รู้หรือไม่ วิธีการใช้ไมโครเวฟคือเอาอาหารวางไว้ริมจาน

วางอาหารริมจานไมโครเวฟ ช่วยให้ร้อนเร็วขึ้นจริงไหม

ไมโครเวฟ นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อำนวยความสะดวกในการอุ่นอาหาร ซึ่งต้องบอกเลยว่าการทำงานของไมโครเวฟมีความน่าสนใจในหลากหลายแง่มุม ในบทความนี้จะพาทุกคนไปหาคำตอบว่า บริเวณขอบ จานไมโครเวฟ สามารถทำอาหารให้อุ่นได้เร็วขึ้นจริงหรือไม่ แต่ก่อนอื่นเราจะเป็นอย่างยิ่งต้องไปทำความรู้จักเกี่ยวกับไมโครเวฟเพิ่มขึ้นเสียก่อน

ทำความรู้จักกับเตาไมโครเวฟ

หลักการทำงานเตาไมโครเวฟ

เตาไมโครเวฟเป็นเครื่องมือที่ใช้ในห้องครัว ที่ช่วยให้สามารถอุ่นอาหารให้ร้อนหรือสุกได้ โดยมีการใช้งานไมโครเวฟกันอย่างแพร่หลายมาเป็นระยะเวลากว่าหลายช่วงอายุคน เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีประโยชน์อย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน 

หลักการทำงานของเตาไมโครเวฟ

เครื่องไมโครเวฟจะมีสร้างคลื่นไมโครเวฟที่ได้จากพลังงานไฟฟ้ามาทำให้อาหารร้อน ซึ่งไมโครเวฟก็คือคลื่นความแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เกิดจากการที่ประจุไฟฟ้าสั่นไปสั่นมา  

โดยสาเหตุที่ทำให้อาหารร้อนขึ้นมาได้ เกิดจากการที่อาหารได้มีการดูดซับคลื่นไมโครเวฟ ทำให้อาหารเกิดความร้อนขึ้นมา  

ประเภทของเตาไมโครเวฟ

เตาไมโครเวฟสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท โดยแบ่งได้เป็น 3 ประเภท  

1 เตาไมโครเวฟระบบอุ่น (Solo Microwave Oven) 

คือระบบเตาไมโครเวฟที่ใช้กันทั่วไปตามบ้าน ใช้สำหรับการอุ่นอาหาร, ละลายน้ำแข็ง เหมาะกับการอุ่นอาหารที่แช่ในตู้เย็น หรือ ในช่อง Freezer เพื่อละลายน้ำแข็ง 

2 เตาไมโครเวฟระบบย่าง (Grill Microwave Oven) 

จะเป็นเตาไมโครเวฟที่มาพร้อมกับขดลวดความร้อนที่ติดตั้งไว้ตรงส่วนบนและส่วนล่างของไมโครเวฟ แต่ยังคงระบบการใช้ไมโครเวฟทั่วไปที่สามารถอุ่นอาหารได้เหมือนเดิม หมายความว่าเป็นระบบแบบ 2 in 1 นั่นเอง 

โดยการติดตั้งขดลวดความร้อนไว้ส่วนบนและส่วนล่างจะช่วยให้ทำความร้อนได้ดีขึ้น (ในกรณีที่ใช้ย่าง) และสามารถใช้ย่างเนื้อสัตว์ประเภทต่าง ๆ ได้ดี  

3 เตาไมโครเวฟระบบอบลมร้อน (Convection Microwave Oven) 

เป็นระบบที่ร่วมกันระหว่างเตาอบไฟฟ้ากับไมโครเวฟ สามารถตั้งอุณหภูมิตามที่กำหนดได้ และทำให้อาหารออกมาในรูปแบบของการถูกอบ เหมาะกับการอบอาหารประเภทต่าง ๆ รวมถึงการผู้ที่ต้องการเตาอบ แต่ไม่ต้องการเตาอบขนาดใหญ่ เตาไมโครเวฟระบบลมร้อนก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถใช้แทนกันได้ 

วางอาหารริมจานไมโครเวฟ ช่วยให้ร้อนได้เร็วกว่าจริงหรือไม่

วางอาหารริมจานไมโครเวฟช่วยให้อาหารร้อนได้เร็วกว่า

หลายท่านที่มีการใช้ไมโครเวฟอยู่ในชีวิตประจำวัน อาจไม่เคยรู้ถึงเรื่องการวางอาหารริมจานไมโครเวฟมาก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะการใช้ไมโครเวฟโดยวางจานอาหารไว้ตรงกลางจานไมโครเวฟก็สามารถใช้อุ่นได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม การวางอาหารริมจานไมโครเวฟช่วยให้อาหารร้อนได้เร็วกว่าจริง เนื่องจากอาหารในจานจะร้อนอย่างทั่วถึง หากวางอาหารไว้ตรงกลางของจานไมโครเวฟ มีโอกาสสูงที่อาหารที่อยู่ตรงกลางจะได้รับความร้อนมากกว่าอาหารที่อยู่รอบข้าง ทำให้อาจต้องใช้เวลาอุ่นนานกว่าปกติจึงจะทำให้อาหารทั้งจานได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง 

สรุปบทความ 

จะเห็นว่าแม้กระทั่งเตาไมโครเวฟที่น่าจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ความเป็นจริงแม้กระทั่งเทคนิคในการวางจานอาหารให้ถูกที่ ก็ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกับการวางจานอาหารได้ โดยการวางจานอาหารไว้ตรงกลางจานเตาไมโครเวฟจะทำให้การถ่ายเทความร้อนเน้นไปที่ตรงกลางจาน ซึ่งส่งผลให้อาหารตรงกลางจะร้อนมากกว่าอาหารส่วนอื่น ในขณะที่การวางจานอาหารไว้ตรงริมจานไมโครเวฟจะทำให้การถ่ายเทความร้อนลงในอาหารเท่า ๆ กัน  เมื่อรู้เช่นนี้ สามารถทดลองวางจานอาหารที่ริมไมโครเวฟเพื่อสามารถทดสอบทฤษฏีดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง และสามารถพบเจอกับบทความที่ให้เกล็ดความรู้เกี่ยวกับเครื่องใช้ในครัวได้ที่นี่เลย

แจกสูตรคำนวณค่าไฟง่าย ๆ พร้อมทำความรู้จักค่าต่าง ๆ บนใบแจ้งค่าไฟ

สูตรคำนวณค่าไฟด้วยตัวเอง

การใช้ไฟของแต่ละบ้านจะไม่เหมือนกัน บ้างก็ใช้ในการทำงาน บ้างก็ใช้ในการเปิดแอร์ บ้างก็ใช้ในการทำครัวอย่างเช่น การใช้ เตาอบ และ เตาไฟฟ้า ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสิ่งต่างๆ ให้เราได้อยู่สบายมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในบทความนี้จึงจะพาทุกคนไปดู สูตรคำนวณค่าไฟ กัน

อะไรอยู่ในบิลค่าไฟบ้าง?

