แจก 5 สูตรหมักหมูนุ่ม เอาใจสายหมูกระทะและชาบู

แจก 5 สูตรหมักหมูนุ่ม เอาใจสายหมูกระทะและชาบู
สายหมูกระทะและชาบูที่อยากกินหมูนุ่ม ๆ มารวมกันตรงนี้! Tecnogas เชื่อว่าคงจะมีหลายคนที่เคยไปกินหมูกระทะหรือชาบูแล้วเจอเนื้อหมูที่เหนียวจนกลืนไม่ลงและทำให้การกินอาหารมื้อนั้นไม่อร่อยกันอยู่บ้าง แน่นอนว่าในวันนี้ Tecnogas จะพาคุณมาหมักหมูนุ่มด้วยสูตรหมักหมูที่เหมาะสำหรับการทานหมูกระทะและชาบู แต่ก่อนจะไปดูว่ามีสูตรใดที่ถูกใจคุณบ้าง เราขอแนะนำเคล็ดลับการเลือกเนื้อหมูมาหมักหมูนุ่มให้คุณได้ทราบกันก่อน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

เคล็ดลับการเลือกเนื้อหมูมาหมักหมูนุ่ม

  • เลือกเนื้อหมู
เริ่มต้นด้วยการเลือกเนื้อหมูที่สดใหม่ และถูกสุขลักษณะ โดยเนื้อหมูจะต้องมีสีแดงอมชมพูเป็นธรรมชาติ ไม่มีสีเขียวคล้ำ หรือเม็ดขาว ๆ นอกจากนี้จะต้องไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า และเมื่อใช้นิ้วกดลงไป เนื้อหมูจะต้องเด้งคืนตัวขึ้นมา ไม่เป็นรอยบุ๋ม
  • ชิ้นส่วนที่นำมาใช้หมักหมูนุ่ม
สำหรับชิ้นส่วนที่เหมาะกับการนำมาหมักหมูนุ่ม จะต้องเลือกชิ้นส่วนที่มีมันแทรก และมีความชุ่มฉ่ำ โดยชิ้นส่วนที่นิยมใช้ได้แก่ สันคอ, สันนอก, และสามชั้น
  • วิธีหั่นเนื้อหมู
ต้องหั่นขวางตามแนวกล้ามเนื้อ หรือหากเป็นชิ้นใหญ่ก็ควรจะหั่นเป็นไว้ก่อน เพื่อให้น้ำหมักสามารถซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้อย่างทั่วถึงและทำให้เนื้อหมูนุ่ม
  • ระยะเวลาในการหมัก
การหมักหมูนุ่มในเวลาที่เหมาะสม จะทำให้น้ำหมักหรือเครื่องปรุงต่าง ๆ ซึมเข้าเนื้อหมูได้อย่างทั่วถึง โดยจะใช้เวลาในการหมักอย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

5 สูตรหมักหมูนุ่มแสนอร่อย ตอบโจทย์ทั้งสายหมูกระทะ และสายชาบู

1.สูตรหมักหมูน้ำมันงา

1.สูตรหมักหมูน้ำมันงา เริ่มจากการนำน้ำมันงา ½ ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง และงาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับเนื้อหมูสไลด์ 500 กรัม คลุกเคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี แล้วหมักทิ้งไป 1 ชั่วโมง

2.สูตรหมักหมูน้ำผึ้ง

2.สูตรหมักหมูน้ำผึ้ง โขลกพริกไทย รากผักชี และกระเทียมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ซอสปรุงรส 5 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 5 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเนื้อหมู นวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็จะได้เนื้อหมูที่มีความนุ่ม และมีรสหวานกลมกล่อมจากน้ำผึ้งแล้ว

3.สูตรหมักหมูหม่าล่า

3.สูตรหมักหมูหม่าล่า สูตรหมักหมูหม่าล่า เป็นสูตรที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ด้วยรสชาติเผ็ดชาที่เป็นเอกลักษณ์ของหม่าล่า ทำให้สามารถทานได้เรื่อย ๆ โดยไม่เลี่ยน สำหรับวิธีหมักหมูนุ่มหม่าล่าให้เริ่มจากการเตรียมซอสหม่าล่า 2 ช้อนโต๊ะ นมข้นจืดหรือหัวกะทิ 3 ช้อนโต๊ะ เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา น้ำสะอาด 2-3 ช้อนโต๊ะ และเนื้อหมู 500 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เท่านี้ก็จะได้เนื้อหมูหมักซอสหม่าล่าสำหรับทานหมูกระทะแล้ว

4.สูตรหมักหมูย่างเกาหลีซอสโคชูจัง

4.สูตรหมักหมูย่างเกาหลีซอสโคชูจัง มาถึงสูตรหมักหมูนุ่มที่เอาใจสายเกาหลีกันสักหน่อยกับการหมักหมูนุ่มเกาหลีซอสโคชูจัง โดยเริ่มจากการเตรียมส่วนผสมสำหรับซอสโคชูจัง ได้แก่ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ พริกโคชูจัง 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา ¼ ถ้วย และน้ำเปล่า ½ ถ้วย จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน จากนั้นนำเนื้อหมู 500 กรัม มาผสมและหมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

5.สูตรหมักหมูนมสด

5.สูตรหมักหมูนมสด มาถึงสูตรสุดท้ายซึ่งเป็นสูตรที่หลายคนชื่นชอบ กับสูตรหมักหมูนุ่มนมสด โดยเริ่มจากการใส่นมสดจืด ผงฟู ½ ช้อนชา เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา และพริกไทยกับกระเทียมที่โขลกไว้ ลงไปขยำกับเนื้อหมู 1 กิโลกรัมแล้วพักทิ้งไว้ จากนั้นใส่ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำหวาน 1/2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรสฝาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกลือ 1 ช้อนชา มาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นหมักทิ้งไว้ 1 คืน หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 สูตรหมักหมูนุ่มที่ Tecnogas นำมาแบ่งปันกันในวันนี้ ใครที่อยากทานหมูกระทะหรือชาบูให้อร่อยขึ้นก็สามารถนำสูตรเหล่านี้ไปลองหมักหมูนุ่มกันได้เลย รับรองว่าเนื้อหมูของคุณจะนุ่มขึ้นอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาเครื่องครัวดีไซน์ทันสมัย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบาย ก็อย่าลืมนึกถึง Tecnogas เพราะเราผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพ และแข็งแรงทนทาน ที่สำคัญคือได้รับมาตรฐานสากล โดยมีสินค้าให้คุณเลือกหลากหลาย ทั้งเตาแก๊ส เตาอบ อ่างล้างจาน เครื่องล้างจาน และเครื่องดูดควัน ให้คุณเลือกซื้อไปใช้งานในห้องครัวได้อย่างครบครัน

