กำจัดคราบสนิมให้อยู่หมัดด้วยทริคง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

กำจัดคราบสนิมให้อยู่หมัดด้วยทริคง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้
คราบสนิมบนเครื่องครัว เป็นหนึ่งปัญหาที่เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านต้องเจอ เพราะเครื่องครัวบางชนิดทำมาจากโลหะหรือสแตนเลส และถูกจัดวางในห้องครัวที่มีความชื้นจึงเสี่ยงต่อการเกิดสนิมสูง แต่ปัญหาคราบสนิมเหล่านี้แก้ได้ไม่ยาก โดยในบทความนี้เราได้นำความรู้เรื่องคราบสนิม พร้อมแนะนำทริคดี ๆ ในการกำจัดคราบสนิม  รู้เอาไว้ได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

คราบสนิมเกิดจากอะไร

คราบสนิม เกิดจากปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีของเหล็กเมื่อสัมผัสกับน้ำและความชื้นในอากาศ ทำให้เกิดสนิมเหล็ก ซึ่งความเสียหายที่เกิดจากสนิม คือ เหล็กเกิดอาการผุกร่อน ความแข็งแรงลดลง เกิดเป็นคราบแดงที่อาจเริ่มจากบริเวณหนึ่งก่อน แล้วค่อย ๆ ลุกลามไปจนทั่วอย่างรวดเร็ว ซึ่งสนิมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพแวดล้อม แต่สภาพแวดล้อมที่เร่งเร้าให้เกิดปฏิกิริยาคือสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นกรดสูง

วิธีดูแลรักษาเครื่องครัวไม่ให้เกิดคราบสนิม 

ห้องครัวเป็นพื้นที่ที่มีความชื้น และมีบริเวณที่โดนน้ำบ่อย ๆ ทั้งจากการทำอาหารหรือการทำความสะอาด จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดสนิมได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเครื่องครัวที่มีโลหะหรือเหล็กเป็นส่วนประกอบ เราจึงขอแนะนำวิธีดูแลรักษาเครื่องครัวไม่ให้เกิดคราบสนิท ดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของคลอรีน หรือกรดไฮโดรคลอริก
  • ทำความสะอาดเครื่องครัวให้เรียบร้อยหลังการใช้งาน เช็ดให้แห้งสนิทเพื่อกำจัดน้ำและความชื้น

วิธีกำจัดคราบสนิมบนเครื่องครัว 

1. เกลือและมะนาว

1. เกลือและมะนาว เชื่อว่าเกลือและมะนาวเป็นวัตถุดิบที่มีติดครัวทุกบ้าน นอกจากจะใช้ปรุงรสอาหารแล้วยังสามารถนำมากำจัดคราบสนิมได้ โดยโรยเกลือลงบนบริเวณที่เป็นคราบสนิม จากนั้นบีบมะนาวซ้ำลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาขัดคราบสนิมบริเวณนั้นออก จากนั้นล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้ง

2. น้ำส้มสายชู

2. น้ำส้มสายชู โดยทั่วไปสามารถแช่ของใช้ชิ้นเล็กในน้ำส้มสายชูได้เลย แต่หากเครื่องครัวมีขนาดใหญ่ ให้ใช้วิธีนำผ้าชุบน้ำส้มสายชูไปเช็ดทำความสะอาด และใช้กระดาษฟอยล์มาช่วยขัดบริเวณนั้นซ้ำ จะทำให้คราบสนิมหลุดง่ายขึ้น หรือนำน้ำส้มสายชูใส่ขวดสเปรย์ นำไปพ่นบริเวณที่เป็นสนิม และปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำยาล้างจาน ตามด้วยน้ำเปล่า และเช็ดให้แห้ง

3. หัวหอมใหญ่กับกระดาษทราย

 3. หัวหอมใหญ่กับกระดาษทราย วิธีนี้สามารถทำได้ง่าย  ๆ เพียงนำกระดาษทรายมาขัดคราบสนิมออกก่อน จากนั้นผ่าหัวหอมใหญ่ครึ่งซีก นำมาทาให้ทั่วบริเวณที่เป็นคราบสนิม จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำร้อน เพียงเท่านี้คราบสนิมก็จะหายไป

4. เบกกิ้งโซดา

4. เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาหรือผงมหัศจรรย์ที่ใช้ประโยชน์ได้ครอบจักรวาล สามารถนำมาใช้กำจัดคราบสนิมให้เกลี้ยงได้ โดยผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าจนเป็นเนื้อข้น จากนั้นป้ายลงบนคราบสนิม ทิ้งไว้สักพักจนสนิมเริ่มคลายตัว ให้นำแปรงสีฟันมาขัดสนิมออก หรือจะใช้วิธีโรยผงเบกกิ้งโซดาบริเวณคราบสนิมได้เลย ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงใช้แปรงสีฟันมาขัดให้สนิมหลุดหายไป

เลือกใช้เครื่องครัวอย่างไรไม่ให้เกิดคราบสนิม

เครื่องครัวมีโอกาสเกิดสนิมได้ โดยเฉพาะเครื่องครัวที่เป็นสเตนเลส แต่จะเกิดคราบสนิมช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ใช้เป็นหลัก อย่างไรก็ตามการเลือกใช้เครื่องครัวก็สำคัญ ผู้ใช้ควรเลือกเครื่องครัวที่ผลิตจากสเตนเลสคุณภาพดี เช่น สเตนเลสสตีล ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อน ทนต่อความร้อน เป็นสนิมได้ยาก และหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะสเตนเลสบรรจุกรดเข้มข้นทุกชนิด เช่น น้ำส้มสายชู สารส้ม น้ำมะนาว หรือกะปิ เลือกใช้เครื่องครัวอย่างไรไม่ให้เกิดคราบสนิม เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เรื่องคราบสนิมที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเครื่องครัวเป็นอุปกรณ์ที่มีโอกาสเกิดสนิมสูงมาก ผู้ใช้จึงควรดูแลรักษาให้ดีอยู่เสมอ แต่ถ้าเครื่องครัวของคุณถูกคราบสนิมเล่นงานแล้ว ลองทำตามทริคการกำจัดคราบที่เราได้แนะนำ ซึ่งทำตามได้ง่าย ๆ สามารถหาของได้ในห้องครัวของเราเอง รับรองว่าหลังจากนี้จะไม่มีคราบสนิมมากวนใจอีกต่อไป และหากกำลังมองหาเครื่องครัวคุณภาพดี Tecnogas มีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสเตนเลสที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้ไปนาน ๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวเป็นสนิม

วิธีทำป๊อปคอร์นง่าย ๆ ด้วยกระทะใบเดียว

วิธีทำป๊อปคอร์นง่าย ๆ ด้วยกระทะใบเดียว
ป๊อปคอร์น เป็นของทานเล่นยอดฮิตเวลาดูหนัง แต่ถ้าเกิดอยากทานขึ้นมาสักทีก็ต้องออกไปซื้อถึงโรงหนังเลย หรือจะทานแบบสำเร็จรูปก็คงไม่อร่อยเหมือนป๊อปคอร์นที่คั่วร้อน ๆ สด ๆ ใหม่ ๆ งั้นลองมาทำกินเองที่บ้านกันดีไหม เพราะวันนี้ Tecnogas ได้มัดรวมสูตรวิธีทำป๊อปคอร์นง่าย ๆ วัตถุดิบไม่มาก อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้เพียงเตาแก๊สกับกระทะใบเดียวก็สามารถทำกินเองได้!  

