขัดถูเบา ๆ ด้วยฟองน้ำ แล้วล้างออก ก็จะได้เขียงสะอาดหอมสดชื่นที่ปราศจากเชื้อโรคแน่นอน

5. ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน

5. ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน

ถ้าอยากจะล้างเขียงแบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ก็ใช้วิธีล้างด้วยน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ ในซิ้งค์ล้างจานก็เพียงพอแล้ว โดยใช้น้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย หรือเทน้ำยาลงบนฟองน้ำชุบน้ำ แล้วนำไปขัดถูบนเขียง โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบฝังแน่น ใช้แปรงขัดตามร่องรอยหรือรอยแตกเล็ก ๆ บนเนื้อไม้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด นำไปเช็ดให้แห้งสนิท

สรุปบทความ

จากที่เราได้แนะนำ 5 วิธีการล้างเขียงไม้ให้สะอาด ไร้กลิ่นเหม็น และปลอดภัยจากเชื้อโรคไปแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีเป็นสิ่งที่ทำได้ที่บ้าน ใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว หรือหาซื้อได้ในครัว เช่น น้ำส้มสายชู มะนาวและเกลือ เบกกิ้งโซดา น้ำมันหอมระเหย หรือน้ำยาล้างจาน ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติขจัดคราบสกปรกได้ดี ทำให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น หรือถ้าใครสนใจอุปกรณ์เครื่องครัวที่ช่วยในเรื่องของการล้างจานให้สะอาด ขอแนะนำเครื่องล้างจาน ของ Tecnogas เรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมคุณภาพชั้นนำ พร้อมมอบประสบการณ์ทำครัวเหนือระดับ สะดวกสบาย ปลอดภัยไร้กังวล

รวม 6 วิธีล้างหม้อให้กลิ่นไม่ติด พร้อมใช้งานต่อได้ทันที

รวม 6 วิธีล้างหม้อให้กลิ่นไม่ติด พร้อมใช้งานต่อได้ทันที

หม้อเป็นอุปกรณ์ทำครัวที่ใช้บ่อย และมักเกิดปัญหากลิ่นติดหม้อจากการปรุงอาหาร ทำให้หม้อไม่พร้อมใช้งาน และต้องเสียเวลาขจัดกลิ่นก่อนนำไปใช้ครั้งต่อไป แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก ในการล้างหม้อให้สะอาดหมดจด กลิ่นไม่ติด และใช้งานต่อได้ทันที ด้วย 6 วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้ด้วยตัวเอง โดยใช้อุปกรณ์และส่วนผสมที่หาได้ในครัว ไม่ว่าจะล้างด้วยมือหรือเครื่องล้างจานก็ตาม มาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแก้ปัญหากลิ่นติดหม้อของเราได้บ้าง

กลิ่นไม่พึงประสงค์ติดหม้อ เกิดจากอะไร

กลิ่นไม่พึงประสงค์ติดหม้อ-เกิดจากอะไร

ก่อนจะไปดูวิธีกำจัดกลิ่นหม้อ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ติดอยู่ในหม้อนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจาก

  • คราบน้ำมันหรือไขมันที่หลงเหลือจากการปรุงอาหารติดอยู่ตามผนังและก้นหม้อ
  • เศษอาหารหรือเครื่องเทศที่ติดค้าง หรือไหม้ติดก้นหม้อ
  • สารระเหยจากอาหารบางประเภท เช่น หัวหอม กระเทียม ปลา อาหารทะเล
  • การใช้หม้อประเภทหรือวัสดุไม่เหมาะกับอาหารที่ปรุง เช่น หม้อทองเหลืองใส่แกงเผ็ด
  • การล้างหม้อไม่สะอาดพอ หรือล้างแบบขอไปที ทำให้มีคราบสกปรกหลงเหลือ

ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ กลิ่นเหล่านี้ก็จะยิ่งฝังลึกและติดแน่นในเนื้อหม้อ ยากต่อการขจัดออก ดังนั้นควรรีบทำความสะอาดและกำจัดกลิ่นทันทีหลังใช้งานหม้อทุกครั้ง จะช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นสะสมได้นานนั่นเอง

6 วิธีล้างหม้อให้กลิ่นไม่ติด และใช้งานต่อได้ทันที

6 วิธีล้างหม้อให้กลิ่นไม่ติด และใช้งานต่อได้ทันที

เมื่อทราบสาเหตุของกลิ่นติดหม้อแล้ว ก็มาดูกันต่อเลยว่า มีวิธีแก้ไขและขจัดกลิ่นแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองได้อย่างไรบ้าง เพียงแค่ทำตามวิธีเหล่านี้ หม้อเราก็จะกลับมาสะอาดหอมเหมือนใหม่ พร้อมลุยทำอาหารต่อได้ทันที!

1. ใช้น้ำผสมสบู่อ่อน

1. ใช้น้ำผสมสบู่อ่อน

เริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ ล้างหม้อด้วยน้ำผสมสบู่อ่อน โดยแช่หม้อที่ต้องการในซิ้งค์ล้างจาน ใส่น้ำอุ่นแล้วหยดสบู่ลงไป ขัดถูด้วยฟองน้ำหรือแปรงให้ทั่วทุกซอกมุม โดยเฉพาะบริเวณฝาหม้อและด้ามจับ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

2. ใช้ผงฟู

2. ใช้ผงฟู

ผงฟูก็สามารถนำมาใช้ขจัดคราบและกลิ่นติดหม้อได้เช่นกัน โดยแช่ผงฟูในหม้อทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จาก นั้นล้างออกด้วยสบู่และน้ำอุ่น สารที่มีฤทธิ์เป็นเบสในผงฟูจะช่วยขจัดคราบมันและกลิ่นติดหม้อให้หลุดออกไปโดยง่าย นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้หม้อดูเงาสะอาดน่าใช้งานยิ่งขึ้นอีกด้วย

3. ใช้น้ำส้มควันไม้

3. ใช้น้ำส้มควันไม้

น้ำส้มควันไม้มีส่วนผสมของกรดอะซิติกอ่อน ๆ ที่ช่วยดับกลิ่นได้เป็นอย่างดี หากหม้อมีกลิ่นคาวปลา เนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเลติด ให้นำน้ำส้มควันไม้ผสมกับน้ำ แล้วแช่หม้อที่มีกลิ่นทิ้งไว้ 20-30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปขัดด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติ รับรองได้ว่ากลิ่นคาวต่าง ๆ จะหายไปได้อย่างหมดจดอย่างแน่นอน

4. ใช้น้ำตาลและเกลือ

4. ใช้น้ำตาลและเกลือ

ลองนำน้ำตาลและเกลือมาขัดผิวหม้อ โดยนำน้ำตาลทรายและเกลือมาผสมกัน แล้วนำมาโรยลงบนผิวหม้อที่เปียกน้ำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบฝังแน่น ทำซ้ำไปมาจนกว่ารอยจะจางลง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนหมด คุณสมบัติของเกลือและน้ำตาลจะช่วยกำจัดจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นได้