4 เมนูไมโครเวฟสไตล์เด็กหอ ทำง่าย

4 เมนูไมโครเวฟสไตล์เด็กหอ ทำง่าย
การทำอาหารด้วยเตาแก๊สเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในหอพักหรือคอนโดฯ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้กลายเป็นอุปสรรคในการทำอาหารทานด้วยตัวเองอย่างมาก แต่ไม่ต้องกังวลไป! เพียงแค่มีเตาอบไมโครเวฟ รุ่น TNP MG 820 LBS จาก Tecnogas มาเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำอาหาร สำหรับคนที่ยังคิดไม่ออกว่า เมนูอะไรที่สามารถใช้ไมโครเวฟเป็นเครื่องครัวหลักในการทำได้บ้างก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Tecnogas รวมเมนูไมโครเวฟที่มีวิธีทำแสนง่ายมาให้แล้ว

แจกสูตร 4 เมนูไมโครเวฟสไตล์เด็กหอ

1.ไข่ตุ๋นหมูสับ

1.ไข่ตุ๋นหมูสับ เริ่มด้วยเมนูไมโครเวฟที่สามารถทำได้ง่าย ๆ และเหมาะสำหรับการทานในตอนเช้าอย่างเมนูไข่ตุ๋นหมูสับ โดยเริ่มจากการเตรียม ไข่ไก่ หมูสับ ซีอิ๊วขาว เกลือ พริกไทย น้ำเปล่า และต้นหอมซอย ในส่วนของวิธีทำให้ตอกไข่และเติมน้ำเปล่า รวมถึงเครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นนำเข้าเตาอบไมโครเวฟ ปรับไปที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ (Medium Low) ประมาณ 7-10 นาที เมื่อไข่ตุ๋นได้ที่แล้วให้โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย หรือหมูสับที่เหลืออยู่

2.มันบดไมโครเวฟ

2.มันบดไมโครเวฟ มีมันฝรั่งเหลืออยู่ ก็ต้องลองเอามาทำเมนูมันบดเนื้อเนียนนุ่มด้วยไมโครเวฟ สำหรับส่วนผสมที่ต้องเตรียมได้แก่ มันฝรั่ง เนยสดชนิดเค็ม นมสดรสจืด เกลือป่นและพริกไทยสำหรับปรุงรส สำหรับวิธีทำให้เริ่มจากการนำมันฝรั่งมาล้างและปอกเปลือกออกจนหมด จากนั้นใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว และนำเข้าอบในไมโครเวฟด้วยไฟแรงประมาณ 5-7 นาที อันดับต่อไปให้ใช้ส้อมหรือกระชอนตาถี่บดมันฝรั่งให้ละเอียดขณะร้อน ๆ ใส่เนยและนมสดลงไปคนให้เข้ากัน ใส่เกลือหรือพริกไทยเพื่อปรุงรสให้กลมกล่อมขึ้น เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว 

3.มัฟฟินข้าวโอ๊ตไร้แป้ง

3.มัฟฟินข้าวโอ๊ตไร้แป้ง มาต่อกันที่เมนูไมโครเวฟสุด Healthy กับเมนูมัฟฟินข้าวโอ๊ตไร้แป้ง สำหรับวัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีแค่ 6 อย่างเท่านั้น ได้แก่ ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมสุกบดละเอียด ผงไมโล นมจืด ผงฟูและเกลือป่นเล็กน้อย เริ่มด้วยการผสมกล้วยหอม ข้าวโอ๊ต ผงฟู เกลือ ผงไมโล และนมสดเข้าด้วยกัน ตัดส่วนผสมใส่ถ้วย นำเข้าอบด้วยไฟ Medium High ครั้งที่ 1 ประมาณ 4 นาที แล้วพักไว้ 1 นาที จากนั้นอบครั้งที่ 2 อีก 3 นาที แล้วนำออกมาพักให้เย็นลง จะนำมาทานเปล่า ๆ หรือทานคู่กับนมสดก็อร่อยไม่แพ้กัน

4.พิซซ่าโฮมเมดแบบง่าย ๆ

4.พิซซ่าโฮมเมดแบบง่าย ๆ ใครว่าไมโครเวฟจะไม่สามารถทำอาหารอิตาเลียนได้ต้องมาลองเมนูไมโครเวฟที่ไม่ธรรมดากับเมนูพิซซ่าโฮมเมด โดยให้เตรียมซอสมะเขือเทศสำหรับทำพิซซ่าหรือซอสที่ใช้กันทั่วไป ชีส แฮม ไส้กรอก ปูอัด หอมใหญ่ สับปะรด เบคอน หรือเครื่องพิซซ่าอื่น ๆ ตามชอบ เริ่มจากการนำซอสมะเขือเทศทาบนขนมปัง แป้งโรตี หรือแครกเกอร์ โรยชีสและท็อปปิ้งต่าง ๆ ลงไป แล้วนำเข้าอบในไมโครเวฟด้วยไฟแรงประมาณ 2 นาที 

เลือกเตาอบคุณภาพ ฟังก์ชันครบ จะเมนูไมโครเวฟไหน ๆ ก็ทำได้สบาย ๆ

แน่นอนว่าสำหรับการทำเมนูไมโครเวฟ อุปกรณ์เครื่องครัวที่สำคัญที่สุดก็คงไม่พ้นเตาอบไมโครเวฟ ซึ่งหากคุณเลือกไมโครเวฟที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบครันและหลากหลาย รวมถึงมีคุณภาพดีและได้รับมาตรฐานสากล คุณก็จะสามารถใช้งานไมโครเวฟได้อย่างสะดวกสบาย  เตาอบไมโครเวฟ รุ่น TNP MG 820 LBS จาก Tecnogas (1) และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกไมโครเวฟยี่ห้อหรือรุ่นไหนดี เราขอแนะนำ เตาอบไมโครเวฟ รุ่น TNP MG 820 LBS จาก Tecnogas ที่มีโปรแกรมให้เลือกใช้งานถึง 8 โปรแกรม มาพร้อมจานแก้วหมุนขนาดใหญ่ และระบบ Safety Child Lock ที่ช่วยเรื่องความปลอดภัย  และทั้งหมดนี้ก็คือเมนูไมโครเวฟทั้ง 4 เมนูที่ Tecnogas ได้รวบรวมมา สำหรับเด็กหอหรือชาวคอนโดคนไหนที่อยากทำอาหารอร่อย ๆ ทานด้วยตัวเองก็สามารถนำสูตรเมนูไมโครเวฟทั้ง 4 เมนูที่เรารวบรวมมานี้ไปลองทำกันได้เลย รับรองว่า อร่อยและรวดเร็วแน่นอน! และสุดท้าย หากคุณกำลังหาซื้อไมโครเวฟคุณภาพดีมาใช้งานอยู่ Tecnogas ขอแนะนำเตาอบไมโครเวฟ รุ่น TNP MG 820 LBS จาก Tecnogas ซึ่งเป็นรุ่นที่มีฟังก์ชันหลากหลายในเครื่องเดียว เหมาะกับการใช้งานในหอพักหรือคอนโดสุด ๆ ซึ่งนอกจากรุ่นนี้แล้ว เรายังมีอีกหลากหลายรุ่นให้คุณเลือกซื้อได้ตามต้องการ

5 เทคนิคทำอาหารสไตล์ยุโรป

5 เทคนิคทำอาหารสไตล์ยุโรป
เวลาดูรายการทำอาหาร เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเหล่าเชฟมืออาชีพถึงมีวิธีประกอบอาหารให้อร่อยได้ทุกเมนู ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคการทำอาหารที่เหล่าเชฟใช้ก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก หรือต้องใช้เครื่องครัวแปลก ๆ อย่างที่เราคิดกัน แน่นอนว่าในวันนี้ Tecnogas จะพาทุกคนมาเรียนรู้ 5 เทคนิคการทำอาหารแบบมืออาชีพ ให้คุณทำอาหารอร่อย และเซียนเหมือนเรียบจนเชฟมา! จะมีเทคนิคอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!