รวมสูตรวิธีทำป๊อปคอร์นง่าย ๆ

1. สูตรป๊อปคอร์นรสเค็ม

1. สูตรป๊อปคอร์นรสเค็ม

วัตถุดิบป๊อปคอร์นรสเค็ม

  • เมล็ดข้าวโพดแห้งสำหรับคั่ว 50 กรัม
  • เนยเทียม 50 กรัม
  • เกลือป่น ¼ ช้อนชา
  • น้ำมันถั่วเหลือง 50 กรัม

วิธีทำป๊อปคอร์นรสเค็ม

  1. ตั้งกระทะใส่เมล็ดข้าวโพดแห้ง และน้ำมันลงไป โดยไม่ต้องใส่ให้ท่วมเมล็ดข้าวโพด คลุกเคล้าน้ำมันพืชกับเมล็ดข้าวโพดให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนยเทียมลงไปเล็กน้อยเพื่อให้มีกลิ่นหอม
  2. เปิดแก๊สใช้ไฟกลาง คนให้เนยละลาย
  3. เมื่อเมล็ดข้าวโพดเริ่มแตกให้รีบปิดฝา สลับกับเขย่า เพื่อไม่ให้ป๊อปคอร์นไหม้
  4. เมื่อป๊อปคอร์นเริ่มหยุดแตกตัว ให้ยกขึ้นพักไว้ โรยเกลือป่นเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ

2. สูตรป๊อปคอร์นรสหวาน

2. สูตรป๊อปคอร์นรสหวาน

วัตถุดิบป๊อปคอร์นรสหวาน

  • เมล็ดข้าวโพดแห้งสำหรับคั่ว 50 กรัม
  • เนยเทียม 50 กรัม
  • น้ำมันถั่วเหลือง 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม

วิธีทำป๊อปคอร์นรสหวาน

  1. ตั้งกระทะแล้วเทส่วนผสมทุกอย่างลงในกระทะ
  2. เปิดแก๊สใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน จากนั้นคนไปเรื่อย ๆ จนเนยและน้ำตาลละลาย คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
  3. เมื่อเมล็ดข้าวโพดเริ่มแตกให้รีบปิดฝา ระหว่างนี้ให้เขย่ากระทะเพื่อให้ข้าวโพดโดนความร้อนทั่วกันอย่างสม่ำเสมอ
  4. เมื่อป๊อปคอร์นหยุดแตกตัว ให้ยกขึ้นพักไว้เป็นอันเสร็จ

3. สูตรป๊อปคอร์นรสชีส

3. สูตรป๊อปคอร์นรสชีส

วัตถุดิบป๊อปคอร์นรสชีส

  • เมล็ดข้าวโพดแห้งสำหรับคั่ว 50 กรัม
  • น้ำมันถั่วเหลือง 50 กรัม
  • ผงชีสสำเร็จรูปตามชอบ

วิธีทำป๊อปคอร์นรสชีส

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันโดยใช้ไฟกลาง พอกระทะเริ่มร้อน ให้เทเมล็ดข้าวโพดลงในกระทะและคนส่วนผสมให้เข้ากัน 
  2. เมื่อเริ่มมีเสียงเมล็ดข้าวโพดแตกให้ลดเป็นไฟอ่อน และปิดฝา
  3. เขย่ากระทะเป็นพัก ๆ จนเสียงข้าวโพดแตกหยุด ปิดไฟ เทใส่ภาชนะ พักไว้ให้เย็น
  4. ใส่ผงชีสสำเร็จรูปลงในป๊อปคอร์นที่พักไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ
 

เคล็ด (ไม่) ลับวิธีทำป๊อปคอร์นให้อร่อย 

เคล็ด (ไม่) ลับวิธีทำป๊อปคอร์นให้อร่อย  
  • เมล็ดป๊อปคอร์นมี 2 ทรง คือ 
    • ทรงมัชรูม จะมีลักษณะกลมเหมือนเห็ดตามชื่อ รูปทรงน่ารับประทานนิยมนำมาทำขนมขบเคี้ยว 
    • ทรงผีเสื้อ จะมีรูปทรงที่คาดเดาไม่ได้ เพราะแตกออกมาในทิศทางที่แตกต่างกัน สามารถพบเห็นทรงผีเสื้อได้ทั่วไปตามหน้าโรงหนัง 
หากทำกินเองสามารถเลือกได้ตามความชอบของแต่ละคนได้เลย
  • การใช้เนยเทียมทำป๊อปคอร์นนอกจากจะประหยัดต้นทุนแล้ว ยังทำให้เมล็ดข้าวโพดไม่ไหม้และมีสีสวย
  • ป๊อปคอร์นเป็นของทานเล่นที่แคลอรีสูงไม่น้อย เพราะปรุงด้วยเนยและน้ำมัน แต่ถ้าทำทานเอง แนะนำให้ควบคุมประมาณเนยและน้ำมัน จะช่วยลดปริมาณแคลอรีได้
วัตถุดิบพร้อม เตาแก๊สพร้อม กระทะพร้อม! อย่าลืมนำสูตรที่เรานำมาฝากไปลองทำกันดู รับรองว่าอร่อยจนไม่ต้องง้อโรงหนัง จะทำทานเองก็ได้ หรือจะทำขายก็ปัง แถมยังสามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ รู้แบบนี้แล้วมาทำป๊อปคอร์นทานเองด้วยกระทะกันเลยดีกว่า

อุปกรณ์ของใช้ในครัวที่ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย

อุปกรณ์ของใช้ในครัวที่ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย

หลายคนไม่ชอบทำอาหารเพราะคิดว่าการทำอาหารเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความละเอียดและความพิถีพิถันทุก ๆ ขั้นตอน วันนี้เราจึงรวบรวมอุปกรณ์ของใช้ในห้องครัวที่จะทำให้การทำอาหารของคุณเป็นเรื่องง่าย พร้อมแนะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Tecnogas เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องครัวชุดใหม่ที่ดีและมีคุณภาพ

รวมอุปกรณ์ของใช้ในครัวที่ช่วยยกระดับการทำอาหารให้ง่ายขึ้น

  • 1. เตาไฟฟ้า 

เตาไฟฟ้า อุปกรณ์ยอดฮิตในหมู่คนเมือง มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย เช่น อุ่น ทอด ต้ม ตุ๋น ใช้งานง่าย ๆ ด้วยระบบสัมผัส ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำอาหาร อีกทั้งยังเพิ่มความสวยงามและทันสมัยให้กับห้องครัวของคุณ ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ชอบทำอาหาร

เตาเซรามิคไฟฟ้า 2 หัวเตา แบบฝังเฟอร์นิเจอร์ Tecnoplus รุ่น TNP VT 302 DG

  • 2. เตาอบ

สำหรับใครที่ชื่นชอบการทำอาหารหรือขนม ไม่ว่าจะทำเป็นงานอดิเรกหรือทำเพื่อค้าขาย การมีเตาอบไว้ติดบ้านจะทำให้การทำอาหารของคุณง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันมีเตาอบหลายรุ่นที่ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันการใช้งานที่จะทำให้คุณสามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย สามารถทำได้ทั้งอาหารและเบเกอรี สำหรับมือใหม่หัดอบที่อยากมีเตาอบตัวแรกในชีวิต เราขอแนะนำ

เตาอบแบบตั้งโต๊ะ อบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า Tecnoplus รุ่น TNP SO 863 B ความจุ 63 ลิตร

  • 3. เครื่องดูดควัน

แน่นอนว่าทุกครั้งที่ทำอาหาร สิ่งที่ตามมาคือควันและกลิ่นอาหารที่ทำลายบรรยากาศจนน่าหงุดหงิดใจ เครื่องดูดควัน จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญไม่แพ้ของใช้ในครัวชนิดอื่น ๆ เพราะเครื่องดูดควันจะช่วยกำจัดมลภาวะที่เกิดจากการทำอาหาร เช่น ควัน ไอน้ำ คราบน้ำมัน รวมทั้งกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับคุณภาพอากาศภายในพื้นที่ครัวของคุณให้ดีขึ้น แต่การจะมีเครื่องดูดควันไว้ติดบ้าน เรื่องสัดส่วนการจัดวางตัวเครื่องคงเป็นเรื่องน่ากังวลของหลายคน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในปัจจุบันที่มีพื้นที่จำกัด เราขอแนะนำ

เครื่องดูดควันแบบติดผนัง Tecnostar รุ่น TNS HD 1690 H-CC ขนาด 90 ซม

  • เครื่องดูดควันแบบติดผนัง Tecnostar รุ่น TNS HD 1690 H-CC ขนาด 90 ซม. สามารถติดตั้งได้กับทุกสภาพและพื้นที่ห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นครัวขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นและควันดี ภายในเครื่องมีตะแกรงดักจับไอน้ำมันแบบ Baffle filter ที่ดักไอน้ำมันได้ดี และไม่กระทบกำลังดูด
  • 4. เครื่องล้างจาน

เครื่องล้างจาน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ เพราะเป็นเครื่องใช้ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการล้างจานโดยเฉพาะ การมีเครื่องล้างจัดติดบ้านสักเครื่อง เชื่อเถอะว่าจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพียงแค่กดปุ่มให้เริ่มทำงาน ตัวเครื่องก็จะทำการล้างจานอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องลงแรงให้เหน็ดเหนื่อย แต่หลายคนอาจคิดว่าเครื่องล้างจานเหมาะสำหรับการล้างจานปริมาณมาก ๆ เพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีเครื่องล้างจานขนาดเล็กที่สามารถรองรับความจุชุดอาหารในปริมาณไม่มาก เหมาะสำหรับใช้งานในครัวเรือนทั่วไป คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเมนต์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง

เครื่องล้างจาน Tecnoplus รุ่น TNP DW 5566 W ขนาด 40 ซม

  • เครื่องล้างจาน Tecnoplus รุ่น TNP DW 5566 W ขนาด 40 ซม. เครื่องล้างจานแบบตั้งพื้นขนาดเล็ก เหมาะกับที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด สามารถรองรับการล้างจาน 6 ชุดมาตรฐาน และใช้น้ำสูงสุดเพียง 10 ลิตรต่อรอบการล้างเท่านั้น ประหยัดน้ำกว่าการล้างด้วยมือ และที่สำคัญยังมาพร้อมโปรแกรมการทำงานอัตโนมัติถึง 5 โปรแกรม ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ

 

  • 5. เตาแก๊สอินฟาเรด

เตาแก๊สอินฟาเรด เป็นประเภทเตาแก๊สที่นิยมในผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ข้อดีของเตาแก๊สอินฟาเรด คือ ไม่มีเปลวไฟที่ทำให้เกิดเขม่าดำ สามารถใช้งานได้กับหม้อหรือกระทะทุกรูปแบบที่ก้นแบน เหมาะกับการอุ่น นึ่ง ต้ม ตุ๋น และสามารถทำอาหารปิ้ง ย่างได้เป็นอย่างดี ไม่มีกลิ่นแก๊สติด ที่สำคัญเตาแก๊สอินฟาเรด ประหยัดแก๊สกว่าเตาแก๊สธรรมดา จัดว่าเป็นของใช้ในครัวที่คุ้มค่าคุ้มราคาเลยทีเดียว อ่ามมาถึงตรงนี้ใครที่เริ่มสนใจเตาแก๊สอินฟาเรดขึ้นมา เราขอแนะนำ

เตาแก๊สอินฟาเรด 2 หัวเตา แบบตั้งโต๊ะ Tecnostar รุ่น TNS IG 271 B ขนาด 72 ซม

ใครอยากผันตัวมาเป็นพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่ ลองมองหาของใช้ในครัวที่เราแนะนำไปข้างต้น รับรองว่าการทำอาหารจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มีการรับรองมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมประสบการณ์การทำอาหารของคุณให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

แจก 9 สูตรเมนูอาหาร ง่าย ๆ ประหยัดเวลา อร่อยชัวร์!

แจก 9 สูตรเมนูอาหาร ง่าย ๆ ประหยัดเวลา อร่อยชัวร์!
เคยเป็นไหม อยากเข้าครัวทำอาหารทานเอง แต่ก็มีเวลาน้อยซะเหลือเกิน สุดท้ายต้องตัดสินใจซื้อมาทาน แต่หลังจากนี้ไม่ต้องกังวล เพราะเราได้รวบรวม 9  สูตร เมนูอาหาร ง่าย ๆ ประหยัดเวลา ใช้เวลาปรุงไม่นานก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยได้ทั้งทุกมื้อ!  

9 เมนูอาหารง่ายๆ ประหยัดเวลา

1. กะเพราหมูสับเต้าหู้ไข่

1. กะเพราหมูสับเต้าหู้ไข่

วัตถุดิบกะเพราหมูสับเต้าหู้ไข่

  • เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
  • แป้งทอดกรอบ  2-3 ช้อนโต๊ะ
  • หมูสับ 150 กรัม
  • พริกแดงจินดา 7 เม็ด 
  • กระเทียมไทยกลีบเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ซอสปรุงรสฝาเขียว ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซอสหอยนางรม 1 + ¼ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย ⅓ ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบกะเพรา 3 กิ่ง

วิธีทำกะเพราหมูสับเต้าหู้ไข่

  1. นำเต้าหู้ไข่มาหั่นเป็นแว่น คลุกแป้งทอดกรอบ แล้วทอดให้มีสีสวยงาม
  2. โขลกพริกแดงจินดา และกระเทียมให้ละเอียด
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณ ผัดพริกและกระเทียมให้มีกลิ่นหอม
  4. ใส่หมูสับลงไปผัดเข้ากับพริกและกระเทียม โดยผัดให้หมูไม่เกาะกันเป็นก้อน 
  5. พอหมูสุกในระดับนึง ให้ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย ซอสปรุงรสฝาเขียว และซีอิ๊วดำหวาน น้ำตาล เล็กน้อย จากนั้นเร่งไฟผัดให้เข้ากัน 
  6. ปรุงให้ได้รสชาติตามชอบ แล้วใส่ใบกะเพราลงไปผัดให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ

2. ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

2. ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

วัตถุดิบหมักไก่

  • อกไก่หั่นชิ้น 500 กรัม
  • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย ½ ช้อนชา

วัตถุดิบก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

  • ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 100 กรัม
  • ไก่หมัก 50 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ต้นหอม 5 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย 1/2 ช้อนชา
  • ผักกาดหอม 1-2 ใบ

วิธีทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

  1. หมักไก่กับส่วนผสมทั้งหมด คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 45 นาที
  2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ให้นำอกไก่ลงไปผัดให้พอสุก
  3. ใส่เส้นใหญ่ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย 
  4. หลังจากเส้นใหญ่กรอบทั่วกันให้ใส่ไข่ไก่ตามลงไป ยีให้ไข่กระจายทั่วเส้น
  5. พอไข่สุกให้ตักเสิร์ฟใส่จานคู่กับผักกาดหอม โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย

3. กะเพราเบค่อนและไข่ดาว

3. กะเพราเบค่อนและไข่ดาว

วัตถุดิบกะเพราเบค่อนและไข่ดาว

  • เบคอน 300 กรัม
  • พริกแดงจินดา 7 เม็ด 
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมไทยกลีบเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบกะเพรา 3 กิ่ง
  • ไข่ 1 ฟอง

วิธีทำกะเพราเบค่อนและไข่ดาว

  1. ทอดเบคอนในกระทะโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน เพราะเบค่อนมีน้ำมันอยู่แล้ว
  2. ใส่พริกและกระเทียมสับลงไปผัดต่อให้หอม
  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทรายให้รสชาติกลมกล่อม
  4. ใส่ใบกะเพราลงไปผัดให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟพร้อมไข่ดาว

4. กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

4. กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

วัตถุดิบกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา

  • กะหล่ำปลี 1 หัว
  • กระเทียมไทยบุบ 4 หัว
  • น้ำปลาแท้ 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา 

  1. แกะกะหล่ำปลีออกเป็นใบ ๆ จากนั้นล้างน้ำสะอาดแล้วเตรียมไว้
  2. ตั้งกระทะโดยใช้ไฟแรง ใส่น้ำมันเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมบุบลงไปผัด
  3. ใส่กะหล่ำปลีที่เตรียมไว้ลงไปได้เลย ยังไม่ต้องผัด ให้ทิ้งไว้ 10 วินาที
  4. ค่อย ๆ คลุกเคล้าใบกะหล่ำให้โดนน้ำมันทั่ว ๆ กัน
  5. ผัดกะหล่ำปลีให้มาอยู่ตรงกลางกระทะ จากนั้นเหยาะน้ำปลาที่ขอบกระทะให้รอบ ๆ โดยอย่าให้กะหล่ำปลีโดนน้ำปลา แล้วทิ้งไว้จนน้ำปลาเริ่มส่งกลิ่นหอม
  6. คลุกเคล้ากะหล่ำปลีกับน้ำปลาตามขอบกระทะให้ทั่ว ผัดไปเรื่อย ๆ จนกลิ่นหอมมาก ๆ เป็นอันเสร็จ

5. ข้าวผัดต้มยำ

5. ข้าวผัดต้มยำ

วัตถุดิบข้าวผัดต้มยำ

  • ข้าวสวยแช่เย็นหรือข้าวหุงสุกพักให้เย็น 2 ถ้วย
  • น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย  ½  ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
  • ข่าหั่นแว่น 6 ชิ้น
  • ตะไคร้ซอย 3 ต้น
  • พริกขี้หนูสวนซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำข้าวผัดต้มยำ

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟกลาง ๆ รอจนน้ำมันร้อนแล้วจึงใส่กระเทียมและพริกขี้หนูสวนผัดให้หอม
  2. ใส่เครื่องต้มยำ ได้แก่ ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่าตามลงไป แล้วผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม
  3. ใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และน้ำปลา
  4.  คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ จากนั้นปิดเตา เป็นอันเสร็จ

6. กุ้งทอดกระเทียม

6. กุ้งทอดกระเทียม

วัตถุดิบกุ้งทอดกระเทียม

  • กุ้งขาว 12 ตัว
  • กระเทียมไทยสับ 1 ถ้วย
  • แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา

วิธีทำกุ้งทอดกระเทียม

  1. นำกระเทียมสับคลุกกับพริกไทยและแป้งทอดกรอบโดยไม่ต้องผสมน้ำ 
  2. ทำความสะอาดกุ้งโดยแกะเปลือกผ่าหลังเอาไส้ออก
  3. นำกุ้งมาคลุกกับซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย พริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำกุ้งมาคลุกกับแป้งทอดกรอบเล็กน้อย
  4. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันเดือดให้นำกระเทียมลงไปทอดให้กรอบ ตักขึ้นพักไว้
  5. นำกุ้งลงไปทอดจนสุกแล้วนำขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน
  6. นำกุ้งมาจัดจาน โรยด้วยกระเทียมที่ทอดไว้แล้ว พร้อมเสิร์ฟ