5. ใช้น้ำชาชงแก่

5. ใช้น้ำชาชงแก่

สามารถใช้ชาชงแก่ในการล้างหม้อได้ โดยเทชาใส่หม้อที่มีคราบ พักทิ้งไว้สักพัก เมื่อน้ำชาเย็นลง ค่อย ๆ ขัดหม้อ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากคราบยังไม่หลุดให้ทำซ้ำอีกครั้ง โดยชาจะช่วยให้คราบตะกรันหลุดง่าย 

6. ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำ

6. ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำ

ปิดท้ายด้วยเบกกิ้งโซดาสารพัดประโยชน์ ที่นอกจากจะใช้ทำขนมแล้ว ก็ยังสามารถนำมาใช้ล้างหม้อที่มีกลิ่นฉุนติดแน่นได้อีกด้วย เพียงผสมเบกกิ้งโซดาในน้ำอุ่น ใส่ลงไปในหม้อที่ต้องการล้าง แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อครบเวลาก็นำมาล้างปกติอีกครั้ง กลิ่นต่าง ๆ จะจางหายไป เป็นวิธีที่แม้จะใช้เวลานาน แต่ไม่ต้องออกแรงขัดถูมาก เหมาะกับใครที่อยากขจัดกลิ่นแบบสบาย ๆ ไม่เปลืองแรงนั่นเอง

สรุปบทความ

สรุปบทความ

6 วิธีล้างหม้อที่ได้แนะนำมาทั้งหมดนี้ เป็นวิธีที่ทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงแค่ใช้ของใกล้ตัวที่มีอยู่ในครัว ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ผงฟู น้ำส้มควันไม้ น้ำตาลทราย เกลือ ชาชงแก่ หรือเบกกิ้งโซดา ก็สามารถนำมาประยุกต์ล้างหม้อ กำจัดคราบเกรอะกรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากทำตามขั้นตอนทั้งหมดแล้ว หม้อของเราก็จะกลับมาสะอาด หมดจด พร้อมใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นจากการปรุงอาหารครั้งก่อนจะติดค้างรบกวนการทำอาหารครั้งต่อไปอีก หรือถ้าใครสนใจอุปกรณ์ที่ช่วยในการล้างจานอย่างเครื่องล้างจาน สะดวก ไม่ต้องออกแรงเยอะ สามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ Tecnogas เรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมคุณภาพชั้นนำ พร้อมมอบประสบการณ์ทำครัวเหนือระดับสู่ทุกครัวเรือน

คลายข้อสงสัย ภาชนะแบบไหนเข้าเตาอบได้บ้าง

คลายข้อสงสัย ภาชนะแบบไหนเข้าเตาอบได้บ้าง

เตาอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประโยชน์มากในการทำอาหารและเบเกอรี่ต่าง ๆ แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่าภาชนะแบบไหนบ้างที่สามารถนำเข้าเตาอบได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ทำให้เตาเสียหายหรือเกิดอันตรายจากการใช้งาน บทความนี้มีคำตอบมาฝากกัน ไปดูกันเลยดีกว่า!

วัสดุแบบไหนที่ไม่ควรนำเข้าเตาอบ

วัสดุแบบไหนที่ไม่ควรนำเข้าเตาอบ

ก่อนจะไปดูภาชนะที่เข้าเตาอบไฟฟ้าได้ เรามาดูกันก่อนว่ามีภาชนะวัสดุอะไรบ้างที่ไม่ควรนำเข้าเด็ดขาด ซึ่งได้แก่

  • ภาชนะพลาสติกทั่วไปที่ไม่ระบุว่าทนความร้อนได้
  • ภาชนะเมลามีนหรือเรซิ่น
  • ภาชนะที่มียางหรือไม้เป็นส่วนประกอบ
  • ภาชนะอะคริลิค
  • ภาชนะที่มีลวดลายปั๊มฟอยล์หรือสติ๊กเกอร์
  • ภาชนะที่มีสารเคลือบผิวอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุว่าเข้าเตาอบได้

เพราะวัสดุเหล่านี้เมื่อโดนความร้อนจากเตาอบ อาจจะละลาย บิดงอ หรือปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาใช้กับเตาอบเด็ดขาด หรือกระทั่งโดนความร้อนจากเตาแก๊สก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของอาหารและตัวเราเอง

ภาชนะอะไรบ้างที่เอาเข้าเตาอบได้

เมื่อรู้แล้วว่าภาชนะแบบไหนที่ไม่ควรเอาเข้าเตาอบ เรามาดูกันต่อเลยว่า แล้วภาชนะอะไรบ้างที่สามารถนำเข้าได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก็จะมีดังนี้

แก้วทนความร้อน

แก้วทนความร้อน

ภาชนะแก้วทนความร้อน ถูกผลิตจากแก้วชนิดพิเศษที่ผ่านการอบด้วยความร้อนสูง ทำให้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี สามารถนำเข้าเตาอบ หรือไมโครเวฟได้ ที่ก้นของภาชนะจะมีสัญลักษณ์บอกว่าภาชนะแก้วนี้สามารถใช้กับเตาอบได้หรือไม่

เซรามิกทนความร้อน

เซรามิกทนความร้อน

ภาชนะเซรามิกที่มีคุณสมบัติทนความร้อน เช่น ชามรูปทรงต่าง ๆ หรือจานเซรามิกเนื้อหนา สามารถเอาเข้าเตาอบได้อย่างปลอดภัย เพราะเนื้อเซรามิกดังกล่าวผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิสูง ทำให้ทนความร้อนได้ดี ไม่แตกร้าวหรือปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย แต่ภาชนะเซรามิกส่วนใหญ่มักจะมีน้ำหนักมาก ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและจับด้วยถุงมือกันความร้อน เพื่อป้องกันของหล่นหรือมือพองได้

อะลูมิเนียมหรือโลหะทนความร้อน

อะลูมิเนียมหรือโลหะทนความร้อน

ภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียมหรือสเตนเลสทนความร้อน โดยเฉพาะที่มีความหนา ไม่มีด้ามจับที่เป็นพลาสติก ก็สามารถนำเข้าเตาอบได้เช่นกัน เช่น ถาดอบขนม แผ่นรองอบ ถ้วยพาย เป็นต้น ซึ่งภาชนะโลหะจะช่วยกระจายความร้อนได้ดี อบอาหารได้สุกทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเฉพาะอาหารประเภทเบเกอรี่ 

ถ้วยกระดาษทำเบเกอรี่

ถ้วยกระดาษทำเบเกอรี่

ถ้วยหรือถาดอบที่ทำจากกระดาษชนิดพิเศษ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับอบขนมโดยเฉพาะ เช่น ถ้วยคัพเค้ก ถ้วยมัฟฟิน หรือถาดทาร์ตขนาดเล็ก ก็สามารถนำเข้าเตาอบได้โดยไม่ต้องกลัวว่ากระดาษจะไหม้ เพราะกระดาษทนความร้อนเหล่านี้จะทนอุณหภูมิได้สูง ซึ่งเพียงพอต่อการอบขนมทั่วไป อย่างไรก็ตาม ควรใช้กระดาษในการอบเพียงครั้งเดียว ไม่นำกลับมาใช้ซ้ำเพราะกระดาษอาจเปื่อยยุ่ยได้