แนะนำ 5 เทคนิคการทำอาหารสไตล์ยุโรป

1.รูลาด (Roulade)

1.Roulade Roulade เป็นคำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า To Roll หรือการม้วนให้เป็นก้อน และอาจจะมีการสอดไส้ต่าง ๆ ก่อนนำไปทำให้สุก โดยจะนิยมนำเนื้อสัตว์มาม้วนเป็นก้อนและห่อด้วยไส้ต่าง ๆ เช่น ชีส ผัก หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับการทำขนมได้ เช่น แยมโรล

2.ซอเต้ (sauté)

2.ซอเต้ (sauté) เป็นเทคนิคทำอาหารด้วยการผัดอาหารให้ลอยขึ้นจากกระทะ  ทำให้อาหารสุกเท่ากันทั่วด้าน และไม่อมน้ำมัน โดยเทคนิคของวิธี Sauté จะเน้นการใช้น้ำมันน้อย และความร้อนสูง รวมถึงกระทะที่ใช้จะต้องร้อนจัดก่อนที่จะนำวัตถุดิบลงไปผัด ดังนั้นจึงเหมาะกับการใช้เตาแก๊ส เนื่องจากให้ความร้อนได้มากกว่าเตาไฟฟ้า สำหรับเทคนิคนี้ถือเป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ เพราะอาหารที่ได้จะไม่อมน้ำมัน แต่ยังได้ความหอมของน้ำมันและมีความคลีนอยู่

3.เทอร์รีน (Terrine)

3.เทอร์รีน (Terrine) เป็นการนำเนื้อสัตว์หรือผักไปบดปรุงรสให้ได้ที่ แล้วนำไปขึ้นรูปใหม่ในภาชนะทรงเหลี่ยม จากนั้นจะนำไปทำให้สุกในเตาอบตั้งโต๊ะด้วยวิธีการอบแบบรองน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อไหม้ และคงความฉ่ำเอาไว้ เมื่อได้ที่แล้วก็ตัดเสิร์ฟเป็นชิ้นพอดีคำได้เลย วิธีนี้จะทำให้เนื้อที่นำไปอบมีรสชาติอร่อย เนื้อนุ่ม และคงความฉ่ำเอาไว้

4.กงฟีต์ (Confit)

4.กงฟีต์ (Confit) เป็นเทคนิคการตุ๋นในน้ำมันด้วยความร้อนต่ำเป็นเวลานาน โดยจะใช้ความร้อนอยู่ที่ 75 องศาเซลเซียสเท่านั้น ทำให้เนื้อสัตว์ค่อย ๆ สุกอย่างช้า และเสียความชุ่มชื้นไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งเทคนิคกงฟีต์จะใช้เวลานาน 2-3 ชั่วโมง และเหมาะกับเนื้อสัตว์ที่มีความเหนียวและแห้ง เช่น เนื้อหมู เนื้อเป็ด เนื้อลูกวัว เป็นต้น

5.ซูวี (Sous Vide)

5.ซูวี (Sous Vide) เป็นเทคนิคทำอาหารที่หลายคนอาจจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง กับเทคนิคการซูวี โดยจะเป็นการนำวัตถุดิบใส่ในถุงสุญญากาศสำหรับซูวีโดยเฉพาะ แล้วไล่อากาศออกด้วยน้ำหรือเครื่องซีลสุญญากาศ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำที่อุณหภูมิที่เหมาะกับขนาดและชนิดของเนื้อ ซึ่งวิธีนี้จะสามารถควบคุมอุณหภูมิ และระดับความสุกของเนื้อสัตว์ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงยังสามารถรักษาความชุ่มฉ่ำของเนื้อสัตว์เอาไว้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เหมาะกับเนื้อสเต๊กทุกชนิด   และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 เทคนิคทำอาหารสไตล์ยุโรปที่ Tecnogas รวบรวมมา เป็นอย่างไรกันบ้างคะ บอกแล้วว่าเทคนิคเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด แถมบางเทคนิคก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์เครื่องครัวแปลก ๆ เลยแม้แต่น้อย สำหรับใครที่อยากลองทำอาหารด้วยตัวเองสำหรับมื้อพิเศษ ก็สามารถนำเทคนิคที่เราแนะนำไปลองใช้กันได้ รับรองว่า อาหารมื้อนั้นจะต้องอร่อยเป็นพิเศษอย่างแน่นอน! และสุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำอาหารก็คงไม่พ้นการเลือกซื้อเตาแก๊สที่มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถทำความร้อนได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเทคนิคต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นจำเป็นจะต้องใช้ความร้อนสูง และใช้เป็นเวลานาน ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ ก็อย่าลืมนึกถึง Tecnogas

7 วิธีถนอมอาหารยืดอายุอาหาร

7 วิธีถนอมอาหารยืดอายุอาหาร
เคยเป็นไหม? ซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ สำหรับทำอาหารมาเก็บไว้ในตู้เย็นเผื่อใช้ทำอาหารตลอดทั้งสัปดาห์ แต่ผ่านไปแค่ 2-3 วัน วัตถุดิบเหล่านั้นกลับเน่าเสีย มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือไม่สดเหมือนใหม่จนไม่สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากเครื่องครัวที่ใช้ในการเก็บรักษาอาหารให้สดใหม่อยู่เสมออย่างตู้เย็น ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ทำให้มีความเย็นไม่เพียงพอในการเก็บรักษาอาหาร ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองเงินและเวลาในการออกไปซื้อวัตถุดิบเพื่อนำมาประกอบอาหารเป็นประจำ วันนี้ Tecnogas จึงจะมาแนะนำ 7 วิธีถนอมอาหาร เพื่อยืดอายุให้เก็บไว้ทานได้นาน ๆ ให้คุณได้ทราบกัน

7 วิธีถนอมอาหาร ยืดอายุอาหารให้สดใหม่ และเก็บไว้ได้นาน ๆ 

1.การแช่อิ่ม

1.การแช่อิ่ม หากคุณซื้อผลไม้มาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก จนรู้สึกว่าไม่น่าจะทานให้หมดก่อนที่ผลไม้จะเน่าก็สามารถใช้วิธีถนอมอาหารด้วยการแช่อิ่ม เพื่อยืดอายุของผลไม้ให้ยาวนานขึ้นได้ โดยเริ่มจากการเตรียมภาชนะสะอาดสำหรับแช่อิ่มผลไม้ นำผลไม้มาแช่ในน้ำเกลือเพื่อลดความเปรี้ยว จากนั้นเคี่ยวน้ำเชื่อมและรอให้เย็นลง แล้วนำผลไม้มาแช่ในน้ำเชื่อม แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ เท่านี้ก็จะสามารถยืดอายุของผลไม้โดยไม่ต้องปล่อยให้เน่า และยังได้ทานผลไม้แช่อิ่มอร่อย ๆ อีกด้วย