ข้อมูลในบิลค่าไฟมีอะไรบ้าง

ก่อนจะคำนวณค่าไฟ ควรจะต้องมารู้ก่อนว่า ข้อมูลแต่ละอย่างนั้นมีความหมายอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้คำนวณได้อย่างถูกต้อง

1. ข้อมูลทั่วไป

ข้อมูลทั่วไปจะเป็นข้อมูลของชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า ที่อยู่ วันและเวลาในการอ่านหน่วย เป็นค่าไฟประจำเดือนที่เท่าไหร่ ฯลฯ

2. ข้อมูลการใช้ไฟฟ้า

ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าจะประกอบไปด้วย เลขอ่านครั้งก่อน – หลัง จำนวนหน่วยที่ใช้และประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 

3. ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ

ค่าพลังงานไฟฟ้า

ค่าพลังงานไฟฟ้าคือต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้า ก่อสร้างไฟฟ้า ระบบขนส่งไฟฟ้า ฯลฯ 

ค่าบริการรายเดือน

ค่าใช้จ่ายในการบริการจดหน่วยไฟฟ้า ค่าจัดทำและค่าจัดส่งบิลไฟฟ้า 

ค่า Ft

ค่า FT คือต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ, อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงราคาเชื้อเพลิง  ฯลฯ และเนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทำให้เรตของ FT ในแต่ละช่วงเวลา ก็จะมีเรตที่ต่างกันนั่นเอง  

ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

เช่นเดียวกับสินค้าหรือบริการประเภทอื่น ๆ ที่เมื่อได้ราคารวมของค่าไฟแล้ว ก็ต้องมีการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มอีก 7%

สูตรคำนวณค่าไฟด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ

สูตรคำนวณค่าไฟด้วยตัวเอง

วิธีการคำนวณหน่วยการใช้งานไฟฟ้า จะสามารถหาได้โดยการที่ใช้สูตร 

(กำลังไฟฟ้า (วัตต์) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า / 1,000) x จำนวนที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต) 

สูตรคำนวณหน่วยการใช้งานไฟฟ้า

สูตรการคำนวณค่าไฟฟ้า จะมีเรตการใช้ไฟฟ้าที่จะคำนวณโดยเรตนี้จะคำนวณหลังจากที่รู้หน่วยการใช้ไฟฟ้าแล้ว โดยค่าพลังงานไฟฟ้าจะมีเรตในการคำนวณเป็นขั้น โดยเรตที่จะยกมาให้ดูต่อไปนี้เป็นเรตสำหรับบ้านประเภท 1.2 คือบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ และ บ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์แต่มีการใช้หน่วยไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย 

  • หากใช้ไฟฟ้าอยู่ใน 150 หน่วยแรก (1-150 หน่วย) จะมีค่าบริการอยู่ที่หน่วยละ 3.2484 บาท 
  • 250 หน่วยถัดไป (151-400 หน่วย) ค่าบริการหน่วยละ 4.2218 บาท 
  • หน่วยที่เกินกว่า 400 หน่วย (400 หน่วยขึ้นไป) ค่าบริการหน่วยละ 4.4217 บาท 

ทั้งนี้ เรตการคำนวณไฟฟ้ามีอยู่หลายเรต ขึ้นอยู่กับว่าเข้าข่ายนิยามว่าเป็นบ้านประเภทใด โดยหากเข้าข่ายเป็นประเภท 1.1 ซึ่งคือบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ และ มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย ก็จะมีเรตการคำนวณค่าไฟฟ้าอีกแบบ 

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าการคำนวณไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจ โดยมีหลักการและวิธีคิดที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย และสามารถคำนวณเบื้องต้นคร่าว ๆ ด้วยตัวเองก่อนได้ ซึ่งประโยชน์ของการทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ในบิลค่าไฟ จะช่วยให้ท่านสามารถตรวจสอบได้ว่า บิลค่าไฟมีความผิดปกติหรือไม่ หากมีจะได้แจ้งกับทางการไฟฟ้าให้ตรวจสอบได้

อยากทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

อยากทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

บทความนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่เคยทำอาหารมาก่อน หรือเข้า ห้องครัว ทำอาหารแล้วก็เละไม่เป็นท่า งานนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่คนทำอาหารไม่เป็นควรจะหาจุดเริ่มต้นที่ดีว่าควรจะเริ่มทำอาหารตรงไหนก่อน เราไปตามกันดูดีกว่าว่า 7 เทคนิคเริ่มต้นเรียนการทำอาหารด้วยตัวเองสามารถทำได้อย่างไร

7 เทคนิคเริ่มต้นทำอาหารด้วยตัวเอง สำหรับคนทำอาหารไม่เป็น

1. เริ่มต้นด้วยเมนูที่ชอบ

แน่นอนว่าในการที่จะเริ่มฝึกทำอาหาร ควรจะเริ่มทำจากเมนูที่ชื่นชอบก่อน เพราะว่าจะทำให้มีอารมณ์ร่วมในการทำอาหารมากขึ้น  

2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

7 เทคนิคเริ่มต้นทำอาหารด้วยตัวเอง สำหรับคนทำอาหารไม่เป็น

พอทราบเมนูที่จะทำแล้ว ให้ศึกษาว่าหากต้องการทำเมนูดังกล่าว จะต้องใช้อุปกรณ์ใดในการทำอาหารบ้าง รวมถึงต้องใช้วัตถุดิบใดบ้าง เพื่อที่จะได้รวบรวมให้ครบถ้วน ทำให้สามารถทำอาหารได้อย่างราบรื่น 