7. คะน้าหมูกรอบ

7. คะน้าหมูกรอบ

วัตถุดิบคะน้าหมูกรอบ

  • หมูกรอบ 90 กรัม
  • พริกแดงจินดา 30 กรัม
  • กระเทียม 15 กรัม
  • คะน้า 300 กรัม
  • น้ำสะอาด 60 มิลลิลิตร
  • ผงปรุงรส 3 กรัม
  • ซอสหอยนางรม 5 กรัม
  • น้ำตาลทราย 5 กรัม

วิธีทำคะน้าหมูกรอบ

  1. เตรียมคะน้า โดยล้างทำความสะอาด ตัดก้านและใบส่วนที่แข็งออกเพื่อให้ทานง่าย หั่นส่วนใบและก้านออกเป็นชิ้นพอดีคำ
  2. โขลกกระเทียมและพริกแดงจินดา
  3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน แล้วใส่กระเทียมและพริกที่โขลกไว้ลงไปผัด
  4. ใส่หมูกรอบและคะน้า เติมน้ำสะอาด ผัดให้พอเข้ากัน
  5. ปรุงรสด้วยผงปรุงรส ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี แล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย

8. ข้าวไข่ข้น

8. ข้าวไข่ข้น

วัตถุดิบข้าวไข่ข้น

  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ซีอิ๊วขาว ½  ช้อนชา
  • นมสดพร่องมันเนย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวสวย

วิธีทำข้าวไข่ข้น

  1. ตอกไข่ใส่ชาม ตามด้วยนมสดพร่องมันเนย และปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
  2. ใส่น้ำมันลงบนกระทะ ตั้งไฟให้กลาง จากนั้นเทไข่ที่เตรียมไว้ลงไป
  3. ใช้ตะหลิวค่อย ๆ ตะล่อมไข่เข้าไปตรงกลาง เพื่อให้เนื้อไข่ที่ยังไม่สุกไหลออกมา โดยไม่ต้องพลิกกลับด้าน
  4. ระวังอย่าให้ไข่สุกมากจนเกินไป เพราะจะกลายเป็นไข่เจียวแทน
  5. เมื่อได้ความสุกที่พอดีให้ปิดเตา นำไข่ข้นเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

9. ปีกไก่อบ

9. ปีกไก่อบ

วัตถุดิบปีกไก่อบ

  • ปีกไก่ 4 ชิ้น
  • งาขาว 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา      
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

วิธีทำปีกไก่อบ

  1. หมักไก่ด้วยส่วนผสมทั้งหมด คลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมักทิ้งไว้ 15 นาที
  2. นำปีกไก่วางบนถาด แล้วนำเข้าเตาอบ
  3. อบด้วยเตาอบที่อุณหภูมิ 200 °C เป็นเวลา 15 นาทีจนไก่สุกและมีสีสันน่าทานพร้อมจัดเสิร์ฟ
  ปัญหาไม่มีเวลาทำอาหารจะหมดไปด้วย 9 เมนูอาหารง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ทั้งน่ากินและทำไม่ยากอย่างที่คิด จะเป็นมือใหม่หรือมือโปรก็สามารถทำตามได้ ให้คุณสามารถรังสรรค์เมนูอร่อยได้ทุกมื้อ

แจก 4 สูตรเมนูอาหารอินเดียรสเด็ด

แจก 4 สูตรเมนูอาหารอินเดียรสเด็ด
อาหารอินเดียเป็นเมนูโปรดของใครบ้าง ? วันนี้เราขอเอาใจคนรักอาหารอินเดีย กับ 4 สูตรเมนูอาหารอินเดียรสเด็ด ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน มือใหม่ก็ทำได้ อร่อยไม่แพ้ต้นตำรับ!

รวม 4 สูตรเมนูอาหารอินเดียรสเด็ด

1. แป้งนาน

1. แป้งนาน

วัตถุดิบแป้งนาน

  • แป้งขนมปัง 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • ยีสต์สำเร็จรูป 2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า ½ ถ้วย
  • เนยละลาย หรือ กี (Ghee) ½ ถ้วย
  • เกลือ ¼ ช้อนชา

วิธีทำแป้งนาน 

  1. ผสมแป้งขนมปัง น้ำตาลทราย  ยีสต์ น้ำเปล่า เนยละลาย และเกลือเข้าด้วยกัน นวดพอเข้ากันดีจนแป้งไม่ติดมือ
  2. คลุมด้วยพลาสติกแรป ไม่ให้อากาศเข้า แล้วนำไปวางพักประมาณ 1-2 ชั่วโมง จนแป้งพองตัวเป็น 2 เท่า
  3. นำแป้งมาตบไล่อากาศ นวดจนกลิ่นยีสต์ออกหมด แบ่งออกเป็น 6 ชิ้น ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วนำไปคลึงบนโต๊ะด้วยไม้นวดแป้งที่โรยแป้งให้แผ่ออกเป็นแผ่น
  4. นำไปย่างบนกระทะใช้ความร้อนปานกลาง เมื่อแป้งพองตัวเหมือนมีฟองอากาศในตัวแป้งรอประมาณ 1-2 นาทีค่อยกลับแป้งทอดต่อไปอีก 1-2 นาทีเอาขึ้น พร้อมเสิร์ฟ
 

2. แกงกุรุหม่า

2. แกงกุรุหม่า

วัตถุดิบแกงกุรุหม่า

  • เนื้อไก่ 1 กิโลกรัม
  • นมสดรสจืด 2 ถ้วยตวง
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยตวง
  • มันฝรั่งหั่นเต๋าใหญ่ 2-3 หัว
  • เนย 5 ช้อนโต๊ะ
  • ผงเครื่องแกงกุรุหม่า 3 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าใหญ่ 3 หัว
  • หอมแดงซอย ¼ ถ้วยตวง
  • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบกระวาน 4-5 ใบ
  • ขิงแก่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • หอมแดงเจียว 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแกงกุรุหม่า

  1. หมักเนื้อไก่กับโยเกิร์ต ผงเครื่องเทศกุรุหม่า 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือ ½  ช้อนชา นำไปแช่เย็นทิ้งไว้ค้างคืน
  2. ใส่เนยกีลงในหม้อ นำไปตั้งไฟกลาง ใส่หอมแดงซอย กระเทียม และขิงลงผัดให้หอม 
  3. นำไก่ลงไปผัด ตามด้วยผงกุรุหม่าที่เหลือ หอมใหญ่ มันฝรั่ง และใบกระวานลงผัดให้เข้ากัน
  4. เติมนมสดลงไป เคี่ยวจนไก่นุ่มสุก ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาล เพื่อให้รสกลมกล่อม
  5. ตักแกงใส่ชาม โรยหอมเจียว เสิร์ฟพร้อมโรตีหรือข้าวสวย

3. ดาล

3. ดาล

วัตถุดิบดาล

  • ถั่วลูกไก่ 220 กรัม
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่สับ 2 หัว
  • มะเขือเทศ 1 ลูก 
  • ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชี 1 ต้น
  • ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
  • เมล็ดยี่หร่า 1 ช้อนชา
  • ผงปาปริก้า 1 ช้อนชา
  • ผงมาซาล่า 1 ช้อนชา
  • กะทิ 500 ml.
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร

วิธีทำดาล

  1. นำถั่วลูกไก่ไปแช่น้ำ 1 คืน 
  2. ผัดหอมใหญ่ กระเทียม ขิง มะเขือเทศหั่นชิ้น จนสุกหอม
  3. ใส่เมล็ดยี่หร่า ผงปาปริก้า ผงมาซาล่า ผงขมิ้น และถั่วลูกไก่ ผัดให้เข้ากัน
  4. เติมกะทิ น้ำเปล่า ซอสมะเขือเทศ 
  5. ลดไฟลงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน ๆ จนถั่วสุกอ่อนนิ่ม และมีน้ำขลุกขลิก
  6. ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปี๊บตามชอบ
 

4. ไก่ย่างทันดูรี

4. ไก่ย่างทันดูรี

วัตถุดิบไก่ย่างทันดูรี

  • สันในไก่หรือเนื้อไก่ส่วนที่ชอบ 4 ชิ้น
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมัสตาร์ด 1/3 ช้อนโต๊ะ
  • เม็ดมัสตาร์ด 1 ช้อนชา
  • เกลือ
  • การัมมาซาล่า 1 ช้อนชา
  • ลูกผักชีป่น 1 ช้อนชา
  • ยี่หร่าป่น 1/3 ช้อนชา
  • พริกป่นแคชมิริ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหารสีแดง
  • อบเชยป่น 2 ช้อนชา
  • กานพลูป่น 2 ช้อนชา