2.การคั่วและการทอด

2.การคั่วและการทอด การคั่วเป็นการนำอาหารมาคนกลับไปกลับมาในกระทะที่มีทรายเป็นตัวกระจายความร้อน เมื่อสุกได้ที่แล้วก็จะทิ้งไว้ให้เย็นลงเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา โดยอาหารที่เหมาะกับการคั่วได้แก่ เกาลัด มะก่อ ถั่วต่าง ๆ เป็นต้น และสำหรับวิธีการทอดจะนำอาหารต่าง ๆ ไปทอดในน้ำมัน และนำไปคลุกเคล้าในน้ำเชื่อม เพื่อให้น้ำเชื่อมเคลือบติดผิวของอาหารเอาไว้ นิยมใช้กับผลไม้ เช่น กล้วย เผือก มัน เป็นต้น

3.การดอง

3.การดอง เป็นการใช้น้ำเกลือมาดองอาหารที่เหมาะสำหรับการดองเค็ม เช่น ขิง กระเทียม ผักและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เป็นต้น โดยเริ่มจากการนำวัตถุดิบที่ต้องการดองมาล้างน้ำ จากนั้นนำใส่ภาชนะที่สะอาด และใส่น้ำเกลือลงไปให้ท่วม ปิดฝาให้แน่นและนำแช่ตู้เย็นไว้ กรดแลคติกจะช่วยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าบูดเจริญเติบโต

4.การหมัก

4.การหมัก การหมักหรือการบ่ม เป็นการ โดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการย่อยสลายหรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีของวัตถุดิบที่เรานำไปหมัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้เกลือในการหมัก เนื่องจากเกลือสามารถฆ่าและยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้

5.การกวน

5.การกวน การกวน เป็นการถนอมอาหารด้วยการแปรรูป โดยมักจะใช้กับผลไม้ เช่น ทุเรียน มะม่วง สับปะรด เริ่มจากนำผลไม้มาล้างให้สะอาด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำผลไม้ที่จะกวนมาผสมกับน้ำตาล และเคี่ยวด้วยความร้อนไปเรื่อย ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน 

6.การย่างรมควัน

6.การย่างรมควัน

การย่างรมควันเป็นกระบวนการแปรรูปเพื่อยืดอายุของอาหาร และแต่งกลิ่นรวมถึงรสชาติ ผ่านการใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดควัน เช่น ฟืน ขี้เลื่อย หรือไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยวิธีนี้นิยมใช้กับเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เป็นต้น  

7.การแช่แข็ง

7.การแช่แข็ง การแช่แข็ง เป็นวิธีถนอมอาหารที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องครัวที่ทุกบ้านมีอยู่แล้ว ทำให้มีความสะดวกสบาย โดยเริ่มจากการนำเนื้อสัตว์ที่ต้องการแช่แข็งมาล้างให้สะอาด จากนั้นแบ่งใส่ถุงหรือกล่องที่สะอาด และนำแช่ช่องแข็ง เมื่อต้องการนำออกมาประกอบอาหารก็แค่นำไปละลายแล้วนำไปปรุงอาหารได้เลย   แม้ว่าในวิธีถนอมอาหารทั้ง 7 วิธีนี้จะสามารถยืดอายุอาหารให้อยู่ได้นานขึ้นได้ แต่การนำอาหารบางอย่างไปผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสแตกต่างจากเดิมได้ ดังนั้นก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเช็กสภาพเครื่องครัว ที่ใช้ในการเก็บรักษาอาหารอย่างตู้เย็นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงจัดของที่อยู่ในตู้เย็นให้เป็นระเบียบเพื่อให้ตู้เย็นกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง สุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาเครื่องครัว สำหรับใช้งานในบ้านอยู่ ก็อย่าลืมนึกถึง Tecnogas ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเตาอบและย่างด้วยระบบไฟฟ้า เตาแก๊ส อ่างล้างจาน เครื่องล้างจาน และเครื่องดูดควัน ที่ได้รับมาตรฐานสากล มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย และฟังก์ชันที่หลากหลายทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย

7 เมนูอาหารเช้าง่าย ๆ อร่อยอิ่มท้อง

7 เมนูอาหารเช้าง่าย ๆ อร่อยอิ่มท้อง
มื้อเช้า เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากการทานอาหารเช้าจะช่วยเติมพลังให้เราพร้อมทำกิจกรรมหรืองานต่าง ๆ ได้อย่างสดชื่น และเต็มที่ แน่นอนว่าในวันนี้ Tecnogas คนชอบตื่นเช้าด้วยเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ หลากหลายเมนู และแน่นอนว่าต้องเป็นเมนูอาหารสำหรับคนไม่มีเวลามีวิธีทำไม่ยุ่งยาก ใครที่เบื่อการทานแต่ขนมปัง ไข่ดาว และไส้กรอก ก็สามารถเอาเมนูที่เรารวบรวมมาไปเป็นไอเดียในการทำอาหารเช้าได้เลย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีสูตรอาหารเช้าเมนูไหนที่น่าสนใจบ้าง!

แนะนำ 7 เมนูอาหารเช้าง่าย ๆ เอาใจคนตื่นเช้า

1.เฟรนช์โทสต์ (French Toast) 

1.เฟรนช์โทสต์ (French Toast) ส่วนผสมเมนู French Toast
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด 1 ถ้วยตวง
  • ผงซินนามอน ¼ ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • เกลือเล็กน้อย
  • ขนมปังตามต้องการ
วิธีทำเมนู French Toast
  • ตอกไข่ลงในถ้วยผสม ใส่น้ำตาล ผงซินนามอน และเกลือลงไป ตามด้วยนมสดและกลิ่นวานิลลา จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำขนมปังจุ่มลงไปแล้วแช่ทิ้งไว้ 2-3 นาทีเพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในขนมปัง
  • ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย และนำขนมปังที่เตรียมไว้ลงไปทอดให้เป็นสีเหลืองน่าทาน จัดเสิร์ฟใส่จาน โดยสามารถทานคู่กับซอสช็อกโกแลต แยมผลไม้ หรือเมเปิลไซรัปได้ตามต้องการ

2.ไข่กระทะ

2.ไข่กระทะ ส่วนผสมเมนูไข่กระทะ
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เนื้อสัตว์ตามต้องการ เช่น กุนเชียง หมูสับ หมูยอ ไก่หยอง เป็นต้น
  • ผักตามต้องการ เช่น แครอท ต้นหอมซอย ข้าวโพดมะเขือเทศ เป็นต้น 
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น
  • เนยหรือน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเมนูไข่กระทะ
  • ตั้งกระทะบนเตาไฟฟ้า ใส่เนยหรือน้ำมันลงไปและรอให้ร้อนได้ที่ ตอกไข่ลงไป ปิดฝารอให้ได้ความสุกที่ต้องการ
  • เมื่อได้ความสุกที่ต้องการแล้ว ให้วางเนื้อสัตว์และผักที่ชอบทานลงไป ปิดฝารอให้สุก
  • โรยต้นหอมและพริกไทยป่น เหยาะซอสปรุงรสเล็กน้อย เท่านี้ก็พร้อมทานแล้ว