3. ลงมือทำอย่างสร้างสรรค์

การทำอาหารเป็นศาสตร์ที่ต้องมีการใส่ใจในทุกรายละเอียดรวมถึงต้องมีหัวคิดที่สร้างสรรค์จึงจะสามารถทำอาหารออกมาได้ดี โดยควรเริ่มจากข้อควรรู้ทั่วไปในการทำอาหารก่อน เช่น เวลาใดที่ควรเปิดไฟแรง-ไฟอ่อน หรือ เวลาต้มควรต้มกี่นาที เป็นต้น  

4. ใส่ใจทุกรายละเอียด

ทุกรายละเอียดในการทำอาหาร ล้วนสำคัญทั้งสิ้น หากมีการตกหล่นในเรื่องรายละเอียดไปจุดใดจุดหนึ่ง อาจทำให้อาหารที่ทำออกมามีรสชาติที่ไม่ตรงตามที่ต้องการ เช่น เวลาทำข้าวผัด ท่านอาจสังเกตได้ว่า คนส่วนใหญ่ใช้ข้าวเย็นมาทำการผัด เนื่องจากจะทำให้ข้าวผัดที่ออกมามีเม็ดที่ร่วน ไม่แฉะ น่ารับประทาน ในขณะที่หากทำข้าวผัดด้วยข้าวใหม่ ข้าวที่ออกมาจะมีลักษณะที่เละและแฉะ ทำให้ดูไม่น่ารับประทาน เป็นต้น 

รวมถึงเรื่องเล็กน้อยที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้าม แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ คือเรื่องการตกแต่งอาหารในจานให้ดูน่ารับประทาน  

5. ดูคลิปสอนทำอาหารระหว่างทำ

หากท่านเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยทำอาหารมาก่อน ถือว่าโชคดีที่เกิดมาในยุคสมัยปัจจุบันที่มีคนสอนทำอาหารผ่านช่องทางต่าง ๆ มากมายใน Social Media ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube หรือTiktok ดังนั้น ควรใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้ในการเข้ารับชมคลิปสอนอาหารระหว่างทำ เพราะในช่วงแรกท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าควรปรับไฟแรงหรือไฟอ่อน, ควรหั่นผักแบบสั้นหรือยาว ฯลฯ ในคลิปสอนทำอาหาร จะมีการบอกรายละเอียดที่ชัดเจน และจะช่วยให้สามารถทำอาหารออกมาได้ง่ายขึ้น 

6. หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

หมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อมีการทำเมนูแรกออกมาได้แล้ว หลังจากที่มีการรับประทานเรียบร้อย ท่านก็จะทราบได้ว่ารสชาติที่ทำออกมา มีรสชาติที่ดีหรือไม่ เช่น หากมีรสเค็มเกิน รอบหน้าก็ต้องใส่น้ำปลาให้น้อยลง หรือหากเผ็ดน้อยไปรอบหน้าก็มีการใส่พริกมากขึ้น เป็นต้น การทำอาหาร หากต้องการทำให้ออกมาดี ต้องมีการฝึกฝน เช่นเดียวกับทุกศาสตร์ เมื่อมีการทำอาหารบ่อยขึ้น ก็จะทำให้การทำออกมาคล่องแคล่วขึ้น และจะเริ่มจับจุดได้ด้วยตัวเองว่า ควรใส่วัตถุดิบอะไร เป็นจำนวนเท่าใด 

7. หาคนชิมฝีมือ

หากต้องการมั่นใจว่าอาหารที่ทำออกมา มีรสชาติเป็นอย่างไร อาจต้องใช้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็น เพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ หรือแฟน ในการช่วยชิมอาหาร เพื่อที่จะให้ติชม และนำข้อติชมกลับมาปรับปรุงแก้ไขในการทำอาหารครั้งถัดไป 

สรุปบทความ 

จะเห็นได้ว่าการทำอาหารมีเทคนิคและขั้นตอนที่มากมาย โดยในแต่ละขั้นตอนก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยที่ต้องใส่ใจ เพื่อที่จะทำอาหารออกมาได้ดีที่สุด ซึ่งในยุคสมัยปัจจุบันที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ผู้ที่อยากฝึกทำอาหาร สามารถเรียนรู้การทำอาหารได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อยากทำอาหารด้วยตัวเองเริ่มอย่างไรดี

อยากทำอาหารด้วยตัวเองเริ่มอย่างไรดี

สำหรับบทความนี้หากใครกำลังมองหาแหล่งสอนทำอาหารที่ไม่ต้องเสียเงิน อีกทั้งยังได้ความรู้แบบเน้นๆ ขอแนะนำให้มาดูช่องยูทูปสอนอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะดูไปเข้า ห้องครัว ไป สามารถทำตามกันได้ติดๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปดูกันดีกว่าว่ายูทูปช่องไหนที่น่าสนใจบ้าง

แนะนำ 10 ช่องยูทูปสอนทำอาหาร 

 หากใครที่ไม่ชอบอ่านหนังสือการทำอาหาร อยากเห็นวิธีทำจริง ๆ หรือสนุกไปพร้อมกับการเรียนทำอาหาร การดู Youtube ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลว โดยสมัยนี้ได้มี Youtuber ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการสอนทำอาหารที่มีความสนุก ที่ถึงแม้คนที่ไม่ชอบหรือไม่เคยทำอาหาร เมื่อได้รับชมแล้วก็อาจทำให้อยากทำอาหารขึ้นมาได้เลย โดย 10 ช่อง Youtube ที่แนะนำจะแบ่งได้เป็น 

1. กับข้าวกับปลาโอ PlaoCooking

10 ช่องยูทูปสอนทำอาหาร

ช่องกับข้าวกับปลาโอเป็นช่องที่มีการเปิดมาหลายปี โดยมีการตัดต่อ Video ที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย และละเอียด ทำให้เป็นอีกหนึ่งช่องที่มีผู้ติดตามและเป็นแฟนคลับเยอะ 

2. กินได้อร่อยด้วย

“กินได้อร่อยด้วย” เป็นช่องที่แนะนำวิธีการทำอาหารอย่างละเอียด โดยจะบอกตั้งแต่วัตถุดิบ จำนวนวัตถุดิบที่ใช้ วิธีการหั่นวัตถุดิบที่ใช้ต่าง ๆ เช่น ผักหรือหมู ที่ถูกวิธี นอกจากนี้ยังมีการเสริมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับการทำอาหารอีกด้วย ด้วยความ Minimal ของการทำคลิปจึงทำให้มีผู้ติดตามในช่องทาง Youtube แล้วกว่า 3 ล้านผู้ติดตาม! 