วิธีทำไก่ย่างทันดูรี

  1. ล้างเนื้อไก่ให้สะอาด ซับให้แห้งใช้ส้อมจิ้มไก่จนทั่วทั้ง 2 ด้าน
  2. ผสมส่วนผสมหมักไก่ทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วนำเนื้อไก่ลงหมัก ใช้มือคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้อย่างน้อย 15 นาที หรือหากมีเวลา แนะนำให้แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 12 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อไก่นุ่มและเครื่องหมักซึมเข้าเนื้อไก่
  3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง จี่ไก่ด้านละประมาณ 2-3 นาทีจนเนื้อไก่สุกหอมเครื่องเทศ 
  4 สูตรเมนูอาหารอินเดียที่เรานำมาฝากวันนี้ มีเมนูโปรดของใครกันบ้าง ใครชื่นชอบเมนูไหนอย่าลืมนำสูตรไปลองทำดู แล้วจะพบว่าอาหารอินเดียไม่ได้ยากอย่างที่คิด สูตรพร้อม วัตถุดิบพร้อม แต่ถ้ายังขาดเครื่องใช้ไฟฟ้าดี ๆ Tecnogas มีบริการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพชั้นนำมากมายที่จะมาช่วยทำให้การเข้าครัวง่ายกว่าที่เคย

วางตู้เย็นตรงไหนดีตามศาสตร์ฮวงจุ้ย

วางตู้เย็นตรงไหนดีตามศาสตร์ฮวงจุ้ย
เชื่อว่าหลาย ๆ บ้านจะต้องมีตู้เย็นติดบ้าน เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย สามารถเก็บถนอมอาหารไม่ให้บูดเน่า รวมทั้งเพิ่มความเย็นสดชื่นให้กับเครื่องดื่ม แต่รู้หรือไม่ว่าการจัดวางตู้เย็นก็สามารถส่งผลต่อชีวิตของคนในบ้านได้ แล้ววางตู้เย็นตรงไหนดีถึงจะช่วยส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิต ? วันนี้ Tecnogas ได้รวบรวมตำแหน่งการวางตู้เย็นตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เพื่อเป็นแนวทางและสามารถนำไปปรับใช้ได้

รวมตำแหน่งการวางตู้เย็นที่ดีตามศาสตร์ฮวงจุ้ย

  • 1. ตั้งตู้เย็นให้เยื้องกับห้องครัว

1. ตั้งตู้เย็นให้เยื้องกับห้องครัว หลีกเลี่ยงการวางตู้เย็นตรงตำแหน่งประตูห้องครัวพอดี เพราะประตูเป็นด่านแรกที่ต้อนรับพลังงานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพลังงานดี หรือร้าย จึงไม่ควรมีอะไรมาวางกีดขวางพลังงานชี่แห่งการเจริญเติบโต เพราะจะทำให้พลังงานเดินทางได้ไม่สะดวก หากวางตู้เย็นตรงตำแหน่งประตูห้องครัวพอดี จะทำให้พลังชี่หมุนเวียนไม่สะดวก ทำให้เก็บเงินไม่อยู่ มีเหตุให้ต้องเสียทรัพย์สินบ่อย ๆ ควรวางเยื้องประตูห้องครัว จะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด หากไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ ให้นำเหรียญจีนโบราณ 5 จักรพรรดิ แขวนไว้เหนือประตู จะสามารถกระตุ้นพลังของโชคลาภและขับไล่พลังร้ายออกไป
  • 2. ตั้งตู้เย็นให้ห่างจากเตา

2. ตั้งตู้เย็นให้ห่างจากเตา ตู้เย็นจัดอยู่ในกลุ่มธาตุทอง เตาจัดอยู่ในกลุ่มธาตุไฟ หากวางใกล้กันหรืออยู่ในแนวเดียวกัน เป็นการรวมเอาสองธาตุ คือ ธาตุทองและธาตุไฟที่ขัดแย้งกันมาปะทะกัน จะทำให้คนในบ้านขาดความสามัคคี หงุดหงิดง่าย และมักเกิดการโต้แย้งกันเสมอ ดังนั้นการจัดวางตู้เย็นที่ดี ควรหาธาตุตัวกลางคือธาตุดิน มาแก้ไข โดยการใช้สีเหลือง ส้ม น้ำตาล ครีม หรืออุปกรณ์หิน เซรามิก มาประดับตกแต่ง เช่นการปูกระเบื้องสีน้ำตาล สีครีม การวางแจกันเซรามิกประดับสีเหลือง สีส้ม หรือก้อนหินสวย ๆ มาประดับตกแต่งเป็นต้น
  • 3. ไม่ควรวางตู้เย็นในห้องนอน

3. ไม่ควรวางตู้เย็นในห้องนอน การวางตู้เย็นในห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะเป็นอุปสรรคขัดขวางโอกาสความก้าวหน้าและความสำเร็จของหน้าที่การงาน หากอาศัยในคอนโดหรือหอพักที่มีพื้นที่จำกัด หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้จัดวางตู้เย็นไม่อยู่ใกล้เตียงจนเกินไป ให้ดูเหมือนแยกโซนกัน นอกจากเรื่องของฮวงจุ้ยแล้ว การวางตู้เย็นในห้องนอนจะทำให้หลับไม่สบาย เพราะความร้อนของตู้เย็นระบายออกมา รวมทั้งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอาจรบกวนการนอน ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
  • 4. เลี่ยงการตั้งตู้เย็นตรงข้ามกับห้องน้ำ

4. เลี่ยงการตั้งตู้เย็นตรงข้ามกับห้องน้ำ ตู้เย็นเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของบ้าน เพราะเต็มไปด้วยของกิน อาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกาย ในขณะที่ห้องน้ำเป็นที่รองรับของเสีย ของสกปรก เป็นตัวแทนของพลังด้านลบ เพราะจุดที่ปล่อยพลังลบออกมานั่นเอง จึงไม่ควรวางตู้เย็นตรงข้ามหรือหันหน้าเข้าห้องน้ำ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ การทำมาค้าขายไม่ขึ้น การกินการอยู่ของคนในบ้านขัดสนในระยะยาว เงินทองฝืดเคือง ถ้าจะให้มั่นใจมากขึ้นก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ผนังร่วมกันกับห้องน้ำด้วย
  • 5. ไม่ควรวางตู้เย็นให้ตรงกับบันได

5. ไม่ควรวางตู้เย็นให้ตรงกับบันได ไม่ควรวางตู้เย็นบริเวณทางบันไดช่วงขึ้นหรือลงโดยเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อเรื่องเงินทอง เงินทองของมีค่าภายในบ้านจะค่อย ๆ ลดลง มีเรื่องให้ต้องเสียทรัพย์บ่อย ๆ หาเงินได้เท่าไรก็ไม่เหลือเก็บ มาถึงตรงนี้คงเห็นกันแล้วว่าควรวางตู้เย็นตรงไหนดีที่สุด เพราะการวางตู้เย็นตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเปรียบเสมือนกับการสร้างสมดุลของสนามพลังภายในบ้านให้ส่งเสริมกัน ไม่ขัดแย้งกัน ส่งผลต่อชีวิตเราทั้งด้านการงาน การเงิน และสุขภาพ ดังนั้นลองนำตำแหน่งที่เรานำมาฝากไปปรับใช้กันดู เพื่อส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิตมากขึ้น

สาเหตุเตาแก๊สรั่ว อันตรายที่คาดไม่ถึง

สาเหตุเตาแก๊สรั่ว อันตรายที่คาดไม่ถึง
เตาแก๊ส เป็นอุปกรณ์ที่อยู่คู่ครัวเรือนมาอย่างยาวนาน แต่หลายบ้านอาจละเลย ขาดการตรวจเช็กเตาแก๊สอย่างสม่ำเสมอ กว่าจะรู้ตัวเตาแก๊สก็ชำรุดและเสื่อมสภาพ นำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะ ปัญหาเตาแก๊สรั่ว ที่อาจทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน วันนี้เราจะพาไปศึกษาสาเหตุที่ทำให้เกิดเตาแก๊สรั่ว พร้อมวิธีรับมือ เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบแก้ไขก่อนเกิดเหตุและสามารถรับมือหากเกิดเหตุได้ทันท่วงที 

เหตุที่ทำให้เตาแก๊สรั่วโดยไม่รู้ตัว

  • 1. ติดตั้งเตาแก๊สไม่ถูกวิธี

1. ติดตั้งเตาแก๊สไม่ถูกวิธี การติดตั้งเตาแก๊สและถังแก๊สควรติดตั้งให้ถูกต้องตามหลักการใช้งาน โดยติดตั้งในจุดที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากซ่อนถังแก๊สไว้ใต้เคาน์เตอร์ควรมีช่องระบายอากาศ และไม่วางถังแก๊สในแนวนอน
  • 2. อุปกรณ์เตาแก๊สชำรุด