3.แซนด์วิชไข่แฮมชีส

3.แซนด์วิชไข่แฮมชีส ส่วนผสมเมนูแซนด์วิชไข่แฮมชีส
  • ขนมปัง 2 แผ่น
  • เชดด้าชีส 1-2 แผ่นหรือตามความชอบ
  • แฮม 1-2 แผ่น หรือตามความชอบ 
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำเมนูแซนด์วิชไข่แฮมชีส
  • ตอกไข่และนำไปทอดเป็นไข่ดาวเตรียมไว้ 
  • วางเชดด้าชีส และแฮมลงบนขนมปัง ตามด้วยไข่ดาวที่ทอดไว้ จากนั้นนำขนมปังอีกแผ่นมาประกบ
  • นำขนมปังที่ได้ไปวางในเครื่องอบแซนด์วิช หากไม่มีสามารถนำไปทำให้ชีสละลายและมีสีเหลืองน่าทานด้วยการตั้งกระทะบนเตาไฟฟ้าและนำขนมปังไปจี่ให้มีสีสวยก็ได้เช่นกัน ถือเป็นเมนูอาหารที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก

4.แพนเค้กกล้วยหอม

4.แพนเค้กกล้วยหอม ส่วนผสมเมนูแพนเค้กกล้วยหอม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • กล้วยหอมบดละเอียด 1-2 ลูก
  • กล้วยหอมฝานบาง 1 ลูก
  • เนยสด 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเชื่อม เมเปิลไซรัป หรือนูเทล่า ตามชอบ
วิธีทำเมนูแพนเค้กกล้วยหอม
  • ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีผสมกับกล้วยหอมบดและกล้วยหอมฝานบางให้เข้ากัน
  • ตั้งไฟ ใส่เนยในกระทะ เมื่อกระทะร้อนให้ใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ หยอดเป็นแผ่นหรือรูปร่างที่ต้องการลงในกระทะ รอจนสุกทั้ง 2 ด้าน ตัดใส่จานและราดน้ำเชื่อมหรือนูเทล่าตามต้องการ 

5.ข้าวต้มหมูสับ

5.ข้าวต้มหมูสับ ส่วนผสมเมนูข้าวต้มหมูสับ
  • ข้าวสวย 2 ถ้วย
  • หมูสับ 200 กรัม
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • น้ำซุปไก่ 2 ถ้วย
  • รากผักชี 2 ราก
  • ขึ้นฉ่าย 2 ต้น
  • กระเทียมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเมนูข้าวต้มหมูสับ
  • ใช้ไฟกลางต้มน้ำซุปและรากผักชีในหม้อให้เดือด จากนั้นใส่ข้าวสวยลงไปต้มและปรุงรสด้วยเกลือ ต้มต่อให้เดือด
  • เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งแล้วให้ใส่หมูสับลงไป ต้มจนสุก ตักใส่ถ้วยและโรยด้วยกระเทียมเจียว ขึ้นฉ่าย และพริกไทยป่น เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ให้พลังงานเพียงพอ และทำให้อิ่มท้องอีกด้วย 

6.ต้มเลือดหมู

6.ต้มเลือดหมู ส่วนผสมเมนูต้มเลือกหมู
  • เลือดหมู 1 ก้อน
  • หมูสับปรุงรส 200 กรัม
  • เนื้อหมู 100กรัม
  • ตำลึง 50 กรัม
  • ตั้งฉ่าย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซุปก้อน 1 ก้อน
  • ขึ้นฉ่าย 50 กรัม
  • ต้นหอม 1 ต้น
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเมนูต้มเลือกหมู
  • ตั้งหม้อใส่น้ำ ซุปก้อน และตั้งฉ่ายลงไป เมื่อน้ำเดือด ปั้นหมูสับเป็นก้อนขนาดพอดีคำใส่ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา และซอสปรุงรส
  • ใส่เลือดหมูลงไป ต้มจนเดือด ใส่ขึ้นฉ่ายกับต้นหอม เมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ใส่ตำลึงในถ้วยที่จะทาน จากนั้นตักต้มเลือดหมูราดลงไป เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

7.โจ๊กหมูเด้ง

7.โจ๊กหมูเด้ง ส่วนผสมเมนูโจ๊กหมูเด้ง
  • ข้าวหอมมะลิบดละเอียด 2 ทัพพี
  • หมูเด้ง 300 กรัม
  • น้ำซุปกระดูกหมู 100 มิลลิลิตร
  • ต้นหอม 1 ต้น
  • ขิงซอยตามชอบ
  • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเมนูโจ๊กหมูเด้ง
  • นำข้าวหอมมะลิบดละเอียดไปต้มในน้ำซุปกระดูกหมูจนข้าวเริ่มหนืดและเหนียวขึ้น ตามด้วยใส่หมูเด้งต้มในน้ำซุปจนสุก
  • ตักโจ๊กและหมูเด้งใส่ชาม โรยพริกไทย ต้นหอม ขิงซอย หรือใส่ไข่ลวกได้ตามชอบ
และทั้งหมดนี้ก็คือเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ซึ่งเป็นเมนูอาหารสำหรับคนไม่มีเวลา ซึ่งแน่นอนว่า เพียงแค่คุณมีเครื่องครัวที่ฟังก์ชันหลากหลายและครบครัน ก็สามารถทำอาหารมื้อเช้าทานเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้แล้ว แน่นอนว่า Tecnogas มีเครื่องครัวที่ทันสมัย ฟังก์ชันครบให้คุณเลือกซื้อได้ตามต้องการ

แชร์ 5 ไอเดียแต่งห้องครัวสไตล์มูจิในงบสบายกระเป๋า

แชร์ 5 ไอเดียแต่งห้องครัวสไตล์มูจิในงบสบายกระเป๋า
ในปัจจุบันนี้ สไตล์มูจิ หรือสไตล์มินิมอลมูจิ ถือเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการตกแต่งที่มีความเรียบง่าย โปร่งโล่งสบายตา และให้ความรู้สึกอบอุ่น นอกจากนี้ยังเป็นสไตล์ที่เหมาะสำหรับบ้านขนาดเล็ก เนื่องจากเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งจำนวนไม่มากนักแต่เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบครัน และสำหรับคนที่อยากแต่งห้องครัวสไตล์มูจิแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี วันนี้ Tecnogas จะมาแชร์ไอเดียการแต่งห้องครัวสไตล์มูจิให้คุณได้ไปลองแต่งห้องครัวของคุณดู จะมีไอเดียอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย

5 ไอเดียแต่งห้องครัวสไตล์มูจิง่าย ๆ ในงบประหยัด

1.เลือกสีผนังอ่อนและเป็นโทนเดียวกันทั้งบ้าน

1.เลือกสีผนังอ่อนและเป็นโทนเดียวกันทั้งบ้าน สไตล์มูจิ เป็นสไตล์ที่มีความคล้ายคลึงกับสไตล์มินิมอล โดยจะเน้นการคุมโทนสีให้เป็นโทนเดียวกันทั้งบ้าน และในส่วนของการแต่งห้องครัวสไตล์มินิมอล จะมีการเลือกใช้โทนสีผนังหรือกระเบื้องที่เป็นสีอ่อนและเป็นโทนสีที่ดูอบอุ่น สบายตา เช่น สีครีม สีน้ำตาลอ่อน สีขาว เป็นต้น ซึ่งโทนสีที่เหล่านี้เป็นโทนสีที่มีความเรียบง่าย ทำให้สามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งต่าง ๆ ได้ง่ายและคุมโทนให้เข้ากันทั้งบ้านได้เป็นอย่างดี

2.เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้

2.เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ เพิ่มความ Cozy ให้กับห้องครัวด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุไม้ เช่น อุปกรณ์เครื่องครัว, ชั้นวางของ, เคาน์เตอร์, โต๊ะ, เก้าอี้, ซิงค์ล้างจาน เป็นต้น ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้โทนสีน้ำตาลอ่อนของวัสดุไม้ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้ที่ใช้งานห้องครัวได้อีกด้วย

3.จัดพื้นที่ในห้องครัวให้โล่งตา ดูโปร่งสบาย

3.จัดพื้นที่ในห้องครัวให้โล่งตา ดูโปร่งสบาย นอกจากการเลือกใช้สีโทนสว่างที่ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งแล้ว การจัดเลือกตำแหน่งของห้องครัวให้มีพื้นที่กว้าง และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นระเบียบ หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชันเพื่อลดจำนวนเฟอร์นิเจอร์ลง ก็จะทำให้พื้นที่ในห้องครัวดูโล่งตา และโปร่งสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้มีความคล่องตัวและสะดวกสบายขณะประกอบอาหารได้อีกด้วย 

4.เน้นการตกแต่งห้องครัวด้วยต้นไม้จริง

4.เน้นการตกแต่งห้องครัวด้วยต้นไม้จริง นอกจากการเลือกใช้วัสดุไม้แล้ว ก็อย่าลืมตกแต่งห้องครัวด้วยต้นไม้จริง เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความธรรมชาติ เป็นกันเอง และดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ต้นไม้ยังมีใบสีเขียวที่ตัดกับสีขาวและสีของไม้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้องครัวของคุณดูสวยงาม ลงตัว และเป็นสไตล์มูจิอย่างแท้จริง สำหรับใครที่กังวลว่า กระถางต้นไม้จะขัดโทนของห้อง ก็สามารถนำตะกร้าหวายมาใส่กระถางต้นไม้เพื่อให้ไม่หลุดไปจากโทนของห้องก็ได้เช่นกัน

5.ทำช่องเก็บของและชั้นวางของในทุก ๆ มุม

5.ทำช่องเก็บของและชั้นวางของในทุก ๆ มุม แน่นอนว่า นอกจากภายในห้องครัวจะมีอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ แล้ว ยังมีวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหาร และอุปกรณ์สำหรับทานอาหารที่ต้องเก็บไว้ในห้องครัวอีกมากมาย ดังนั้น การทำช่องเก็บของหรือชั้นวางของไว้ให้ทั่วมุมห้องจะช่วยจัดระเบียบห้องครัว ได้เป็นอย่างดี โดยอาจจะเลือกใช้ตู้เก็บของแขวนผนัง และตู้เก็บของในเคาน์เตอร์ครัวเพื่อลดการใช้พื้นที่ หรือจะหาชั้นวางของที่ทำจากวัสดุไม้มาวางไว้บริเวณเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเพื่อวางเครื่องปรุงต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ไอเดียการแต่งห้องครัวสไตล์มูจิที่ Tecnogas ได้รวบรวมมาให้ สำหรับคนที่อยากแต่งห้องครัวสไตล์มูจิก็อย่าลืมให้ความใส่ใจกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับโทนสีของห้องครัว รวมถึงเลือกเครื่องครัวต่าง ๆ ที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายในชิ้นเดียว เพื่อลดการใช้พื้นที่และทำให้ห้องครัวดูโปร่งโล่ง สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์เครื่องครัวที่มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย และสามารถใช้กับการตกแต่งห้องครัวได้หลากหลายสไตล์ก็อย่าลืมนึกถึง Tecnogas

7 ข้อควรรู้ก่อนรีโนเวทห้องครัว รู้ไว้งบไม่บาน

7 ข้อควรรู้ก่อนรีโนเวทห้องครัว รู้ไว้งบไม่บาน

ห้องครัวเป็นห้องหนึ่งในบ้านที่มักจะถูกใช้งานเป็นประจำ ทำให้อุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ อาจมีการชำรุดทำให้ห้องครัวดูเก่าและไม่น่าใช้งาน ดังนั้นการรีโนเวทห้องครัวให้เครื่องครัวต่าง ๆ อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน จะช่วยสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้กับห้องครัว และทำให้อยากเข้าไปใช้งานห้องครัวมากขึ้น แน่นอนว่าในวันนี้ Tecnogas ก็จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ 7 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจรีโนเวทห้องครัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหางบบานปลาย จะมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ไปดูกันเลย

7 ข้อควรรู้ก่อนรีโนเวทห้องครัว ลดความเสี่ยงงบบานปลาย

7 ข้อควรรู้ก่อนรีโนเวทห้องครัว ลดความเสี่ยงงบบานปลาย

1.รูปแบบการตกแต่งห้องครัวที่อยากได้

ในปัจจุบันมีรูปแบบการตกแต่งห้องครัวที่หลากหลาย ดังนั้น ก่อนจะทำการรีโนเวทควรจะเลือกสไตล์ที่ชื่นชอบและเข้ากับภาพรวมของบ้านให้ดี นอกจากนี้การตกแต่งภายในห้องครัวก็ควรจะเลือกโทนสีและวัสดุตกแต่งที่มีความกลมกลืนและเป็นสไตล์เดียวกัน สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจว่าจะตกแต่งอย่างไร ก็ควรจะกำหนดสไตล์ที่ชื่นชอบ และขอคำแนะนำด้านการตกแต่งจากผู้เชี่ยวชาญ 

2.ฟังก์ชันการใช้งานห้องครัวที่ตอบโจทย์

ฟังก์ชันการใช้งานห้องครัว ถือเป็นสิ่งสำคัญโดยควรจะจัดฟังก์ชันให้มีความพร้อมสำหรับการทำอาหาร ผ่านการใช้เทคนิคการจัดวางแบบ Work Triangle ที่จะจัดวางตู้เย็น อ่างล้านจาน และเตาทำอาหารให้เป็นรูปแบบสามเหลี่ยม ทำให้มีความสะดวกสบายและคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ยังควรติดตั้งเครื่องดูดควัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาควันหรือกลิ่นเหม็นจากการทำอาหารเข้าไปรบกวนห้องอื่นในบ้านอีกด้วย

3.สภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องครัว

อย่างที่เราได้บอกไปในตอนแรกว่า สภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องครัวที่ดูเก่า จะทำให้ห้องครัวดูไม่น่าใช้งาน ดังนั้น จึงควรตรวจสอบสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเดิมภายในครัวว่า มีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ควรทำการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมหรือไม่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร

4.ตำแหน่งในการวางเครื่องครัวต่างๆ

อีกสิ่งที่สำคัญในการรีโนเวทห้องครัวก็คือ การจัดวางตำแหน่งของเครื่องครัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการวางตู้เย็น ซิงค์ล้างจานเตาทำอาหาร เตาอบ เคาน์เตอร์สำหรับเตรียมวัตถุดิบ โดยควรจะจัดตำแหน่งการวางให้มีความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการใช้งาน

5.พื้นที่จัดเก็บของ

นอกจากในห้องครัวจะมีภาชนะหรืออุปกรณ์ทำอาหารแล้ว ยังมีวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหารอีกด้วย ซึ่งถ้าหากไม่มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บสิ่งของเหล่านี้ให้เป็นระเบียบและสะดวกสบายในการหยิบใช้งาน ก็อาจจะทำให้ห้องครัวของคุณดูรก ไม่สะอาดตาได้ นอกจากนี้ยังอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ฝุ่นละออง และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ได้ ดังนั้นเมื่อรีโนเวทห้องครัวใหม่ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่จัดเก็บให้เพียงพอ

6.ตรวจสอบท่อประปาและระบบระบายน้ำ

ควรตรวจเช็กสภาพของท่อประปาและระบบระบายน้ำของซิงค์ล้างจานหากระบบต่าง ๆ เกิดการชำรุดก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน นอกจากนี้หากจำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ระบบต่าง ๆ หรือซิงค์ล้างจานก็ควรจะเลือกวัสดุที่มีคุณภาพดี เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน

7.ผนังกันเปื้อนน้ำมันจากการประกอบอาหาร

หากห้องครัวเดิมของครัวเดิมของคุณเคยเจอปัญหากำแพงเปื้อนจากการประกอบอาหาร เมื่อได้โอกาสรีโนเวทห้องครัวใหม่ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการติดตั้งผนังกันเปื้อนหรือ Backsplash เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันหรือคราบอาหารกระเด็นติดตามผนังจนเกิดภาพไม่น่ามอง และสามารถทำความสะอาดคราบต่าง ๆ ได้ง่าย

ได้ทราบ 7 สิ่งที่ควรรู้ก่อนรีโนเวทห้องครัวกันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในกับห้องครัวของคุณ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหางบบานปลาย นอกจากนี้ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกเครื่องครัวที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรืออุบัติที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ และสุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาเครื่องครัวที่มีดีไซน์สวยงามดูทันสมัย และได้รับมาตรฐานสากลก็อย่าลืมนึกถึง Tecnogas

แจกสูตรคัพเค้กฮอกไกโดเนื้อนุ่ม แสนง่าย

แจกสูตรคัพเค้กฮอกไกโดเนื้อนุ่ม แสนง่าย
ใครอยากทานคัพเค้กเนื้อนุ่มละมุนลิ้นอย่างเมนู “คัพเค้กฮอกไกโดนมสด” เบเกอรีแสนอร่อยที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้เตาอบขนาดใหญ่ เพียงแค่มีเตาอบตั้งโต๊ะจาก Tecnogas เท่านี้ก็สามารถทำเมนูคัพเค้กฮอกไกโดนมสดทานกันได้แล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่า เมนูแสนอร่อยนี้มีวิธีทำอย่างไรบ้าง ใครที่กำลังหาสูตรอยู่ก็อย่าลืมเซฟหน้านี้เอาไว้ และไปลองทำกันดูได้เลย!

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมของเมนูคัพเค้กฮอกไกโด ของหวานที่ใครหลายคนตกหลุมรัก

สำหรับวิธีการทำเมนูคัพเค้กฮอกไกโด ซึ่งเป็นเมนูของหวานที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น มาพร้อมครีมนมสดที่มีความหวานกำลังดี รับรองว่า ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องติดใจเมนูนี้อย่างแน่นอน โดยส่วนผสมที่ต้องเตรียมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนผสมที่ต้องเตรียมของเมนูคัพเค้กฮอกไกโด

ส่วนผสมตัวเค้ก ของคัพเค้กฮอกไกโด

  • ไข่แดง 45 กรัม
  • ไข่ขาว 135 กรัม
  • น้ำตาลทราย 155 กรัม
  • น้ำมันรำข้าว 30 กรัม
  • นมสดจืด หรือนมฮอกไกโด 45 กรัม
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • ครีมออฟทาร์ทาร์ ½ ช้อนชา

ส่วนผสมครีมนมสด ของคัพเค้กฮอกไกโด

  • นมฮอกไกโด 50 มิลลิลิตร
  • ครีม 90 มิลลิลิตร
  • นมข้นหวาน 30 กรัม
  • นมผง 20 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
  • ครีมส่วนที่สอง 150 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลไอซิง 20 กรัม

ขั้นตอนการทำคัพเค้กฮอกไกโด

สำหรับขั้นตอนการทำคัพเค้กนมสดฮอกไกโดจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือขั้นตอนการทำตัวเค้ก และขั้นตอนการทำครีมนมสด โดยมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนการทำคัพเค้กฮอกไกโด

ขั้นตอนการทำตัวเค้ก

เริ่มต้นด้วยการผสมไข่แดงและน้ำตาลให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันรำข้าว นมฮอกไกโด และแป้งเค้กที่ร่อนเรียบร้อยแล้ว ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ตั้งพักไว้ จากนั้นเตรียมภาชนะอีกใบ ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ และทยอยใส่น้ำตาลลงไป ตีเบา ๆ จนเนื้อเนียนสวยและตั้งยอด เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เทใส่ถ้วยพิมพ์นำเข้าอบในเตาอบตั้งโต๊ะ จาก Tecnogas ที่อุณหภูมิ 160 องศา เป็นเวลา 20-25 นาที แล้วนำออกมาตั้งพักไว้ให้เย็นลง

ขั้นตอนการทำครีมนมสด 

ผสมนมฮอกไกโด ครีม นมข้นหวาน นมผง และแป้งข้าวโพดตีเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน และคนส่วนผสมจนเริ่มข้นแล้วพักไว้ให้เย็น จากนั้นนำครีมส่วนที่สองผสมกับน้ำตาลไอซิงมาตีให้ขึ้นฟู แล้วจึงนำมาผสมกับครีมที่พักไว้ เมื่อผสมเข้ากันดีแล้วให้นำใส่ถุงบีบ แล้วพักไว้   และเมื่อเตรียมตัวเค้กและครีมนมสดเรียบร้อยแล้ว ก็ให้นำแป้งเค้กที่เริ่มเย็นลงแล้ว มานำเนื้อเค้กตรงกลางออกเพื่อบีบครีมฮอกไกโดเข้าไป เพียงเท่านี้ก็จะได้คัพเค้กฮอกไกโดเนื้อนุ่มหวานละมุนไปทานกันแล้ว