3. KRUA dot CO

KRUA dot CO เป็นช่องที่มีการทำ Content ที่เกี่ยวกับอาหาร โดยจะมีตั้งแต่การสอนทำอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะกับทั้งของคาวและของหวาน, Vlogging ชิมอาหารจากหลาย ๆ ที่ รวมถึงการทำ Review การชิมอาหารร้านอาหารต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งเชฟที่อธิบายก็มีวิธีการบอกเล่าวิธีการทำรวมถึงเสริมมุกตลกต่าง ๆ ทำให้สามารถดูได้อย่างเพลิดเพลิน แถมยังได้ความรู้ในเรื่องอาหารอีกด้วย 

4. RUBSARB production

เป็นช่องที่รวมเอา Influencer ชั้นนำมารวมกันอย่าง อิสระ ฮาตะ และ จอร์จ ปรีโรจ์ เกษมศานติ์ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ทั้งความมันส์ ฮา และขาลุย โดยในช่องของ RUBSARB จะแบ่งออกได้หลาย Content จะมีตั้งแต่การเล่นเกม, ท่องเที่ยว และขาดไปไม่ได้คือการทำอาหาร ที่จะมีการชวนแขกรับเชิญมาร่วมในการชม และทำอาหารไปด้วย 

5. โชเล่ย์ ดอกกระโดน 

ช่องที่มาพร้อมกับสโลแกน “สวัสดีพี่น้อง อาหารใต้สไตล์โชเล่ย์” เป็นช่องที่มีการตัดต่อเรียบง่าย แต่เข้าใจง่าย มีการแนะนำอาหารหลากหลายสไตล์ โดยจะเน้นไปที่อาหารใต้ นอกจากนี้เมื่อมีการทำอาหารเสร็จมีการกินอาหารโชว์ท่านผู้ชมเพื่อเป็นอรรถรสอีกด้วย 

6. โหน่งโชว์

โหน่งโชว์เป็นช่องที่ถือเป็นช่องแรก ๆ ในการทำอาหารของวงการ Social Media ไทย มีการเสริมแทรกมุกตลกหน้านิ่ง ทำให้ถึงแม้เป็นคนที่ไม่ชอบทำอาหาร แต่ถ้าได้รับชม ต้องมีการอมยิ้มไปด้วยอย่างแน่นอน การทำอาหารก็มีการบอกรายละเอียดที่ชัดเจน จึงทำให้ยังเป็นช่องที่ได้รับการรับชมอย่างน้อยหลักแสนทุกครั้งต่อคลิป 

7. เชฟขวัญ EngiChef

เชฟขวัญ เป็นเชฟที่มีการเปิดช่อง Social Media เพื่อทำการสอนทำอาหารโดยเฉพาะ ทำให้สามารถมั่นใจในฝีมือของเชฟขวัญได้อย่างแน่นอน ในระหว่างทำก็มีการเสริมแทรกเกร็ดความรู้แบบรู้ลึกที่คนทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากเชฟที่คลุกคลีกับการทำอาหารอยู่ตลอดที่สามารถรู้ได้ 

8. รายการยอดเชฟไทย ในช่อง DenverThaiTV 

เป็นอีกหนึ่งช่องที่มีการสอนทำอาหารโดยเชฟมืออาชีพ จึงทำให้เป็นช่องที่ได้รับความนิยม เนื่องจากนอกจากจะได้วิธีการทำอาหารที่มืออาชีพแล้ว ยังได้รับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รวมถึงเทคนิคในการจัดอาหารให้ดูน่ารับประทานอีกด้วย 

9. Peaceful Cuisine 

รวมช่องยูทูปสอนทำอาหาร

เป็นช่องจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีการถ่ายทำออกมาได้ไม่เหมือนใคร คือการถ่ายวิดีโอออกมาให้ minimal มากที่สุด ไม่มีการพูดบรรยายใด ๆ แต่ถ่ายให้เห็นว่าต้องมีการใช้วัตถุดิบใดบ้าง และต้องมีเทคนิคในการหั่นหรือทำอาหารอย่างไร แต่หากใครที่ดูแล้วไม่เข้าใจว่าวัตถุดิบคืออะไร สามารถกดเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ description ของวิดีโอนั้น ๆ เพราะทางช่องจะมีการใส่รายละเอียดไว้ทั้งหมดโดยละเอียด 

10. Tasty 

เป็นอีกหนึ่งช่องจากทางต่างประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เนื่องจากคุณภาพของการถ่ายทำ ถ่ายออกมาให้ดูน่ารับชม น่ารับประทาน และน่าติดตาม จึงเป็นสาเหตุที่ครอบครองหัวใจของผู้รับชมได้เป็นอย่างดี 

สรุปบทความ 

จะเห็นได้ว่ามีช่อง Youtube มากมายที่มีการสอนทำอาหาร ที่นอกจากจะสอนแล้วยังมีการเสริมแทรกเกร็ดความรู้หรือเพิ่มความตลกเข้าไปในการสอนอีกด้วย ทำให้การดู youtube การทำอาหาร ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับที่หลาย ๆ คนคิด 

เครื่องล้างจาน ตัวช่วยทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องล้างจานช่วยประหยัดน้ำได้จริงไหม

เครื่องล้างจาน นับว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผ่อนงานครัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ลดความเหนื่อยล้าในการทำความสะอาด กระตุ้นความอยากในการเข้าครัวมากขึ้น เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาล้างจานเอง ทีนี้มาดูกันต่อว่าการใช้ เครื่องล้างจานอัตโนมัติ จะสามารถประหยัดน้ำได้จริงหรือไม่ หาคำตอบได้ที่นี่ 

เครื่องล้างจานช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการล้างปกติจริงไหม?

