คราบหินปูนในอ่างล้างจานเป็นปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดให้กับแม่บ้านหลายคน นอกจากจะทำให้อ่างล้างจานดูสกปรก ไม่น่าใช้งานแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย การขจัดคราบหินปูนที่เกาะติดแน่นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนพยายามขัดถูด้วยฟองน้ำแต่ก็ไม่สามารถกำจัดได้หมด บางคนใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งอาจทำให้พื้นผิวของอ่างล้างจานเสียหายได้ วันนี้เรามีวิธีขจัดคราบหินปูนที่ปลอดภัยและได้ผลจริงมาแนะนำ
คราบหินปูนเกิดจากอะไรกันแน่ ?
ก่อนที่เราจะรู้วิธีขจัดคราบหินปูนเราต้องเข้าใจที่มาของปัญหาก่อน โดยคราบหินปูนในอ่างล้างจานเกิดจากสองสาเหตุหลัก ได้แก่ การตกผลึกของแร่ธาตุในน้ำ และการสะสมของสารอินทรีย์ต่าง ๆ มาดูรายละเอียดกันว่าแต่ละสาเหตุเป็นอย่างไร
การตกผลึก
การตกผลึกของคราบหินปูนเกิดจากน้ำประปาที่มีแคลเซียมและแมกนีเซียมละลายอยู่ เมื่อน้ำระเหย แร่ธาตุเหล่านี้จะตกผลึกเกาะติดบนพื้นผิวของอ่างล้างจาน โดยเฉพาะในบริเวณที่น้ำขังอยู่เป็นประจำ เช่น รอบ ๆ ท่อระบายน้ำ หรือบริเวณที่น้ำกระเด็น นอกจากนี้ อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังเร่งการตกผลึกให้เร็วขึ้น ทำให้เกิดคราบขาว ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน และเมื่อปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ คราบเหล่านี้จะแข็งตัวและขัดออกยากขึ้นเรื่อย ๆ
สารอินทรีย์
นอกจากแร่ธาตุในน้ำแล้วคราบหินปูนยังเกิดจากการสะสมของสารอินทรีย์จากเศษอาหาร ไขมัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดมากับจานชาม เมื่อสารเหล่านี้ผสมกับแคลเซียมในน้ำ จะเกิดเป็นสารประกอบที่เกาะติดแน่นบนพื้นผิว ยิ่งเราใช้น้ำยาล้างจานที่มีฤทธิ์เป็นด่างมาก ก็จะยิ่งเร่งการเกิดคราบหินปูนให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือการระบายอากาศไม่ดี
วิธีกำจัดคราบหินปูนอ่างล้างจาน
เรามีวิธีขจัดคราบหินปูนที่ปลอดภัยและใช้วัสดุที่หาได้ง่ายจากในครัว ซึ่งนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง
จุลินทรีย์
การใช้จุลินทรีย์ชีวภาพเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยย่อยสลายคราบหินปูนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุลินทรีย์จะทำงานโดยการผลิตกรดอ่อน ๆ ที่ช่วยละลายแคลเซียมคาร์บอเนตในคราบหินปูน วิธีนี้ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล แต่ข้อดีคือไม่ทำลายพื้นผิวของอ่างล้างจานและปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยเราสามารถหาซื้อน้ำจุลินทรีย์ได้ตามร้านเกษตร หรือทำเองจากเศษผักผลไม้หมัก
มะนาว
มะนาวเป็นตัวช่วยธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบหินปูน ด้วยความเป็นกรดซิตริกที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ จึงสามารถละลายคราบหินปูนได้ดี วิธีใช้คือนำมะนาวผ่าครึ่งถูบริเวณที่มีคราบ หรือคั้นน้ำมะนาวผสมกับน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1:1 แล้วนำไปพ่นบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ 15-20 นาที จากนั้นใช้แปรงขัดเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบหินปูน ด้วยคุณสมบัติความเป็นกรดอ่อนๆ จึงช่วยละลายคราบได้ดี วิธีใช้คือผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นในอัตราส่วนเท่ากัน ฉีดพ่นบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วใช้ฟองน้ำหรือแปรงขัดเบาๆ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ประหยัดและปลอดภัยกว่าการใช้น้ำยาเคมี
เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดาเป็นสารทำความสะอาดอเนกประสงค์ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ สามารถช่วยขจัดคราบหินปูนได้ดี วิธีใช้คือโรยเบกกิ้งโซดาบนบริเวณที่มีคราบ พ่นน้ำให้ชุ่มเล็กน้อย ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วใช้แปรงขัดเบาๆ หรือจะผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำให้เป็นเพสต์ก่อนทาลงบนคราบก็ได้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ยาสีฟัน
ยาสีฟันมีคุณสมบัติในการขจัดคราบและทำความสะอาดได้ดี โดยเฉพาะสูตรที่มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดา วิธีใช้คือบีบยาสีฟันลงบนฟองน้ำหรือแปรงขัด ถูบริเวณที่มีคราบเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารขัดถูที่รุนแรงเพราะอาจทำให้พื้นผิวเป็นรอยได้
เปลือกส้ม
เปลือกส้มมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยละลายคราบมันและคราบหินปูนได้ดี อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมสดชื่น วิธีใช้คือนำเปลือกส้มมาถูบริเวณที่มีคราบโดยตรง หรือนำเปลือกส้มมาแช่ในน้ำร้อนทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วนำน้ำที่ได้มาฉีดพ่นบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้แปรงขัดเบา ๆ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
น้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิวช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกได้ดี วิธีใช้คือผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1:4 นำไปพ่นบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วใช้ฟองน้ำหรือแปรงขัดเบาๆ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อลดการระคายเคืองและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สรุปบทความ
การกำจัดคราบหินปูนในอ่างล้างจานไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับความหนาของคราบและชนิดของพื้นผิว สำหรับการป้องกันการเกิดคราบหินปูน แนะนำให้ใช้เครื่องล้างจานที่มีระบบกรองน้ำในตัว หรือติดตั้งซิ้งค์ล้างจานที่มีคุณภาพดี มีระบบระบายน้ำที่ดี และหมั่นเช็ดทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง วิธีธรรมชาติที่แนะนำไปทั้งหมดนี้ล้วนปลอดภัย ประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วิธีที่สะดวกและเหมาะกับคุณที่สุด