แผ่นซิลิโคนทนความร้อน

แผ่นซิลิโคนทนความร้อน

อีกหนึ่งวัสดุที่กำลังเป็นที่นิยมในการทำอาหารอบ ก็คือแผ่นหรือถาดซิลิโคนที่ทนความร้อนได้สูง โดยจะมีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น สามารถงอได้ แต่ทนความร้อนได้ดี ไม่ปล่อยสารพิษ แถมล้างทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการอบขนมปัง คุกกี้ มาการอง ช่วยให้หยิบขนมออกจากพิมพ์ได้ง่ายโดยไม่ติดถาด 

ถ้วยฟรอยด์ เข้าเตาอบได้ไหม

ถ้วยฟรอยด์ เข้าเตาอบได้ไหม

ถาดทำจากอะลูมิเนียมฟอยล์สามารถใช้ในการอบอาหารด้วยเตาอบได้ แต่ไม่ควรใช้กับเตาไมโครเวฟ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ แม้ว่าฟอยล์จะสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี แต่หากความร้อนมากเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุให้ฟอยล์ไหม้ได้เช่นกัน ดังนั้น หากสังเกตเห็นประกายไฟขณะกำลังอบอาหาร ควรรีบนำถาดฟอยล์ออกจากเตาอบโดยทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าภาชนะที่จะนำเข้าเตาอบได้อย่างปลอดภัยนั้น ต้องเป็นภาชนะที่ทำจากวัสดุทนความร้อนโดยเฉพาะ ซึ่งวัสดุเหล่านั้นจะไม่หลอมละลายหรือปล่อยสารพิษเมื่อโดนความร้อนสูง ดังนั้นก่อนจะนำภาชนะใด ๆ ไปอบในเตาอบ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าภาชนะนั้นระบุหรือมีสัญลักษณ์ว่าสามารถใช้กับเตาอบได้หรือไม่ จะได้ใช้งานได้อย่างสบายใจ และปลอดภัยต่อสุขภาพของเราและคนที่เรารักส่วนใครสนใจอยากจะซื้อเตาอบไปไว้ที่ครัว ที่ Tecnogas มีให้เลือกหลากหลายแบบ สามารถเข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บของเรา มีทั้งแบบตั้งโต๊ะ และแบบติดผนังให้เลือก เตาอบที่เรานำเข้าจากอิตาลีใช้วัสดุเกรดพรีเมียม แข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างแน่นอน

9 สิ่งต้องห้ามนำเข้าเครื่องล้างจาน เพราะอาจทำให้พัง

9 สิ่งต้องห้ามนำเข้าเครื่องล้างจาน เพราะอาจทำให้พัง

เครื่องล้างจานเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นตัวช่วยให้การทำความสะอาดจาน ชาม แก้วน้ำ และเครื่องครัวต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายดาย แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วยังมีข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องนี้อยู่มาก โดยเฉพาะการนำเอาสิ่งของบางอย่างเข้าไปล้างในเครื่อง เพราะอาจทำให้เครื่องเสียหายหรือพังได้โดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะมาแนะนำ 9 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการนำเข้าเครื่องล้างจาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องล้างจานให้ทนทานและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

วัสดุแบบไหนไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจาน

วัสดุแบบไหนไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจาน

ก่อนจะไปดูกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่ไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจาน ต้องเริ่มจากการดูว่าวัสดุแบบไหนที่เสี่ยงต่อการเสียหาย หากนำเข้าไปล้างในเครื่อง ซึ่งก็ได้แก่

  • วัสดุที่ไม่ทนความร้อน เช่น พลาสติกบาง, เมลามีน, จานชามเคลือบ
  • วัสดุเครื่องครัวเทฟล่อน
  • วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้, ไม้ไผ่, หวาย
  • วัสดุที่มีส่วนผสมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ช้อนส้อมอัจฉริยะ

9 สิ่งต้องห้ามในการนำเข้าเครื่องล้างจาน

9 สิ่งต้องห้ามในการนำเข้าเครื่องล้างจาน

นอกจากจะมีวัสดุที่ไม่เหมาะกับการล้างในเครื่องล้างจานแล้ว ยังมีเครื่องใช้บางอย่างที่แม้จะทำมาจากวัสดุทนทาน ก็ไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจานเช่นกัน เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. มีดทำครัว

มีดทำครัว

มีดทำครัวเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจาน เพราะโดนความร้อนสูงและสารเคมีในเครื่องล้าง อาจทำให้คมมีดมีทื่อขึ้นและเสียหายได้ง่าย อีกทั้งถ้าวางมีดไม่ดี อาจถูกชิ้นส่วนหรือใบมีดของเครื่องครัวอื่นๆ กระแทก ทำให้บิ่นหรือหักได้ง่าย แถมยังอาจเป็นอันตรายต่อมือเวลาหยิบจับเข้าออกในเครื่อง แนะนำให้ล้างมีดด้วยมือ และเช็ดให้แห้งทันทีหลังใช้งานจะดีที่สุด 

2. เขียงไม้

2. เขียงไม้

เขียงไม้เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ มีรูพรุนที่อาจอุ้มน้ำและเชื้อแบคทีเรียได้ แม้จะนำเข้าเครื่องล้างจาน ก็ยังไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคบนผิวได้อย่างหมดจด อีกทั้งความร้อนและแรงปั่นของเครื่องล้าง อาจทำให้ไม้บิดเบี้ยว แตกหรือผิวหน้าเสียหายได้ แนะนำให้ล้างเขียงไม้ด้วยมือ ขัดถูให้สะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ป้องกันการบิดงอของเนื้อไม้ และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

3. กระทะเหล็ก

3. กระทะเหล็ก

กระทะเหล็กไม่เหมาะกับการนำเข้าเครื่องล้างจาน เพราะน้ำและสารเคมีที่ใช้ในการล้างอาจจะไปกัดกร่อนเคลือบ ทำให้สีซีดจางหรือลอกหลุดได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพในการใช้งานลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งอาจเกิดสนิมและคราบเกาะได้ในระยะยาว แนะนำให้ล้างกระทะให้สะอาดด้วยฟองน้ำนุ่มหรือแปรงขัดอ่อน เช็ดให้แห้งก่อนเก็บ เพื่อถนอมคุณภาพผิวกระทะให้ใช้งานได้อย่างทนทาน

4. หม้ออะลูมิเนียม

4. หม้ออะลูมิเนียม

หม้ออะลูมิเนียมเป็นเครื่องครัวที่ควรหลีกเลี่ยงการนำเข้าเครื่องล้างจานเช่นกัน เนื่องจากอะลูมิเนียมเป็นโลหะที่อ่อน ไม่ทนทานต่อสารเคมีและแรงกระแทกภายในเครื่องล้าง สีและผิวของหม้ออาจซีดจาง เป็นรอยได้ง่าย แถมยังมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกับโซดาหรือเกลือในเครื่องล้าง กลายเป็นคราบดำฝังแน่น ยากต่อการทำความสะอาดอีกด้วย จึงควรล้างหม้ออะลูมิเนียมด้วยมือและน้ำยาล้างจานอ่อน ๆ เพื่อให้หม้ออะลูมิเนียมสะอาด และสวยใหม่อยู่เสมอ