เครื่องล้างจานประหยัดน้ำได้มากกว่าการล้างปกติจริงไหม

เครื่องล้างจานโดยทั่วไป จะใช้น้ำประมาณ 10-13 ลิตรต่อการล้างหนึ่งครั้ง แต่การล้างจานปกติ ปริมาณน้ำที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการในล้างด้วย จึงอาจจะเทียบกันไม่ได้ อาจอยู่ที่ความเหมาะสมในการใช้งาน และความสะดวกสบายในการใช้งานของแต่ละคน

เครื่องล้างจานอัตโนมัติดีอย่างไร

เครื่องล้างจานอัตโนมัติดียังไง

เครื่องล้างจานอัตโนมัติ มีประโยชน์ในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของความสะอาด ที่สามารถทำความสะอาดได้ดีกว่าการล้างด้วยตัวเอง หรือแง่มุมสุขอนามัย ที่ตัวเครื่องสามารถล้างจานด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงที่สามารถฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังมีในแง่มุมของความสะดวกสบาย ที่ไม่ต้องทำการล้างจานด้วยตัวเองอีกด้วย  

ล้างสะอาดโดยไม่ต้องลงมือเอง

หนึ่งในสาเหตุต้น ๆ ที่ถูกใจและเป็นจุดขายของเครื่องล้างจานอัตโนมัติคือการที่สามารถทำความสะอาดได้โดยที่ไม่ต้องล้างจานด้วยตัวเอง เนื่องจากช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องลงแรงในการล้างเอง และยังได้จานที่สะอาดหมดจดอีกด้วย 

ป้องกันเชื้อโรค

เนื่องจากเครื่องล้างจานอัตโนมัติสามารถมีการปรับอุณหภูมิของน้ำที่นำมาล้างจานได้ ทำให้สามารถกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียที่ติดมากับจานได้ 

ทำความสะอาดได้หมดจด

หลายท่านอาจจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องล้างจานอัตโนมัติว่าสามารถทำความสะอาดได้ดีกับที่ล้างได้ด้วยตนเองหรือไม่ แต่ถ้าเข้าใจระบบกลไก การทำงานของตัวเครื่อง จะสามารถบอกได้ทันทีว่าสะอาดกว่าการล้างด้วยตัวเองแน่นอน เนื่องจากตัวเครื่องไม่ได้ล้างจานด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ แต่จะล้างด้วยอุณหภูมิที่สูง ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ดี และขจัดคราบมันได้อีกด้วย 

ใช้ในโรงแรมและร้านอาหารได้ดี

เนื่องจากโรงแรมและร้านอาหาร อาจมีข้อจำกัดในเรื่องที่ต้องมีการใช้จานบ่อย เนื่องจากที่มีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้องมีการล้างจานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เครื่องล้างจานอัตโนมัติจึงเป็นการตอบโจทย์กับปัญหาดังกล่าว เพราะสามารถล้างได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถล้างสะอาดกว่าที่ล้างด้วยตนเอง 

ช่วยประหยัดน้ำ

หลายท่านอาจสงสัยว่า เครื่องล้างจานเกี่ยวอะไรกับการช่วยประหยัดน้ำ? ซึ่งแท้จริงแล้ว สามารถช่วยประหยัดน้ำไปได้มาก หากลองสังเกตพฤติกรรมการล้างจานของแต่ละท่าน บางท่านอาจมีการเปิดใช้น้ำบ่อยครั้ง แทบจะทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการนำจาน ชาม แช่น้ำเพื่อให้สามารถล้างคราบได้ง่ายขึ้น หรือเปิดช่วงระหว่างขั้นตอนการล้างจาน ซึ่งในการเปิดน้ำทิ้งไว้ เมื่อรวมกันแล้ว จะทำให้มีการใช้ปริมาณน้ำที่มากกว่าเครื่องล้างจานอัตโนมัติอย่างแน่นอน  

โดยได้มีข้อพิสูจน์มาแล้วว่าการใช้เครื่องล้างจานอัตโนมัติจะใช้น้ำราว ๆ 10-14 ลิตร ในขณะที่ล้างด้วยมือจะใช้น้ำถึง 40 ลิตร ทำให้จึงเป็นอีกประโยชน์ที่เครื่องล้างจานอัตโนมัติให้มา 

สรุปบทความ 

เครื่องล้างจานอัตโนมัติเป็นเครื่องที่ถูกประดิษฐ์ออกมาเพื่อช่วยทุ่นแรง แต่ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างจาน ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการล้างจานจากมนุษย์อีกด้วย เนื่องจากเครื่องล้างจานอัตโนมัติมีการใช้น้ำร้อนในการฆ่าเชื้อโรค, แบคทีเรีย จึงทำให้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในร้านอาหาร ภัตตาคารต่าง ๆ เนื่องจากมีการทำความสะอาดที่รวดเร็ว และในอนาคตหากมีการปรับราคาออกมาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน อาจทำให้เครื่องล้างจานอัตโนมัติเป็นเครื่องมือที่ต้องมีติดไว้ทุกบ้าน 

นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ประหยัดน้ำได้อีกด้วย ทำให้ช่วยลดการใช้น้ำโดยใช่เหตุ รวมถึงยังสามารถประหยัดค่าน้ำได้อีก

บีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขม

บีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขม

ในบางครั้งการ บีบมะนาว แทนที่จะมีรสเปรี้ยวแต่มีรสชมแถมมาด้วย จึงทำให้ความอร่อยของมะนาวดร็อปลงมากๆ เวลาจะนำไปปรุงอะไรก็อาจเสียรสชาติได้ ดังนั้นมาดูเคล็ดลับกันเลยดีกว่าว่าบีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขมโดยจะมี 5 เคล็ดลับด้วยกัน

มะนาว วัตถุดิบสำคัญที่อยู่คู่กับอาหารไทย

มะนาว นับว่าเป็นวัตถุดิบที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยมักจะให้รสเปรี้ยวเพื่อชูรสชาติอาหารไทยให้โดดเด่น สร้างความเปรี้ยวแซ่บ จี๊ดจ๊าดได้ถึงใจ แน่นอนว่ายังสามารถสร้างความสดชื่น ลืมตาตื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย มะนาวยิ่งนำไปปรุงกับอาหารไทยจะสามารถเพิ่มมิติของรสชาติให้หลากหลายได้มากอีกด้วย

5 เคล็ดลับบีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขม

5 เคล็ดลับบีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขม

ทีนี้ทุกคนคงจะรู้แล้วว่ามะนาวนับว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญที่อยู่คู่กับอาหารไทยแทบจะทุกเมนูเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถเพิ่มรสชาติเปรี้ยวให้รู้สึกจี๊ดจ๊าดขึ้นมาได้นั่นเอง ทีนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรารีบตามกันไปดูเลยดีกว่าว่า 5 เคล็ดลับบีบมะนาวอย่างไรไม่ให้ติดรสขมบ้าง