2. อุปกรณ์เตาแก๊สชำรุด อุปกรณ์เตาแก๊สที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน หากขาดการตรวจเช็กสภาพและซ่อมแซม จะทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพหรือชำรุดได้ เช่น วาล์วแก๊ส สายยางแก๊ส หรือหัวแก๊ส จึงควรดูแลรักษาและหมั่นตรวจเช็กเตาแก๊สอยู่เสมอ เช่น วาล์วเปิด-ปิดยังใช้งานได้อยู่หรือไม่ สายยางแก๊สหักงอหรือไม่ หากส่วนใดมีปัญหาให้แก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อให้เตาแก๊สอยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
  • 3. ถังแก๊สที่ใช้เสื่อมสภาพ

3. ถังแก๊สที่ใช้เสื่อมสภาพ โดยปกติถังแก๊สจะเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน แต่สิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรวางถังแก๊สตากแดด แม้ว่าถังแก๊สจะผลิตจากเหล็กเหนียวพิเศษที่ทนต่อความดันสูง แต่ถ้าต้องเจอกับแดดและฝนทุกวันก็จะเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
  • 4. ลืมปิดวาล์วถังแก๊สหลังใช้งาน

4. ลืมปิดวาล์วถังแก๊สหลังใช้งาน เชื่อว่าหลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว มีหลายบ้านที่ลืมปิดวาล์วถังแก๊ส ปิดเพียงลูกบิดเตาแก๊สเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากลืมปิดวาล์วอาจทำให้แก๊สรั่วไหลออกมาได้ การมีแก๊สสะสมในห้องครัวปริมาณมาก และไม่ถูกถ่ายเทไปที่อื่น หากแก๊สกระทบประกายไฟเพียงเล็กน้อย จะทำให้ไฟลุกลามได้ทันที จึงควรฝึกปิดวาล์วถังแก๊สหลังใช้งานทุกครั้งให้ติดเป็นนิสัย โดยปิดวาล์วที่ถังแก๊งเสียก่อน แล้วจึงปิดวาล์วที่หัวเตา จะช่วยลดความดันแก๊สที่ค้างอยู่ตามสายส่งแก๊สได้ 
  • 5. วางถังแก๊สในพื้นที่เสี่ยงอันตราย

5. วางถังแก๊สในพื้นที่เสี่ยงอันตราย การวางถังแก๊สไว้ในพื้นที่เสียงอันตราย เช่น ปั๊มน้ำมัน หรือที่ที่เด็กสามารถไปหมุนวาล์วถังแก๊สเล่นได้ อาจทำให้เกิดแก๊สรั่วไหล รวมทั้งพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะความร้อนจะทำให้แก๊ส LPG ภายในถังทำปฏิกิริยาจนเกิดแรงดันภายใน สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมา คือ แก๊สพุ่งออกจากถัง หากเกิดเปลวไฟ หรือประกายไฟใกล้ ๆ จะทำให้ไฟติดลุกลามได้ 

จะทำอย่างไรเมื่อเตาแก๊สรั่ว

จะทำอย่างไรเมื่อเตาแก๊สรั่ว
  • เปิดหน้าต่างและประตูบริเวณนั้น เพื่อระบายอากาศ ไม่ให้แก๊สสะสมในห้อง
  • ห้ามนำวัตถุไวไฟหรือที่จะทำให้เกิดประกายไฟไปในบริเวณที่แก๊สรั่ว
  • ตรวจสอบจุดที่แก๊สรั่ว หากหารอยรั่วไม่พบให้นำถังแก๊สออกมาวางในที่โล่ง
  • หากพบรอยรั่วบริเวณท่อสายยาง ห้ามใช้มืออุดรอยรั่วเด็ดขาด
  • ติดต่อร้านค้าที่ส่งแก๊สให้เข้ามาจัดการถังแก๊สอย่างเร่งด่วน
เตาแก๊สรั่ว เป็นปัญหาอันตรายที่ก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเสียหาย ร่างกายบาดเจ็บ หรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หวังว่า 5 สาเหตุการเกิดเตาแก๊สรั่ว และวิธีรับมือเมื่อแก๊สรั่วที่เรานำฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับหลาย ๆ บ้าน โดยต้องหมั่นตรวจสอบเตาแก๊สสม่ำเสมอเพื่อป้องกันเตาแก๊สเสื่อมสภาพ  และสำหรับใครที่มองหาเตาแก๊สใหม่คุณภาพสูง Tecnogas ให้บริการจำหน่ายเตาแก๊สหลายรุ่น มีระบบ Safety Device ตัดแก๊สอัตโนมัติ ให้คุณหมดกังวลปัญหาแก๊สรั่วไหลที่จะนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ที่น่ากลัว

แนะนำ 10 วิธีกำจัดกลิ่นอาหารในคอนโด

แนะนำ 10 วิธีกำจัดกลิ่นอาหารในคอนโด
ปัญหากลิ่นอาหารในคอนโด คงเป็นปัญหากวนใจชาวคอนโดหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบทำอาหาร หรือคนที่ไม่ได้ทำอาหารบ่อย ๆ แต่แค่อุ่นอาหารก็มีกลิ่นอาหารตามมาแล้ว แต่หลังจากนี้ปัญหานั้นจะหมดไป เพราะเรามี 10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นอาหารในคอนโด ที่จะช่วยกำจัดกลิ่นกวนใจให้หายเกลี้ยง!

10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นอาหารในคอนโด

1. ทำความสะอาดครัวทุกครั้งหลังใช้งาน

ทำความสะอาดครัวทุกครั้งหลังใช้งาน หลังจากทำอาหารเสร็จ ให้รีบทำความสะอาดทันที ไม่ว่าจะเป็นทำความสะอาดจานชาม อุปกรณ์เครื่องครัว เช็ดทำความสะอาดเตาและเคาน์เตอร์ครัว และเก็บของสดที่เหลือเข้าตู้เย็นให้เรียบร้อย เพราะหากปล่อยไว้กลิ่นอาหารและของสดจะกระจายภายในห้อง รวมทั้งเศษอาหารที่อาจกระเด็นติดบริเวณต่าง ๆ อาจฝังแน่น ทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นควรฝึกทำความสะอาดทันทีที่ใช้งานให้ติดเป็นนิสัย จะช่วยพิชิตกลิ่นอาหารได้มากขึ้น 

2. ปิดประตูห้องอื่น ๆ ให้มิดชิด

ปิดประตูห้องอื่น ๆ ให้มิดชิด หากพื้นที่ครัวในคอนโดมีการเปิดโล่ง ไม่มีที่กั้นแบ่งโซนครัว ทั้งควันและกลิ่นอาหารสามารถเล็ดลอดไปในห้องอื่น ๆ ได้ ดังนั้นก่อนทำอาหารควรปิดประตูห้องอื่น ๆ ให้มิดชิด จะทำให้กลิ่นภายในครัวไม่ออกไปรบกวนพื้นที่นอกครัว

3. ติดตั้งเครื่องดูดควันช่วยได้

ติดตั้งเครื่องดูดควันช่วยได้ สำหรับคนที่อยู่คอนโด บอกเลยว่าเครื่องดูดควันเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะคอนโดเป็นพื้นที่ที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศและไม่มีช่องทางระบายกลิ่นได้อย่างเหมาะสม การมีเครื่องดูดควัน จะช่วยลดควันและกลิ่นอาหารได้ ป้องกันกลิ่นฟุ้งกระจายไปตามพื้นที่อื่น ๆ ได้ 

4. เปิดหน้าต่างระบายอากาศ

เปิดหน้าต่างระบายอากาศ ระหว่างที่ทำอาหารควรเปิดหน้าต่างระบายอากาศ จะทำให้อากาศในห้องเกิดการหมุนเวียน ถ่ายเทสะดวก มีความโปร่งโล่ง ช่วยระบายให้กลิ่นและควันออกไปจากตัวห้อง

5.  ใช้พัดลมดูดอากาศช่วยอีกแรง

ใช้พัดลมดูดอากาศช่วยอีกแรง นอกจากการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ อีกหนึ่งวิธีช่วยระบายอากาศคือการใช้พัดลมดูดอากาศ ดูดควัน จะช่วยระบายกลิ่นอาหารออกจากห้องครัว โดยพัดลมดูดอากาศสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งติดผนัง กระจก หรือบนเพดาน