5. ฝาหม้ออบแรงดัน

5. ฝาหม้ออบแรงดัน

สำหรับใครที่ชอบใช้หม้ออบแรงดันหรือหม้อทำอาหารประเภทอบไอน้ำ ฝาของหม้ออบแรงดันนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรนำเข้าเครื่องล้างจานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากส่วนฝาจะมีชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้า วาล์วนิรภัย ยางกันรั่ว ซึ่งอาจถูกแรงดันน้ำพัดทำให้ชำรุด ส่งผลให้ประสิทธิภาพของหม้ออบแรงดันลดลงหรือใช้งานไม่ได้ จึงควรล้างฝาหม้ออบแรงดันด้วยมือเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการใช้งาน

6. แก้วเก็บความเย็น

6. แก้วเก็บความเย็น

แก้วเก็บความเย็นหรือ Tumbler ที่ว่านี้ หมายถึงแก้วที่ทำจากวัสดุที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความเย็น เช่น พลาสติก หรือโลหะชนิดพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผนังสองชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ความเย็นถ่ายเทออกไปสู่ภายนอกง่าย เมื่อนำแก้วลักษณะนี้เข้าเครื่องล้างจาน ความร้อนและแรงดันของน้ำอาจทำให้ขอบยางเสียหายและเสื่อมสภาพจนเก็บอุณหภูมิไม่ได้อีกต่อไป

7. ที่ขูดชีส

7. ที่ขูดชีส

ที่ขูดชีสเป็นอุปกรณ์ที่เป็นรูพรุน และขอบหยักนั้นคม อาจบาดมือได้ หากจัดวางไม่ดีในเครื่องล้างจาน อีกทั้งเศษชีสที่ติดค้างอยู่แม้จะล้างด้วยเครื่อง ก็อาจจะล้างออกไม่หมด ทำให้ต้องนำออกมาล้างซ้ำสอง ดังนั้นจึงไม่ควรนำที่ขูดชีสเข้าเครื่องล้างจาน ควรล้างด้วยมือ แล้วใช้แปรงหรือไม้จิ้มฟันขัดให้สะอาดจะดีกว่า 

8. จานกระเบื้องเพ้นท์ลาย

8. จานกระเบื้องเพ้นท์ลาย

จานกระเบื้องที่มีการเพ้นท์ลวดลายหรือสีสันต่าง ๆ แม้จะเคลือบผิวมาแล้ว ก็ยังไม่เหมาะที่จะนำเข้าเครื่องล้างจานหรือเตาอบ เนื่องจากความร้อนและสารเคมีอาจทำให้สีเคลือบบนลายเพ้นท์นั้นจางลง ร้าวหรือแตกออกได้ง่าย ดังนั้นจึงควรล้างจานเพ้นท์สีด้วยมืออย่างเบามือ เพื่อไม่ให้ลายสีที่สวยงามต้องหายไป และเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานของตัวเราเองด้วย

9. เครื่องแก้วคริสตัล

9. เครื่องแก้วคริสตัล

เครื่องแก้วคริสตัลเป็นเครื่องแก้วที่มีความบอบบางและมีราคาแพง การนำเข้าเครื่องล้างจานอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือแตกร้าวได้ และส่งผลให้ความวาวและความสวยงามลดลง 

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งที่เราอาจคิดว่าสามารถนำเข้าเครื่องล้างจานได้ แต่กลับไม่เหมาะเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ครัวที่เป็นวัสดุธรรมชาติ วัสดุบอบบาง หรือเครื่องแก้วที่มีราคาแพง หากนำเข้าเครื่องล้างจานแล้ว อาจทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เสี่ยงต่อการแตกหักหรือเสียรูป และอาจเกิดอันตรายแก่เรา หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานเครื่องครัวและเครื่องล้างจานที่ถูกวิธีสำหรับทุกบ้าน และถ้าใครสนใจอุปกรณ์เครื่องครัว สามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ Tecnogas ได้ เพราะเรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพชั้นนำจากอิตาลี พร้อมมอบประสบการณ์ทำครัวเหนือระดับ โทรปรึกษาเราที่ 02-274-3434

รวบไว้ครบจบ แต่งห้องครัวมินิมอลให้ดูดี ต้องรู้อะไรบ้าง

รวบไว้ครบจบ แต่งห้องครัวมินิมอลให้ดูดี ต้องรู้อะไรบ้าง

สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียในการตกแต่งห้องครัวใหม่ การแต่งห้องครัวในสไตล์มินิมอลก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยให้ห้องครัวดูเรียบง่าย สะอาดตา และมีพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัวแล้ว ยังเป็นการตกแต่งที่ไม่ตกเทรนด์ ดูดีได้ในระยะยาวอีกด้วย แต่การจะแต่งห้องครัวมินิมอลให้สวยงามนั้นก็มีเคล็ดลับและข้อควรรู้บางอย่าง ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์ข้อมูลดี ๆ พร้อมทั้งไอเดียคัดสรรให้ไปประยุกต์ใช้ในการตกแต่งห้องครัวกัน 

อยากแต่งห้องครัวมินิมอล มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง

อยากแต่งห้องครัวมินิมอล มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง

หากอยากแต่งห้องครัวให้ออกมาในสไตล์มินิมอลแบบจัดเต็ม ควรคำนึงถึงหลักในการตกแต่งดังต่อไปนี้

การคุมโทนสี

การคุมโทนสี

เริ่มต้นด้วยการเลือกคุมโทนสีในการตกแต่งห้องครัว ซึ่งห้องครัวมินิมอลนั้นจะเน้นไปที่โทนสีอ่อน เรียบง่าย เช่น สีขาว สีเทา สีครีม สีเบจ หรือสีพาสเทลอ่อน ๆ จะช่วยให้ห้องดูสบายตา โปร่งโล่ง รู้สึกผ่อนคลาย หากใครชอบโทนสีเข้ม อาจเลือกใช้เป็นสีดำ หรือสีเทาเข้มก็ได้ แต่ก็ควรมีสีอ่อนในการตกแต่งด้วยเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ห้องดูอึดอัดจนเกินไป 

ความเรียบง่ายของเฟอร์นิเจอร์

ความเรียบง่ายของเฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์ในห้องครัวมินิมอล ควรมีรูปทรงที่เรียบง่าย สะอาดตา ไม่มีรายละเอียดหรือลวดลายมากจนเกินไป เช่น ควรเลือกใช้ชั้นวางของแบบโล่ง เปิด หรือวัสดุใสอย่างอะคริลิคหรือกระจก ตู้เก็บของและลิ้นชักก็ควรเป็นทรงเรียบ ๆ ไม่เน้นมือจับ ไม้เคาน์เตอร์ครัวอาจเลือกเป็นไม้หรือหินอ่อนที่ไม่มีลวดลายหรือมีลายอ่อน ๆ ไม่ซับซ้อน โต๊ะ เก้าอี้ ก็เลือกที่มีขาเรียวบาง ดูเบา ไม่รกรุงรัง ซึ่งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่าย จะช่วยให้ห้องครัวมินิมอลสวยเก๋ได้อย่างไม่น่าเบื่อเลย

ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์

ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์

ห้องครัวมินิมอล นอกจากจะเน้นความเรียบง่ายในการตกแต่งแล้ว สิ่งสำคัญคือฟังก์ชันการใช้งานจะต้องตอบโจทย์อย่างครบครัน ในพื้นที่ที่จำกัด ดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่น เตาอบไฟฟ้า ก็ควรเลือกที่มีขนาดกำลังการผลิตเหมาะสมกับความต้องการใช้งาน และควรเลือกที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ปรับใช้ได้หลายโหมด แต่ไม่เน้นความซับซ้อนในการใช้งานมากเกินไป เช่น เตาไฟฟ้าที่มีโปรแกรมอัตโนมัติ ควบคุมความร้อนแม่นยำแต่ใช้งานง่าย จะช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องสนุกและเพลิดเพลินมากขึ้น โดยยังคงความเรียบง่ายของการตกแต่งห้องครัวได้อย่างลงตัว

ความเป็นระเบียบในการจัดเก็บ

ความเป็นระเบียบในการจัดเก็บ

ปิดท้ายด้วยหัวใจสำคัญของการแต่งห้องครัวสไตล์มินิมอล นั่นคือความสะอาดและเป็นระเบียบในการจัดวางของใช้และการจัดเก็บต่าง ๆ ในห้องครัว เนื่องจากมินิมอลจะเน้นความโล่ง โปร่ง มีพื้นที่ใช้สอย ดังนั้นของใช้ต่าง ๆ ควรถูกจัดเก็บในที่ที่เหมาะสม ไม่ทิ้งระเกะระกะ อาจเลือกใช้ตะกร้าหรือกล่องเก็บของที่ช่วยแยกประเภท จัดเรียงให้เป็นระเบียบ รวมถึงควรคอยทำความสะอาดเช็ดถูห้องครัวให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่ให้มีคราบสกปรกหรือเศษอาหารตกค้าง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ห้องครัวมินิมอลของคุณนั้น ดูสะอาด น่าใช้ และถูกสุขลักษณะได้ไม่ยากเลย

ควรเลือกอุปกรณ์ห้องครัวมินิมอลแบบไหนให้ดูดี

ควรเลือกอุปกรณ์ห้องครัวมินิมอลแบบไหนให้ดูดี

สำหรับอุปกรณ์เครื่องครัวในห้องครัวมินิมอล แนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์เครื่องครัวที่มีคุณสมบัติ ดังนี้

  • เน้นใช้วัสดุเซรามิก สีขาวหรือพาสเทลอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกสะอาดตา
  • ควรใช้อุปกรณ์ที่มีดีไซน์เรียบง่าย ไม่เน้นลวดลาย
  • ควรเลือกอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ทำความสะอาดสะดวก แต่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน
  • นิยมใช้อุปกรณ์แบบใส เช่น แก้ว หรือกระจก ให้ความรู้สึกโปร่งเบา
  • ควรเลือกอุปกรณ์ที่เข้ากับสไตล์การตกแต่ง ให้ห้องครัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สรุปบทความ

สรุปบทความ

จากเคล็ดลับการแต่งห้องครัวมินิมอลให้สวยงาม เรียบง่าย และน่าใช้งานนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้โทนสีที่อ่อนตา เรียบง่าย การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่หวือหวาหรือมีลวดลายมากจนเกินไป มีการเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงและตอบโจทย์ฟังก์ชันที่ต้องการ รวมถึงการจัดเก็บและดูแลรักษาความสะอาดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เสริมบรรยากาศครัวมินิมอลได้ดีอีกด้วยถ้าคุณกำลังสนใจตกแต่งห้องครัวใหม่ แต่ยังมีอุปกรณ์เครื่องครัวหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ครบ สามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ Tecnogas เรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมคุณภาพชั้นนำจากอิตาลี รับประกันว่าคุณจะมีห้องครัวมินิมอลตามใจหวัง และการทำอาหารที่เหนือระดับ ปลอดภัยไร้กังวล!

เขียง มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร และทำไมต้องแยกสี

เขียง มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร และทำไมต้องแยกสี

เขียงเป็นอุปกรณ์ทำครัวสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับใครที่ชอบทำอาหาร เพราะใช้เป็นพื้นผิวรองสับ หั่น เตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนนำไปปรุงอาหาร ซึ่งเขียงนั้นมีหลายแบบ หลายวัสดุ และหลายสีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเขียง ทั้งประเภท ความแตกต่างของแต่ละแบบ รวมถึงเหตุผลว่าทำไมต้องแยกสีในการใช้งาน แถมยังมีเคล็ดลับการเลือกขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้การเตรียมวัตถุดิบอาหารเป็นไปอย่างสะดวก สะอาด ปลอดภัย พร้อมเปิดเตาแก๊สรอลุยทำอาหารอร่อย ๆ กันได้เลย

เขียง มีกี่ประเภท

เขียง มีกี่ประเภท

โดยทั่วไปแล้ว เขียงมีอยู่ 4 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่

  1. เขียงไม้
  2. เขียงแก้ว
  3. เขียงหิน
  4. เขียงพลาสติก

ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าว่าเขียงประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานแบบใดบ้าง

เขียงไม้

เขียงไม้

เขียงไม้เป็นเขียงแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน เขียงไม้ที่ดีมักผลิตจากไม้เนื้อแข็ง ทำให้ทนทานต่อการใช้งาน ไม่แตกหักง่าย และยังช่วยถนอมคมมีดไม่ให้บิ่นเร็วเกินไป แต่ข้อเสียคือมีรูพรุนและอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย จึงต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยล้างด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย หรือโรยเกลือและขัดออก ผึ่งลมให้แห้งก่อนเก็บ ไม่ควรแช่น้ำทิ้งไว้นานเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราและตะไคร่ได้

เขียงแก้ว

เขียงแก้ว

เขียงแก้วเป็นเขียงที่ผลิตจากกระจกนิรภัยชนิดพิเศษ มีความแข็งแรง ทนทาน รองรับการใช้งานกับมีดคม ๆ ได้ดี อีกทั้งมีพื้นผิวที่เรียบเนียน ไม่มีรูพรุน ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เหมาะสำหรับคนที่แพ้ง่ายหรือมีภูมิแพ้ แต่ข้อเสียของเขียงแก้วคือค่อนข้างหนัก เปราะบาง แตกหักได้ง่าย ลื่น ทำให้หั่นผักชนิดหัวและเนื้อปลาไม่ค่อยสะดวก 