1. คลึงมะนาวก่อนบีบ

โดยการคลึงมะนาวก่อนบีบ ทำเพื่อให้เยื่อหุ้มในผลมะนาวผลิตน้ำออกมาได้มากขึ้น รวมถึงทำให้ผิวของมะนาวนุ่มขึ้น 

2. อุ่นมะนาวในชามที่มีน้ำ

สำหรับเทคนิคนี้มีหลักสำคัญคือการทำให้ผลมะนาวมีความนิ่มขึ้น โดยนำเอาน้ำอุ่น (หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเดือด) มาใส่ในชามขนาดเล็ก-กลาง และนำมะนาวใส่ลงไปในชาม ทิ้งไว้ประมาณ 20-40 นาที และเมื่อครบเวลา จะสังเกตได้ว่าผลมะนาวจะมีความนิ่มขึ้น ก็เป็นอันว่าสามารถนำมาใช้บีบได้แล้ว 

3. อุ่นมะนาวในเตาไมโครเวฟ

หลายท่านอาจเคยเจอปัญหาที่เมื่อทิ้งมะนาวไว้ในตู้เย็นนาน ๆ จะทำให้เปลือกแข็งและท้ายที่สุด จะทำให้บีบยากกว่าปกติ วิธีการอุ่นมะนาวในไมโครเวฟจะช่วยให้ผลมะนาวนิ่มขึ้น ข้อดีคือเมื่อเปลือกนิ่มขึ้น ก็จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบีบแรง สามารถบีบได้ตามเทคนิคที่ทำให้มะนาวขมน้อยลงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง  

โดยการอุ่นมะนาวในไมโครเวฟ ใช้เวลาเพียง 10-20 วินาทีก็จะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ 

4. ใช้ส้อมจิ้มเพื่อคั้นน้ำมะนาว

ใช้ส้อมจิ้มเพื่อคั้นน้ำมะนาว

วิธีนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการที่หั่นมะนาวเป็นครึ่งซีกในแนวขวาง หลังจากนั้นให้นำส้อมจิ้มลงไปในเนื้อมะนาว และทำการบีบมะนาว เมื่อน้ำมะนาวเริ่มไหล ก็ให้ทำการเปลี่ยนตำแหน่งของส้อมไปเรื่อย ๆ ด้วยการหมุนส้อม  

สาเหตุที่วิธีนี้นิยมเป็นเพราะแรงกดของส้อมจะช่วยให้เยื่อหุ้มของผลมะนาวไหลออกมาได้ดีขึ้นนั่นเอง 

5. หั่นมะนาวตามแกน

ในการหั่นมะนาว สามารถหั่นได้หลายแบบ เช่น หั่นตามแกน หั่นครึ่ง หั่นแบบเป็นซีก ฯลฯ แต่การหั่นตามแกนถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถผลิตน้ำมะนาวออกมาได้มากที่สุด โดยจะสามารถหั่นออกมาได้ 3-4 ซีก  

สรุปบทความ 

ก็จบกันไปแล้วกับเคล็ดลับการบีบมะนาวไม่ให้ขม เพียงแค่นี้เวลาเข้าครัวไม่ว่าทำเมนูอาหารอะไรก็อร่อยได้รสชาติมะนาวในแบบที่ควรจะเป็น สำหรับบทความนี้ก็ขอลากันไปก่อน Tecnogas มีคอนเทนต์ดีๆ ให้ติดตามอีกมากห้ามพลาดเป็นอันเด็ดขาด และยิ่งห้ามพลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ เครื่องครัวยุโรป ที่ทาง Tecnogas มีขาย การันตีคุณภาพและความสวยงามของเครื่องครัวสามารถเข้าได้หลากหลายสไตล์ สามารถตามมาส่องที่หน้าเว็บกันได้เลย

ใช้งานเตาแก๊สอย่างไรให้ปลอดภัย

วิธีการใช้งานเตาแก๊ส

เตาแก๊ส นับว่าเป็นเครื่องครัวที่ต้องมีติดบ้านอยู่เสมอ ยิ่งเป็นคนเข้าครัวหนักๆ แล้วการเลือกใช้เตาแก๊สจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเร่งไฟหรือลดไฟได้ทันใจ แต่ทีนี้การใช้เตาแก๊สก็สามารถเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้นก็ควรที่จะมาเรียนรู้วิธีการใช้เตาแก๊สให้ปลอดภัยกัน

ประเภทของเตาแก๊สที่ควรรู้

เตาแก๊สนั้นมีหลากหลายประเภท ก่อนใช้งานจึงควรต้องรู้จักเตาแก๊สแต่ละประเภทก่อน เพื่อให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

เตาแก๊สที่แบ่งตามการติดตั้ง

ประเภทของเตาแก๊ส

1. เตาแก๊สแบบตั้งพื้น 

เป็นเตาแก๊สแบบดั้งเดิม ที่มีประวัติการใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยเป็นเตาที่ตั้งกับพื้น ถือเป็นเตาที่ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังงานเมื่อเทียบกับเตาแก๊สประเภทอื่น แต่ก็แลกมาด้วยข้อดีคือง่ายต่อการเคลื่อนย้าย 

2. เตาแก๊สแบบสไลด์อิน 

เป็นเตาแก๊สที่มีการติดตั้งอยู่ในห้องครัว ทำให้ดูทันสมัยและเรียบหรู ง่ายต่อการใช้งาน 

3. เตาแก๊สแบบตั้งอิสระ 

เป็นเตาแก๊สแบบที่ไม่ต้องติดตั้งกับส่วนใด ๆ ในห้องครัว สามารถเคลื่อนย้ายได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารในที่กลางแจ้ง  

เตาแก๊สที่แบ่งตามหัวเตา

1. เตาแก๊สหัวเหล็ก / ทองเหลือง 

เป็นหัวเตาแก๊สที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป เพราะเป็นหัวเตาที่นิยมใช้มากที่สุด ง่ายต่อการทำความสะอาด แต่หากไม่ทำความสะอาดบ่อยครั้ง อาจทำให้หัวเตาตันได้ 