6. เก็บของสดไว้ในตู้เย็นทันทีที่นำกลับมาห้อง

เก็บของสดไว้ในตู้เย็นทันทีที่นำกลับมาห้อง เมื่อกลับมาถึงห้อง ให้นำของสดที่ได้มาแช่ตู้เย็นทันที เพราะหากวางทิ้งไว้ข้างนอกนานจะส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ไปทั่วทั้งห้อง อีกทั้งยังทำให้ความสดใหม่ของอาหารลดลงด้วย

7. กำจัดกลิ่นด้วยมะนาว หอมใหญ่ และน้ำส้มสายชู

กำจัดกลิ่นด้วยมะนาว หอมใหญ่ และน้ำส้มสายชู อย่ามองข้ามวัตถุดิบที่มีอยู่ในห้องครัว เช่น มะนาว หอมใหญ่ และน้ำส้มสายชู เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยกำจัดกลิ่นอาหารได้ โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
  • มะนาว – นำมะนาวฝาน 2-3 ชิ้น ไปต้นในน้ำ ประมาณ 30 นาที กลิ่นจากมะนาวจะช่วยดูดกลิ่นอาหาร รวมทั้งให้ความรู้สึกสดชื่นเข้ามาทดแทน 
  • หอมใหญ่ – ซอยหอมเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปแช่ในถ้วยน้ำ แล้วนำไปวางกลางห้องครัว จะช่วยดูดควันและกลิ่นอาหารได้เป็นอย่างดี
  • น้ำส้มสายชู – ตั้งกระทะผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่า เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นนำแผ่นขนมปังมาชุบ แล้วนำไปวางในห้องครัว หรือมุมต่าง ๆ ที่มีกลิ่นอับ จะช่วยดูดกลิ่นให้หายไปได้

8. ใช้เทียนหอมและน้ำมันหอมระเหยช่วยดับกลิ่น

ใช้เทียนหอมและน้ำมันหอมระเหยช่วยดับกลิ่น หากกลิ่นอาหารยังฝังแน่นไม่ยอมหายไป สามารถใช้เทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหยมากลบกลิ่นเหม็นภายในห้องแทน โดยตั้งไว้ที่มุมต่าง ๆ เพื่อให้กลิ่นหอมระเหยไปทั่วทั้งห้อง 

9. ทิ้งขยะทุกวัน

ทิ้งขยะทุกวัน นอกจากกลิ่นจากอาหารแล้ว เศษอาหารหรือขยะต่าง ๆ ก็เป็นตัวการที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องเช่นกัน ดังนั้นลองฝึกทิ้งขยะให้ถี่ขึ้น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ข้ามวัน หรือหลายวัน เพียงเท่านี้จะช่วยลดกลิ่นอับภายในห้องได้แล้ว 

10. กำจัดกลิ่นท่ออ่างล้างจาน

กำจัดกลิ่นท่ออ่างล้างจาน ท่ออ่างล้างจานอาจมีเศษอาหารหรือคราบต่าง ๆ จากอาหารหมักหมมจนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ สามารถกำจัดกลิ่นในท่อได้โดยโรยเบกกิ้งโซดาในท่อพอประมาณ จากนั้นราดน้ำส้มสายชูให้เกิดฟอง ปล่อยทิ้งไว้สักพักแล้วราดน้ำร้อนลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย  เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นอาหารในคอนโดที่เรานำมาฝาก ลองเลือกวิธีที่สนใจไปลองทำดู โดยเฉพาะคนที่อยู่คอนโด เพราะสามารถทำตามได้ง่าย ๆ และสามารถลดกลิ่นอาหารได้จริง สำหรับใครที่มองหาตัวช่วยที่ยืนหนึ่งเรื่องการดูดกลิ่น Tecnogas ขอแนะนำ เครื่องดูดควัน ตัวช่วยที่จะทำให้คุณทำอาหารได้อย่างสบายใจ ไร้กลิ่นรบกวนแน่นอน

4 เหตุผลดี ๆ ที่ควรมีเครื่องล้างจานติดครัว

4 เหตุผลดี ๆ ที่ควรมีเครื่องล้างจานติดครัว

ความสุขของมื้ออาหารหลายครั้งต้องจบลงด้วยจานชามกองพะเนิน แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว! บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่ต้องมีเครื่องล้างจานสักเครื่องไว้ติดห้องครัว เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเอาใจคนไม่ชอบล้างจาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถล้างจานปริมาณมาก ๆ ได้อย่างสะอาดไม่ทิ้งคราบสกปรก สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อดีไหม จะเป็นการสิ้นเปลืองหรือไม่ วันนี้เราจะมาบอกเล่าเหตุผลดี ๆ ที่ควรมีเครื่องล้างจานติดห้องครัว

รวมเหตุผลดี ๆ ที่ต้องมีเครื่องล้างจานติดครัว

รวมเหตุผลดี ๆ ที่ต้องมีเครื่องล้างจานติดครัว

  • 1. สะอาดง่ายไม่เปลืองแรง

เทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องล้างจานทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีกระบวนการทำงานอัตโนมัติ เพียงเลือกโหมดการทำงานที่ต้องการ และปล่อยให้เครื่องทำงานเองแบบยาว ๆ โดยไม่ต้องลงแรงแม้แต่น้อย ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการล้างจานชามกองโตในแต่ละวัน มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย

  • 2. ทำความสะอาดได้ลึกกว่าและมีหลายโหมด

ปัจจุบันเครื่องล้างจานถูกออกแบบให้มีโหมดการใช้งานที่หลากหลาย เช่น Intensive (ล้างหนัก)

Normal (ล้างธรรมดา) Eco (ล้างแบบประหยัด) Rapid (ล้างเร่งด่วน) Auto (อัตโนมัติ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกบ้านทุกครัว ยกตัวอย่าง ผู้ที่มีเวลาจำกัดอาจจะเลือกใช้โหมด Rapid ล้างเร่งด่วน ในขณะที่พ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอาจเลือกใช้งานโหมด Eco ล้างแบบประหยัด เป็นต้น

  • 3. ประหยัดน้ำมากกว่าล้างด้วยมือ

ใครที่คิดว่าการใช้เครื่องล้างจานจะเปลืองน้ำ บอกเลยว่าคิดผิด เพราะเครื่องล้างจานจะควบคุมปริมาณน้ำที่ใช้อย่างเหมาะสม โดยเครื่องล้างจานส่วนใหญ่จะใช้น้ำในการล้างจานเพียง 10-14 ลิตร ต่อรอบการล้างปกติ ในขณะที่การล้านจานด้วยมือ อาจใช้น้ำมากถึง 40 ลิตร ซึ่งเครื่องล้างจานบางชนิดมีโหมดประหยัดน้ำให้เลือกใช้งาน หรือระบบป้องกันน้ำล้น ตัดน้ำที่กำลังสูบเข้าเครื่องอัตโนมัติ ดังนั้น หากเปลี่ยนจากการล้างด้วยมือมาเป็นล้างด้วยเครื่องล้างจานจะทำให้ประหยัดน้ำมากขึ้นอย่างแน่นอน

  • 4. เหมาะสำหรับธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมมากๆ

ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม เป็นธุรกิจที่มีคนเข้าออกหมุนเวียนอยู่ตลอดทั้งวัน ทำให้มีภาชนะจำนวนมากที่ต้องล้างในแต่ละวัน ดังนั้นเครื่องล้างจานจึงเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องล้างจานสามารถรองรับภาชนะได้หลายพันในต่อรอบการล้าง 1 ชั่วโมง ทำให้ล้างภาชนะจำนวนมากได้ทันรอบการใช้งาน ช่วยประหยัดต้นทุนทั้งต้นทุนแรงงาน และต้นทุนเวลาได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการใช้เครื่องล้างจานจะสามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ำยาล้าง ปริมาณน้ำที่เท่ากันทุกรอบ และมั่นใจได้ว่าภาชนะต่าง ๆ จะยังคงคุณภาพความสะอาดที่เหมือนกันทุกรอบ

ข้อจำกัดในการใช้เครื่องล้างจาน

ข้อจำกัดในการใช้เครื่องล้างจาน

แม้เครื่องล้างจานจะอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้แค่ไหน แต่เครื่องล้างจานก็มีข้อจำกัดในการใช้งานเช่นกัน ได้แก่

  • 1. ความจุชุดอาหาร

ความจุชุดอาหาร คือ ปริมาณจาน ชาม ช้อนส้อมที่สามารถใส่ในเครื่องล้างจาน ซึ่งเครื่องล้างจานแต่ละชนิดก็มีความจุชุดอาหารแตกต่างกัน หากใส่ภาชนะเกิดจำนวน อาจทำให้เครื่องล้างจานหรือภาชนะเสียหายได้ ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องล้างจานให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากใช้งานในครัวเรือน อาจเลือกเครื่องที่ความจุไม่สูงมาก แต่ถ้าใช้งานในร้านอาหาร ก็เลือกใช้เครื่องที่มีความจุสูง