เขียงหิน

เขียงหิน

เขียงหิน ผลิตจากหินแกรนิตและหินอ่อน มีน้ำหนักมาก แข็งแรงทนทาน สามารถรองรับของมีคมได้ดีโดยไม่เป็นรอย จึงเหมาะกับการใช้งานหนัก ๆ อย่างการสับ ทุบ หรือหั่นเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีพื้นผิวเรียบเนียน ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ดูแลรักษาความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียคือ ยากต่อการเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ยังอาจทำให้คมมีดที่ใช้งานบิ่นได้ง่ายเช่นกัน

เขียงพลาสติก

เขียงพลาสติก

เขียงพลาสติกเป็นเขียงยอดนิยมของใครหลายคน เพราะมีราคาถูก น้ำหนักเบา สีสันสดใส ซื้อหาได้ง่าย แถมยังทำความสะอาดสะดวกเพียงแค่ใช้ฟองน้ำ ขัดในซิ้งค์ล้างจานก็เอี่ยมอ่องแล้ว เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปในบ้าน ทั้งเตรียมผัก ผลไม้ หรืออาหารต่าง ๆ แต่ข้อเสียของคือทนความร้อนได้ไม่ดีนัก และเนื่องจากมีพื้นผิวที่อ่อนนุ่มกว่าจึงเป็นรอยตัดได้ง่าย ซึ่งรอยตัดนี้อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและคราบสกปรกได้เช่นกัน

เขียง มีกี่ขนาดให้เลือกใช้งาน

เขียง มีกี่ขนาดให้เลือกใช้งาน

การเลือกขนาดเขียงควรพิจารณาถึงปริมาณอาหารที่ปรุง พื้นที่ทำงานในครัว ขนาดของ และการใช้งานเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 30×22.5×2 ซม. ไปจนถึง 120x50x3 ซม. 

ทำไมการแยกสีเขียงในการใช้งานถึงสำคัญ

ทำไมการแยกสีเขียงในการใช้งานถึงสำคัญ

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเขียงต้องมีหลายสีด้วย จริง ๆ แล้วเหตุผลหลัก ๆ ของการแยกสีเขียงก็เพื่อ

  • ลดการปนเปื้อนระหว่างอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารสุก อาหารดิบ
  • ป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียจากเนื้อสัตว์ดิบสู่ผักผลไม้ หรืออาหารพร้อมทาน
  • ง่ายต่อการจัดระเบียบและทำความสะอาด เช่น ล้างในซิ้งค์แยกตามสี หรือเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดเฉพาะได้
  • อำนวยความสะดวกในการใช้งานหากมีผู้ช่วยหรือใช้งานหลายคนพร้อมกัน สามารถแยกใช้เขียงได้ตามสีที่แบ่งไว้

โดยปกติเขียงที่วางขายตามท้องตลาด มักมีรหัสสีเป็นมาตรฐานให้เลือกใช้ตามประเภทอาหาร ดังนี้

  • สีเขียว ใช้กับผลไม้และผักต่าง ๆ
  • สีเหลือง ใช้กับไก่ดิบ หรือเนื้อสัตว์ปีก
  • สีแดง ใช้กับเนื้อวัว เนื้อหมูดิบ
  • สีน้ำเงิน ใช้กับอาหารทะเลดิบ
  • สีขาว ใช้กับขนม เบเกอรี่
  • สีน้ำตาล ใช้กับเนื้อสัตว์สุก
  • สีม่วง ใช้กับวัตถุดิบที่มีสารก่อภูมิแพ้ เช่น เห็ด เป็นต้น

ดังนั้นการแยกสีเขียงจึงช่วยป้องกันการปนเปื้อนระหว่างอาหารดิบและสุก สารก่อภูมิแพ้ และการรักษาสุขอนามัยที่ดีนั่นเอง 

สรุปบทความ

สรุปบทความ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเขียงมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต่างกัน นอกจากนี้ขนาดของเขียงก็มีให้เลือกหลายแบบ และที่สำคัญคือการแยกสีเขียงตามประเภทของอาหาร จะช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค แยกใช้งานได้อย่างถูกสุขลักษณะ และทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นด้วย Tecnogas หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้เขียงในแบบที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับทุกครัวเรือน ส่วนถ้าใครกำลังมองหาเครื่องครัวสำหรับทำอาหารอยู่ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์หน้าหลักของเราได้ มีให้เลือกมากมายทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาอินดักชั่น/เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาตั้งพื้น เตาอบ เตาอบแบบฝังเฟอร์นิเจอร์ อ่างล้างจาน เครื่องล้างจาน และเครื่องดูดควัน รับประกันคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม

รวม 7 ประเภทมีดทำครัวที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้

รวม 7 ประเภทมีดทำครัวที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้

มีดทำครัวถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในครัว เพราะมันช่วยให้การเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ ง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะหั่น สับ ปอก หรือแล่ ก็สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วหากมีมีดทำครัวที่คม วันนี้เราจึงจะมาแนะนำมีด 7 ประเภทที่คนรักการทำอาหารควรมีติดบ้านเอาไว้ 

มีดทำครัว มีวัสดุกี่แบบ

มีดทำครัว มีวัสดุกี่แบบ

ก่อนจะไปดูประเภทของมีดทำครัว เรามาทำความรู้จักชนิดของวัสดุมีดกันก่อน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ววัสดุมีดทำครัวแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  • มีดสเตนเลส นิยมใช้กันโดยทั่วไป มีความแข็งแรง ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม แต่ต้องลับคมบ่อยเพื่อการใช้งานที่ได้ประสิทธิภาพ
  • มีดเซรามิก ผลิตจากเซรามิกสังเคราะห์ซึ่งมีความแข็ง เบา คม ไม่เป็นสนิม แต่มีความเปราะแตกหักง่าย ไม่ควรใช้กับการหั่นกระดูก หรืออาหารแช่แข็ง 
  • มีดเหล็กไฮคาร์บอน ใบมีดมีความคมทนทาน แต่รักษายาก เกิดสนิมง่าย และต้องลับคมบ่อย

การเลือกใช้มีดแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับความชอบ การใช้งาน และงบประมาณของแต่ละคน โดยทั่วไปมีดสเตนเลสจะถูกเลือกใช้มากที่สุด เพราะราคาไม่แพง ทนทานต่อการใช้งาน ทำความสะอาดล้างในซิ้งค์ล้างจานง่าย และไม่เกิดสนิม

7 ประเภทมีดทำครัวที่คนชอบทำอาหารต้องมี

7 ประเภทมีดทำครัวที่คนชอบทำอาหารต้องมี

ไม่ว่าจะใช้มีดทำครัวทำจากวัสดุแบบไหน แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือการมีมีดหลากหลายประเภทไว้ใช้งานในแต่ละวัตถุประสงค์ โดยเราได้รวบรวมมีดทำครัว 7 ประเภทยอดนิยมที่คนทำอาหารมักมีติดครัวมาฝากกัน ดังนี้