2. เตาแก๊สเหล็กหล่อแรงดันสูง 

หรือที่รู้จักกันในนาม “เตาแก๊สหัวฟู่” เป็นหัวเตาแก๊สที่ เหมาะกับการทำอาหารที่ต้องใช้ไฟแรง จะทำให้ไม่เหมาะกับมือใหม่ เนื่องจากจะมีเปลวไฟแรง 

3. เตาแก๊สหัวทองเหลือง 

เป็นเตาแก๊สแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง  

4. ตัวแก๊สหัวอินฟราเรด 

เป็นหัวเตาแก๊สที่ไม่มีเปลวไฟ จึงทำให้มีข้อดีคือก้นหมอหรือก้นกระทะจะไม่มีรอยดำ แต่ข้อเสียคือจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าหัวเตาแก๊สประเภทอื่น ๆ

5 วิธีการใช้งานเตาแก๊สให้ปลอดภัย

วิธีการใช้งานเตาแก๊ส

1. ห้ามวางวัตถุติดไฟง่ายอยู่ใกล้เตาแก๊ส

เนื่องด้วยความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ควรงดนำสิ่งของที่ติดไฟง่ายอยู่ใกล้เตาแก๊ส โดยวัตถุติดไฟง่ายมีอยู่หลายอย่าง ที่อาจเป็นไปได้สามารถแบ่งได้เป็น 

ผ้าเช็ดมือ/ผ้าขี้ริ้ว ในบางครั้งหากมีการใช้ผ้าขี้ริ้วในบริเวณใกล้ๆกับเตาแก๊ส ต้องห้ามเผลอนำไปใกล้เด็ดขาดเพราะถ้าหากมีการรั่วไหลและการประกายไฟต่าง ๆ ผ้าขี้ริ้วจะสามารถติดไฟได้ง่ายและอาจลามไปทำให้ส่วนอื่น ๆ ไฟไหม้ตามไปด้วย 

ธูปเทียน ในประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ไม่แปลกที่จะต้องมีธูปเทียนติดบ้านอยู่เป็นปกติ และในบางครั้งเมื่อมีการไหว้เสร็จ อาจเผลอทิ้งไว้ใกล้ ๆ เตาแก๊ส ดังนั้นต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก 

ปลั๊กไฟ หรือ ปลั๊กพ่วง หากการเกิดลัดวงจรของไฟฟ้า และมีประกายไฟออกมา อาจทำให้เตาแก๊สระเบิดได้  

2. บริเวณที่วางเตาแก๊สไม่ควรมีลมพัดแรง

สาเหตุที่ไม่ควรตั้งเตาแก๊สในที่ที่มีลมพัดแรง เนื่องจากลมที่พัดอาจพัดจนทำให้แก๊สดับหรือไม่สม่ำเสมอได้ และจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานรวมถึงทำให้เสียเวลาในการทำอาหารอีกด้วย 

3. ทำความสะอาดเตาแก๊สอยู่เสมอ

หลายท่านอาจเคยสงสัยว่า ทำไมเตาแก๊สที่บ้านไฟไม่แรง โดยทั่วไปอาจเกิดจากการที่แก๊สใกล้หมด แต่หนึ่งในสาเหตุที่คนมักมองข้ามและพบเจอได้บ่อย คือการไม่ทำความสะอาดเตาแก๊ส จนทำให้เตาแก๊สเกิดคราบมัน คราบสกปรกหมักหมม  หรือเป็นตะกอน ทำให้มีการอุดตัน และส่งผลให้ไฟออกมาเบาได้  

รวมถึงการที่ไม่ทำความสะอาดเตาแก๊ส อาจทำให้ก้นกระทะหรือหม้อมีคราบดำได้อีกด้วย 

4. ห้ามเปิดเตาแก๊สทิ้งไว้โดยไม่มีใครเฝ้า

เวลาที่เปิดเตาแก๊ส ต้องมีคนอยู่เฝ้าเสมอ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้สิ่งของรอบข้างติดไฟ อาจลามไปจนทำให้บ้านไฟไหม้ได้ ซึ่งถ้าหากมีคนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด หากมีเหตุไม่ปกติ ก็จะสามารถเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที 

5. ตรวจเช็กดูอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย

เตาแก๊ส ประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ มากมาย เช่น หัวเตาแก๊ส, ท่อ, ถัง ฯลฯ ควรหมั่นตรวจเช็กชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีการชำรุด หรือ รั่วไหล เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน 

สรุปบทความ 

เตาแก๊สอาจเป็นเรื่องที่ห่างไกลสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการทำอาหาร แต่อย่างน้อยทุกคนควรจะมีความรู้พื้นฐานของเตาแก๊สเพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ และ ความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เตาแก๊สได้ เพื่อที่จะสามารถรับมือได้ถูก รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการใช้เตาแก๊สแบบผิดวิธีได้

รวมเมนูคลายร้อน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่หน้าร้อน

รวมเมนูคลายร้อน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่หน้าร้อน

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนแน่นอนว่าการเลือกของหวานหรือน้ำดื่มเย็นๆ เพื่อดับความร้อนคืออะไรที่ตอบโจทย์ หากใครคิดเมนูไม่ออกไม่รู้จะทานอะไรดี ต้องห้ามพลาดกับทาง Tecnogas ที่มาชี้เป้าของหวานและเครื่องดื่มสุดแสนอร่อย สามารถเพิ่มความสดชื่นได้อย่างเต็มที่ และบางอย่างก็ดีต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านด้วยกันดีกว่าว่า เมนูคลายร้อน มีอะไรบ้าง

10 เมนูคลายร้อน รับรองอร่อยและสดชื่น

สำหรับ เมนูคลายร้อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรือของหวานต้องบอกว่ามีความอร่อยเป็นอย่างมาก แต่ละอย่างสามารถเติมเต็มความชอบของแต่ละคนได้อย่างแน่นอน โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้

1. เฉาก๊วยนมสด

เฉาก๊วยนมสดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเป็นเมนูที่ผสมเอาเฉาก๊วย กับ นมสด ซึ่งเมื่อหลายคนได้ยินครั้งแรกอาจจะมองว่าไม่สามารถเข้ากันได้ แต่เมื่อได้ลองชิมแล้ว เชื่อว่าจะติดใจอย่างแน่นอน 

โดยจะมีส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ถือเฉาก๋วยหั่วเต๋า และแบ่งส่วนผสมได้เป็นอีก 2 ส่วนคือ 