  • 2. ใช้น้ำยาเครื่องล้างจานโดยเฉพาะ

เครื่องล้างจานใช้น้ำยาล้างจานสำหรับเครื่องล้างจานโดยเฉพาะ เช่น น้ำยาล้างจานแบบผง แบบก้อน หรือแบบน้ำ ซึ่งไม่สามารถใช้น้ำยาล้างจานทั่วไปในการล้างได้ 

  • 3. มีเสียงรบกวน

ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ย่อมมีเสียงระหว่างทำงานอยู่แล้ว เครื่องล้างจานก็เช่นกัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อผู้ใช้ควรพิจารณาอย่างละเอียด ทดสอบการใช้งานก่อนเลือกซื้อ หรือเลือกซื้อแบบที่ไม่ส่งเสียงดังมาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเหตุผลดี ๆ ของการมีเครื่องล้างจานที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องไฟฟ้าที่ผลิตมาเอาใจคนไม่ชอบล้างจานอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะสามารถล้างจานอย่างสะอาดหมดจดแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถนำเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก มาถึงตรงนี้ ใครที่เริ่มสนใจอยากมีเครื่องล้างจานสักเครื่องไว้ติดห้องครัว Tecnogas มีบริการจำหน่ายเครื่องล้างจาน ที่มาพร้อมโปรแกรมการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ

แนะนำทริคง่าย ๆ ทำความสะอาดครัวให้สะอาดหมดจด!

ทริคง่าย ๆ ทำความสะอาดครัวให้สะอาดหมดจด!

ห้องครัว ถือเป็นห้องที่ควรหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะหลังจากที่ทำอาหารเสร็จ สิ่งที่ตามมาคือ คราบมัน เศษอาหาร รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งหากไม่ทำความสะอาดนอกจากจะทำให้ไม่น่าใช้งาน ยังส่งผลต่อสุขอนามัยของคนในบ้านด้วย วันนี้เราจึงขอเอาใจคนที่ชอบทำอาหาร แต่ไม่รู้จะทำความสะอาดยังไง ด้วยการแนะนำทริคทำความสะอาดครัวง่าย ๆ ให้ครัวของคุณสะอาด น่าใช้งานอยู่เสมอ

7 ทริคทำความสะอาดครัวง่าย ๆ 

  • 1. ทำความสะอาดผนังครัวด้วยน้ำยาล้างจาน

ทำความสะอาดผนังครัวด้วยน้ำยาล้างจาน

ผนังครัว โดยเฉพาะบริเวณที่ใช้ทำอาหารมักมีคราบต่าง ๆ ทั้งคราบอาหาร คราบน้ำมัน ที่กระเด็นมาจากการทำอาหาร หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำความสะอาดทันที จะทำให้คราบฝังลึก และก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แนะนำให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตามให้ผนังแห้ง หรือใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำส้มสายชูเช็ดทำความสะอาด จากนั้นทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ก็จะได้ผนังสะอาดกลับมาเหมือนเดิม

ถอดหัวเตาแก๊สทำความสะอาดสม่ำเสมอ

หัวเตาแก๊สเป็นส่วนที่เปื้อนคราบอาหารอยู่เสมอ จึงไม่ควรละเลยที่จะถอดส่วนประกอบของเตาออกมาทำความสะอาด โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำอุ่น แล้วเช็ดคราบสกปรกที่ติดค้างบริเวณหัวเตา อยู่ให้ค่อย ๆ จางหายไป 

  • 3. เช็ดหน้าเตาด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาล้างจาน

เช็ดหน้าเตาด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาล้างจาน

มาถึงบริเวณหน้าเตา ยิ่งคราบฝังแน่นนานวันเท่าไรยิ่งไม่น่าดู สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ เหมือนหัวเตา คือ ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำอุ่น เช็ดทำความสะอาด แต่หากคราบฝังแน่น กำจัดยาก แนะนำให้ใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูมาหมักบริเวณคราบ ก่อนจะเช็ดออกด้วยฟองน้ำบิดหมาด 

  • 4. เครื่องดูดควันก็ไม่ควรพลาด

เครื่องดูดควันก็ไม่ควรพลาด

สำหรับบ้านไหนที่ติดเครื่องดูดควัน ห้ามละเลยการทำความสะอาดเด็ดขาด เพราะภายในเครื่องดูดควันจะมีคราบน้ำมันเกาะตามแผ่นกรอง หากปล่อยไว้นานจะทำให้ทางเดินอากาศตัน ประสิทธิภาพในการดูดควันและกลิ่นต่ำลง อาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากคราบน้ำมันและอาหารออกมาอีกด้วย โดยการทำความสะอาดเครื่องดูดความสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  • ตัวเครื่องดูดควัน

ฉีดน้ำยาขจัดคราบมันอเนกประสงค์บริเวณผิวรอบนอกตัวเครื่อง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดน้ำยาและคราบมันออก

  • แผ่นกรอง

นำแผ่นกรองไปแช่น้ำที่ผสมโซดาไฟ ทิ้งเอาไว้หลายชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้ผ้าหรือแปรงขัดคราบมันเหล่านั้นออก โดยอย่าลืมใส่ถุงมือก่อนขัด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะนำไปตากให้แห้งสนิท

  • อุปกรณ์อื่น ๆ 

อุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ที่สามารถถอดออกมาได้ตามคู่มือการใช้งาน ให้นำมาวางทิ้งไว้ แล้วใช้น้ำยาขจัดคราบมันอเนกประสงค์ฉีดไปทั่ว ๆ อุปกรณ์ดูดควันที่ได้ถอดออกมา ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดคราบมันต่าง ๆ ออก

  • 5. ทำความสะอาดเตาอบตั้งแต่ภายใน

ทำความสะอาดเตาอบตั้งแต่ภายใน

บ้านไหนมีเตาอบ อย่าลืมทำความสะอาดเตาอบให้สะอาดหมดจนตั้งแต่ภายใน โดยถอดตะแกรงออกมาแช่น้ำผสมน้ำยาล้างจานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ใช้ฟองน้ำขัดทำความสะอาด แล้วนำไปตากลมให้แห้งสนิท จากนั้นให้ผสมเกลือป่น เบกกิ้งโซดา และน้ำสะอาด แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดไปทาให้ทั่วภายในเตาอบ ทิ้งไว้ข้ามคืน วันต่อมาจึงใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดเช็ดคราบออก

  • 6. เคลียร์ตู้เย็นบ่อย ๆ พร้อมเช็ดทำความสะอาด

เคลียร์ตู้เย็นบ่อย ๆ พร้อมเช็ดทำความสะอาด

หมั่นเคลียร์ตู้เย็นอยู่เสมอ โดยคัดแยกอาหารเน่าเสียออกเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นภายในตู้เย็น ในส่วนของการทำความสะอาดตู้เย็นให้ถอดปลั๊กตู้เย็นออกก่อนทุกครั้ง จากนั้นเริ่มเคลียร์พื้นที่ตู้เย็นให้โล่ง ถอดชิ้นส่วนที่สามารถถอดได้ออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างจาน แล้วตากให้แห้งสนิท ส่วนบริเวณอื่นในตู้เย็นให้ใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำชุบน้ำผสมเบกกิ้งโซดาเช็ดให้ทั่ว ตามด้วยใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามอีกครั้ง ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง

  • 7. เช็ดเคาน์เตอร์และอ่างล้างจานทุกครั้งหลังทำอาหารเสร็จ

เช็ดเคาน์เตอร์และอ่างล้างจานทุกครั้งหลังทำอาหารเสร็จ

ควรเช็ดทำความสะอาดบริเวณเคาน์เตอร์ทุกครั้งหลังการใช้งาน โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับพื้นผิวเคาน์เตอร์ ส่วนนี้ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะเคาน์เตอร์ที่เป็นหินอ่อนหรือหินแกรนิต ห้ามใช้น้ำส้มสายชูในการเช็ดทำความสะอาด เพราะอาจทำลายพื้นผิวได้ ในส่วนของอ่างล้างจาน ให้ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจาน จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบแล้วทำความสะอาดให้ทั่วอ่างล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดตามปกติ

เมื่อนึกถึงการทำความสะอาดครัว หลายคนถึงกับส่ายหน้าเพราะคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเห็นทริคที่เรานำมาฝากกันวันนี้จะเห็นได้ว่าสามารถทำตามได้ง่าย ๆ และสิ่งสำคัญหากเป็นไปได้ เมื่อเสร็จสิ้นการทำอาหารควรทำความสะอาดทันที เพื่อสุขอนามัยที่ดี ป้องกันการเป็นคราบฝังลึก และเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาได้ 

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310