1. มีดเชฟ

 มีดเชฟ

มีดทำครัวแบบแรกคือมีดเชฟ ซึ่งเป็นมีดที่มีลักษณะใบมีดค่อนข้างยาว ด้ามจับแข็งแรง ปลายแหลม เหมาะกับการใช้หั่นวัตถุดิบที่หลากหลาย ทั้งผัก เนื้อสัตว์ แม้กระทั่งสับกระดูกอ่อน ด้วยความยาวของใบมีด ทำให้สามารถหั่นได้อย่างคล่องมือ เพราะใบมีดไม่บางและเปราะจนเกินไป ทั้งยังเป็นมีดที่มีความคมมากเนื่องจากมักใช้ในการเตรียมวัตถุดิบที่หลากหลาย

2. มีดสับ

มีดสับ

มีดทำครัวต่อมาคือมีดสับ หรือมีดปังตอ ใช้ในการสับผัก เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ กระดูกก็ทำได้หมด มีดสับจะมีน้ำหนักมาก ด้ามจับที่เป็นไม้ก็ช่วยให้จับได้ถนัดมือ สามารถสับบนเขียงไม้หรือพลาสติกอย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม ควรจับมีดให้แน่น เพื่อไม่ให้มีดกระเด็นระหว่างสับ

3. มีดหั่นขนมปัง

มีดหั่นขนมปัง

มีดหั่นขนมปังเป็นมีดทำครัวที่เราอาจจะเคยเห็นกันมาผ่าน ๆ เวลาไปทานอาหารที่โรงแรม ซึ่งลักษณะพิเศษของมีดชนิดนี้คือมีใบมีดที่บางและคม ช่วยให้หั่นขนมปังเนื้อนุ่มได้อย่างเรียบ ไม่ติดและไม่ฉีกขนมปัง สามารถหั่นได้บาง หนา ตามใจชอบ ใครที่ชอบทำขนมปัง ต้องมีมีดนี้ติดครัว!

4. มีดปอก

มีดปอก

มันฝรั่ง แอปเปิล หรืออะไรก็ตามที่ต้องการปอกเปลือก จำเป็นต้องมีดปอกที่มีขนาดใบมีดเล็กกะทัดรัด จับถนัดมือ เพื่อใช้ปอกเปลือกได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ซึ่งความยาวใบมีดจะอยู่ที่ 2.5-4 นิ้ว ดังนั้น ครัวไหนที่ต้องเตรียมผักและผลไม้บ่อย ๆ ก็ควรจะมีมีดปอกไว้ติดครัวไว้ใช้งาน

5. มีดแล่เนื้อ

มีดแล่เนื้อ

มีดแล่เนื้อ หรือมีดสไลด์เป็นมีดทำครัวที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะสำหรับสายเนื้อ ที่ชอบแล่หรือสไลด์เนื้อสัตว์ให้บางเพื่อใช้ในการทำอาหาร ลักษณะมีดแล่เนื้อจะมีโครงสร้างเป็นมีดปลายแหลม ยาว เรียวบาง ออกแบบมาให้คมและบางเป็นพิเศษ เพื่อการแล่เนื้อได้ในแนวเดียวกันอย่างเรียบเนียน ไม่ฉีกขาด 

6. มีดเลาะกระดูก

มีดเลาะกระดูก

อีกหนึ่งประเภทมีดทำครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทำอาหารก็คือ มีดเลาะกระดูก เพราะการนำชิ้นเนื้อติดกระดูกมาเลาะออกจากกันก่อนปรุง จะช่วยให้เนื้อสัตว์สุกได้ง่าย เร็ว และทั่วถึงมากขึ้น มีดประเภทนี้จะมีรูปทรงคล้ายเคียวสั้น ใบมีดแข็งแรงทนทาน หนาพอที่จะสามารถเลาะเอ็นและกระดูกได้อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ต้องออกแรงมาก หรือจะนำเนื้อสัตว์ไปปรุงอาหารบนเตาแก๊สให้นุ่มก่อน แล้วจึงนำมีดเลาะกระดูกก็จะง่ายยิ่งขึ้น

7. มีดอเนกประสงค์

มีดอเนกประสงค์

สุดท้าย มีดทำครัวอเนกประสงค์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดก็เป็นอีกใบมีดหนึ่งที่ควรมีติดครัว มีดชนิดนี้คล้ายกับมีดปอก ใบมีดค่อนข้างสั้นและบาง ด้ามจับนิ่มสบายมือ เหมาะสำหรับใช้หั่นหรือเตรียมวัตถุดิบชิ้นเล็กๆ ที่ต้องการความละเอียดอย่างการหั่น บั้ง ซอย อีกทั้งยังสามารถใช้หั่นผลไม้ แกะสลักผัก ทำความสะอาดปลา หรือหั่นเนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ ได้อีกด้วย

สรุปบทความ

สำหรับมีดทำครัวที่แนะนำไป 7 ประเภทนั้น ก็ถือเป็นประเภทมีดที่ผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารไม่ควรพลาด หากมีมีดครบทุกประเภทติดไว้ในครัว จะช่วยให้ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ การหั่น สับ ปอก แล่นั้นสะดวก รวดเร็วขึ้น  ใครที่พึ่งหัดทำอาหาร หรือชอบทำอาหารเป็นประจำ ลองนำมีดเหล่านี้ไปเป็นตัวช่วย รับรองว่าจะทำให้การทำอาหารของคุณเป็นเรื่องง่าย และสนุกยิ่งขึ้นแน่นอน! หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนมีใจรักทำอาหารทุกคน และถ้าใครสนใจอุปกรณ์เครื่องครัว สามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ Tecnogas เรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมคุณภาพชั้นนำ พร้อมมอบประสบการณ์ทำครัวเหนือระดับสู่ครัวทุกบ้าน

รวม 8 เมนูปลากระป๋องน่าทำกินเองที่บ้าน

รวม 8 เมนูปลากระป๋องน่าทำกินเองที่บ้าน

ปลากระป๋องเป็นวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และสามารถเก็บไว้ได้นาน เหมาะสำหรับการทำอาหารกินเองที่บ้านได้ บทความนี้จะมาแนะนำ 8 เมนูปลากระป๋องน่าทำ ใครพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่ามีเมนูอะไรน่าสนใจบ้าง!

ข้อดีของเมนูปลากระป๋อง

ข้อดีของเมนูปลากระป๋อง

เมนูปลากระป๋องมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

  • ประหยัดเวลาในการเตรียมและปรุงอาหาร
  • ปลากระป๋องมีราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ
  • ปลากระป๋องเป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม โอเมก้า 3 และมีไขมันต่ำ
  • เก็บรักษาปลากระป๋องได้นาน ไม่เน่าเสียง่าย
  • ปรุงได้หลากหลายเมนูตามความชอบ
  • หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน

8 เมนูปลากระป๋องทำง่าย อร่อยได้ทุกเวลา

 เมนูปลากระป๋องทำง่าย อร่อยได้ทุกเวลา

เรามาดูกันดีกว่าว่า 8 เมนูปลากระป๋องที่จะแนะนำมีอะไรบ้าง แต่ละเมนูสามารถทำได้ไม่ยาก ใช้อุปกรณ์ทำครัวพื้นฐานอย่างเตาแก๊สหัวคู่ในการผัด ทอด ต้ม และใช้อ่างล้างจานสำหรับล้างทำความสะอาดหลังปรุงอาหารเสร็จ เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูปลากระป๋องที่หลากหลาย อร่อยถูกใจ และทำได้ทุกเวลาที่อยากทานแล้ว

1. ข้าวผัดปลากระป๋อง

ข้าวผัดปลากระป๋อง

เมนูปลากระป๋องเมนูแรกคือข้าวผัดปลากระป๋อง โดยนำปลากระป๋องมาผัดกับข้าวสวย เครื่องปรุงรส และผักชนิดต่าง ๆ เช่น หอมใหญ่ แครอท ถั่วงอก ไข่ไก่ เป็นต้น โดยใช้น้ำมันเล็กน้อยผัดในกระทะบนเตาแก๊ส ใส่เครื่องปรุงอย่างซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาวให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็ได้จานโปรดแล้ว!