1. ส่วนผสมคาราเมล 

จะสามารถแบ่งส่วนผสมได้เป็นน้ำตาลแดงและน้ำตาลอ้อย 

2. ส่วนผสมนมสด 

ประกอบไปด้วยนมสดและครีมเทียมพร่องมันเนย 

2. บิงซู

บิงซู

บิงซูเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 ปีหลัง เนื่องจากเป็นเมนูที่มีความคล้ายคลึงกับน้ำแข็งไส แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องของ Topping ซึ่งบิงซูเป็นเมนูที่เหมาะกับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้มีความสดชื่นจากการที่ส่วนผสมหลักจะเป็นน้ำแข็งบด โดยส่วนผสมนั้นจะขึ้นอยู่กับ Topping ที่ต้องการ แต่ส่วนผสมหลักที่ขาดไม่ได้คือน้ำแข็งบด

3. น้ำแข็งไส

น้ำแข็งไส จะสามารถพบเจอได้ง่าย มีขายตามตลาดแทบจะทุกตลาด ดังนั้นจึงเป็นเมนูที่เป็นที่นิยมมากในทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญที่สุดคือสามารถทำได้ด้วยตัวเอง  

4. ลอดช่อง

ขนมไทยโบราณ เป็นเมนูที่มีมานาน และไม่ว่าจะผ่านมีกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังถือว่าได้รับความนิยมอยู่ โดยตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้าใส่ใบเตยสีเขียวมีลักษณะเป็นเส้น โดยผสมกับน้ำกะทิรวมกับน้ำแข็ง ทำให้คนที่รับประทานจะมีความสดชื่น 

5. ลูกตาลลอยแก้ว

เป็นเมนูของหวานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีส่วนผสมหลักเป็นลูกตาล, น้ำเปล่า, น้ำตาลทรายแดง และ ใบเตย พร้อมใส่น้ำแข็งเย็นๆ เหมาะกับการกินในหน้าร้อน

6. ไอศกรีมกะทิ

ไอศกรีมกะทิ

ไอศกรีมกะทิ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถหาซื้อได้ง่าย หรือถ้าใครมีความต้องการอยากจะลองทำเอง  

มีส่วนผสมคือ 

  • กะทิ 500 ml  
  • น้ำตาลทราย 115 กรัม 
  • เกลือป่น 
  • ถั่วลิสงคั่ว  
  • แป้งข้าวโพด 2-3 ช้อนตวง 
  • กลิ่นวานิลาเพื่อเพิ่มความหอมมัน 1 ช้อนชา 

7. เต้าหู้ฟรุตสลัด

เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนชอบของหวานและชอบกินของหลากหลายในเมนูเดียว เนื่องจากมีการนำผลไม้ต่าง ๆ มาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดความหลากหลายและมากรสชาติ มีส่วนผสมในส่วนผลไม้คือกีวี่หั่นเต๋า, แก้วมังกรหั่นเต๋า นอกจากนี้ส่วนผสมที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเมนูนี้คือ “ฟรุตสลัด”  

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ใส่เพื่อทำการเติมเต็มเมนูให้มีความกลมกล่อมมากขึ้นอีกเช่น น้ำเปล่า, นมสด, ผงวุ้น, กลิ่นมะลิ ฯลฯ โดยส่วนผสมจะสามารถปรับได้ตามรสนิยมความชอบของแต่ละบุคคล หากคนที่ชอบหวานมากอาจใส่นมข้นหวานเพิ่ม หรือหากคนที่ไม่ชอบกินหวานก็อาจจะงดหรือลดปริมาณนมข้นหวาน รวมไปถึงส่วนผสมอื่น ๆ สามารถปรับได้เช่นกัน 

8. น้ำกระเจี๊ยบ

น้ำกระเจี๊ยบเป็นน้ำที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้ร่างกายสดชื่น เนื่องจากมีกรดซิตริกอยู่ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณที่ช่วยลดความดัน ลดความเหนียวของเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น จะเห็นได้เป็นเมนูที่นอกจากจะทำให้คลายร้อนได้แล้ว ยังมีประโยชน์รอบด้านอีกด้วย  

โดยส่วนผสมคือดอกกระเจี๊ยบแห้ง, น้ำเปล่า, เกลือป่นและน้ำตาลทราย 

9. น้ำลิ้นจี่ปั่น

หากใครที่มีการชื่นชอบลิ้นจี่เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว น้ำลิ้นจี่ปั่นถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่านอกจากจะทำให้สดชื่นแล้ว ยังได้รับรสชาติของลิ้นจี่อย่างสะใจกันเลยทีเดียว  

แน่นอนว่าเมื่อเมนูคือ”น้ำลิ้นจี่ปั่น” ส่วนผสมหลักของเมนูนี้ก็จะต้องเป็นลิ้นจี่ และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือน้ำแข็งบดและน้ำเชื่อม โดยนอกจากนี้หากใครที่ต้องการเพิ่มความฟินมากขึ้นไปอีก สามารถใส่เนื้อลิ้นจี่ลงไปได้อีกด้วย  

10. แดงมะนาวโซดา

น้ำแดงมะนาวโซดา นอกจากจะทำให้สดชื่นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือสามารถทำได้ด้วยตัวเอง มีวิธีการทำที่ไม่ยาก โดยเตรียมเพียงน้ำแดง 100 ml, มะนาว 15 ml และโซดา 250 ml มาเทรวมกันใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง จากนั้นคนให้เข้ากัน ก็จะได้น้ำแดงมะนาวโซดาออกมาแล้ว โดยส่วนผสมของน้ำแดงมะนาวโซดาจะไม่มีสูตรที่ตายตัว อาจมีการปรับเปลี่ยนปริมาณของส่วนผสมได้ตามรสนิยม 

สรุปบทความ 

สำหรับ เมนูคลายร้อน เหล่านี้ สามารถทำได้ง่ายๆที่ ห้องครัว บ้านของคุณ โดยแต่ละอย่างนั้นทำได้ง่ายๆ เหมาะเป็นเมนูคลายร้อนแบบสุดๆ สามารถทานสลับสับเปลี่ยนกันได้อย่างไม่มีเบื่อ สุดท้ายนี้บทความนี้ก็ขอลากันไปก่อน บทความครั้งหน้าจะมีเมนูอะไรอร่อยๆ บ้างนั้นสามารถตามอ่านได้ที่นี่เลย

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310