2. ไข่เจียวปลากระป๋อง

ไข่เจียวปลากระป๋อง

ใครชอบทานไข่เจียว ก็ลองทำไข่เจียวใส่ปลากระป๋องดู ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก เพียงนำไข่ไก่มาตีให้เข้ากัน ใส่ปลากระป๋อง หอมใหญ่ซอย ต้นหอมซอย พริกไทยป่นลงไปผสม ตั้งกระทะใส่น้ำมันบนเตาแก๊ส พอน้ำมันร้อนก็เทไข่ที่ผสมแล้วลงไปทอด กลับด้านให้สุกทั่ว ตักขึ้นจัดใส่จาน ทานร้อน ๆ กับข้าวสวย ซอสพริก หรือน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน อิ่มอร่อยได้แบบไม่ต้องใช้เวลาทำนาน

3. ยำปลากระป๋อง

ยำปลากระป๋อง

สำหรับเมนูปลากระป๋องถัดมาที่อยากแนะนำคือเมนูยำปลากระป๋อง ด้วยการนำปลากระป๋องมาผสมกับน้ำยำ ได้แก่ พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ปรุงรสให้กลมกล่อมแล้วใส่ผักต่าง ๆ ตามชอบลงไป จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน เท่านี้ก็ได้ยำปลากระป๋องรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยวเค็มหวานกลมกล่อม อร่อยแล้ว

4. น้ำพริกปลากระป๋อง

 น้ำพริกปลากระป๋อง

น้ำพริกปลากระป๋องเป็นอีกหนึ่งเมนูปลากระป๋องที่อร่อยและทำได้ง่าย เพียงนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม มาคั่วในกระทะให้หอม แล้วโขลกรวมกับปลากระป๋อง กะปิย่าง น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ โขลกจนส่วนผสมเข้ากันดี ชิมรสชาติและปรุงเพิ่มตามใจชอบ เสร็จแล้วใส่ถ้วยจัดเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น ไข่ต้ม แตงกวา ถั่วฝักยาว ใบแมงลัก ผักสด จะจิ้มกับข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือข้าวสวยก็อร่อยถูกใจสายน้ำพริกแน่นอน

5. ลาบปลากระป๋อง

ลาบปลากระป๋อง

ลาบปลากระป๋องเป็นอีกหนึ่งเมนูจานโปรดของหลาย ๆ คน เริ่มที่นำปลากระป๋องมาผสมกับเครื่องปรุงอย่างข้าวคั่ว หอมแดง ต้นหอม พริกป่น รากผักชี น้ำปลา และน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยชิมรสชาติและปรุงให้ได้ความเปรี้ยว เค็ม หวานตามชอบ เสิร์ฟกับผักแกล้มอย่างแตงกวา กะหล่ำปลี หรือจะทานกับข้าวเหนียวก็ฟินสุด ๆ ไปเลย

6. ปลากระป๋องทอดกระเทียม

6. ปลากระป๋องทอดกระเทียม

เมนูปลากระป๋องต่อมาเป็นปลากระป๋องทอดกระเทียม อีกหนึ่งเมนูที่ทำง่าย อร่อย มีกลิ่นหอมของกระเทียมชวนหิว เริ่มจากนำกระเทียมสับมาเจียวในน้ำมันให้เหลืองหอม แล้วใส่ปลากระป๋องไปผัดจนเข้ากัน ปรุงรสนิดหน่อยด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำตาลตามชอบ ผัดพอให้ส่วนผสมคลุกเคล้ากันดี จากนั้นตักใส่จานทานกับข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟ

7. ฉู่ฉี่ปลากระป๋อง

ฉู่ฉี่ปลากระป๋อง

สายชอบอาหารรสจัดต้องห้ามพลาดเมนูฉู่ฉี่ปลากระป๋องเลย เพิ่มความเข้มข้นด้วยการทำเครื่องแกง ใช้พริกแห้งโขลกละเอียดและพริกขี้หนูสด ผสมลงไปในเครื่องปรุงน้ำฉู่ฉี่ที่มีกะทิข้น นำไปต้มกับปลากระป๋องให้เข้ากัน ชิมรสชาติจัดจ้าน รสเปรี้ยวเค็มตัดด้วยหวานเล็กน้อย ใครที่เบื่อเมนูปลากระป๋องธรรมดา ๆ ต้องลองเมนูนี้เลย!

8. ขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง

ขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง

ปิดท้ายเมนูปลากระป๋องด้วยขนมจีนน้ำยาปลากระป๋อง ที่จะนำเอาปลากระป๋องมาใช้แทนปลาบดในส่วนผสมของน้ำยา นอกนั้นก็ยังเป็นพริกแกงใต้โขลกผสมกับเครื่องแกง กะทิ น้ำปลา และปรุงรสให้ได้ที่ ต้มจนน้ำยาเดือดแล้วใส่ปลากระป๋องลงไปคนให้เข้ากัน ได้น้ำยาที่ข้นเหนียว หอม อร่อยแล้วก็นำมาราดบนขนมจีนเส้นสด ตักเคียงด้วยผักต่าง ๆ อย่างถั่วงอก ผักบุ้งต้มราดกะทิ ถูกใจสายกินเส้นแน่นอน

สรุปบทความ

8 เมนูปลากระป๋องที่แนะนำไปทั้งหมดนี้ เป็นเมนูที่ทำได้ง่ายแต่อร่อยถูกใจ เพียงมีปลากระป๋องเตรียมไว้ในครัว ก็สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายแล้ว รับรองว่าจะได้เมนูปลากระป๋องที่อิ่มอร่อยได้ทุกมื้อแน่นอน อย่ารอช้าไปหาซื้อปลากระป๋องมาเตรียมไว้ในตู้กับข้าวเลย!ส่วนใครที่สนใจการทำอาหารง่าย ๆ แต่ยังไม่มีเครื่องครัวที่ตอบโจทย์ สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ Tecnogas ได้ เรานำเข้าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมคุณภาพชั้นนำจากอิตาลี พร้อมมอบประสบการณ์ทำครัวเหนือระดับสู่ครัวทุกบ้าน ทำให้การทำอาหารของคุณสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310