เตาอบตั้งโต๊ะ Tecnogas ตัวช่วยทำขนมที่ทุกบ้านควรมี

หากคุณเป็นคนที่มีชื่นชอบการทำเบเกอรี จนอยากทำเป็นงานอดิเรก แต่ต้องหยุดความคิดนั้นไปเพราะไม่มีพื้นที่สำหรับการตั้งเตาอบขนาดใหญ่ก็อย่าเพิ่งเศร้าไป! เพราะเพียงแค่มีเตาอบตั้งโต๊ะ จาก Tecnogas เตาอบขนาดปานกลางที่สามารถวางในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัดหรือเคาน์เตอร์ในห้องครัวได้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์กับการทำเบเกอรีเพื่อให้งานอดิเรกที่เคยเป็นแค่ความฝันของคุณกลายเป็นความจริงได้  เตาอบตั้งโต๊ะ Tecnogas ตัวช่วยทำขนมที่ทุกบ้านควรมี เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรคัพเค้กฮอกไกโดนมสดที่ Tecnogas ได้รวบรวมมาแบ่งปันกันในวันนี้ บอกเลยว่าละเอียดยิบทุกขั้นตอน แต่ยังสามารถทำตามได้ง่าย ๆ นอกจากนี้เพียงแค่มีเตาอบตั้งโต๊ะ จาก Tecnogas ไม่ว่าจะเมนูเบเกอรี หรือเมนูอาหารคาวก็สามารถทำได้ในเครื่องเดียว ซึ่งนอกจากในวันนี้เราจะรวบรวมสูตรคัพเค้กฮอกไกโดนมสดมาแนะนำแล้ว ยังมีสูตรเค้กช็อกโกแลตให้คุณได้ไปลองทำตามกันอีกด้วย ใครที่มีเตาอบตั้งโต๊ะจาก Tecnogas แต่ไม่รู้จะทำเมนูอะไรทานก็อย่าลืมนำสูตรเบเกอรีเหล่านี้ไปลองทำกัน

7 เมนูอาหารคีโต ทำกินง่าย ถูกใจสายไดเอท

7 เมนูอาหารคีโต ทำกินง่าย ถูกใจสายไดเอท

สำหรับคนที่ต้องการกินคีโตเพื่อลดไขมัน คงจะเคยเจอปัญหาที่ว่า อาหารหรือขนมคีโตนั้นมีราคาสูงพอสมควร  ทำให้การทานคีโตเพื่อการลดน้ำหนักที่ดี กลับไม่ดีต่อสุขภาพเงินในบัญชีเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าหลังจากที่ Tecnogas ได้แจกสูตรเค้กคีโตที่เป็นเมนูของหวานไปแล้ว ก็ได้เวลาของเมนูอาหารคีโตที่เป็นของคาวกันบ้าง จะมีเมนูไหนที่ถูกใจสายไดเอทบ้าง ไปดูกันเลย

การกินอาหารคีโต คืออะไร?

คีโต มาจากคำว่า คีโตเจนิค ไดเอต (Ketogenic Diet) ซึ่งการกินอาหารคีโตก็คือ การลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล หรือ Low-Carb High-Fat และหันไปเน้นการกินไขมันดี และโปรตีนเป็นหลัก เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่โหมดคีโตสิส (Ketosis) และดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานหลัก ทำให้ร่างกายสามารถขจัดไขมันออกไปได้ ถือเป็นวิธีลดน้ำหนักที่เห็นผลและมีประสิทธิภาพ

แนะนำ 5 อาหารคีโตทำง่าย โดนใจสายไดเอท

1.สเต๊กแซลมอน

1.สเต๊กแซลมอน

ส่วนผสม

  • เนื้อปลาแซลมอนสำหรับทำสเต๊ก 4 ชิ้น
  • น้ำมันมะกอก Extra Virgin 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • น้ำเลมอน 1 ลูก
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกแดงป่น ¼ ช้อนชา
  • เกลือทะเลและพริกไทย
  • พาร์สลีย์สับ สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

หมักปลาแซลมอนด้วยเกลือและพริกไทยดำ พักไว้สักครู่ เปิดเตาแก๊ส นำกระทะก้นแบนขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างสูง ใส่น้ำมันและเนยลงไป จากนั้นค่อย ๆ วางแซลมอนลงไปทอดประมาณ 5 นาที แล้วกลับด้านเพื่อเติมกระเทียม น้ำเลมอน น้ำผึ้ง และพริกแดงป่นลงไป ในระหว่างทอดให้ตักซอสในกระทะราดเนื้อปลาเรื่อย ๆ ทอดต่อให้สุกหรือประมาณ 5 นาที เมื่อสุกได้ที่แล้วให้โรยด้วยพาร์สลีย์สับ หรือผักอื่น ๆ พร้อมเสิร์ฟ

2.ปลากะพงอบเนย

2.ปลากะพงอบเนย

ส่วนผสม

  • ปลากะพงแล่เนื้อ 1 ชิ้น
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยเค็ม 50 กรัม
  • กระเทียมสับ 5-6 กลีบ
  • ผักต่าง ๆ เช่น ข้าวโพดอ่อน บรอคโคลี แครอท ถั่วลันเตา เป็นต้น 

วิธีทำ

เริ่มจากการนำผักต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ไปต้มให้สุกแล้วพักใส่จาน ต่อไปตั้งกระทะบนเตาแก๊ส ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย พอกระทะเริ่มร้อนให้นำกระเทียมลงไปผัดเพื่อเพิ่มความหอม และวางเนื้อปลากะพงลงไป ทอดให้สุกทั่วกันทั้ง 2 ปิดไฟนำใส่จาน แล้วทาเนยเค็มให้ทั่วเนื้อปลาเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือหากอยู่อาศัยในคอนโดและมีแต่เตาอบตั้งโต๊ะ ให้นำปลาใส่จานหรือถาดที่ทนความร้อน ราดน้ำมันลงบนปลาเล็กน้อย วางเนยเค็มและกระเทียมไว้บนตัวปลาเพื่อให้เนยซึมเข้าเนื้อ นำเข้าอบจนสุก เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว

3.พะแนงหมู

3.พะแนงหมู

ส่วนผสม

  • พริกแกงพะแนง 2 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 250 มิลลิลิตร
  • เนื้อหมู 300 กรัม
  • ใบมะกรูดซอยฝอย
  • เกลือปลายช้อนชา
  • ผงปรุงรส ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลอิริทริทอล 2 ช้อนชา
  • ใบโหระพา 4 ยอด
  • ใบมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าแดงซอยสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

เริ่มจากตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่หัวกะทิและพริกแกงพะแนงลงไปผัดจนแตกมัน ใส่เนื้อหมู ใบมะกรูด และปรุงรสเพิ่มตามชอบ ผัดจนหมูสุกได้ที่และน้ำข้นกำลังดี ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอยและใบมะกรูดซอยเพิ่มความสวยงาม

4.ไข่พะโล้หมูสามชั้น

4.ไข่พะโล้หมูสามชั้น

ส่วนผสม

  • หมูสามชั้นไม่ติดหนัง 300 กรัม
  • ไข่ต้มปอกเปลือก 5 ฟอง
  • น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  • น้ำตาลอิริทริทอลป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  • โปยกั๊ก 4 ดอก
  • อบเชย 2 ท่อน
  • ข่าหั่นแว่น 4 แว่น
  • น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

นำโปยกั๊ก อบเชย ข่า และตะไคร้ ผัดในน้ำมันจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลอิริทริทอล ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ แล้วนำเนื้อหมูมาผัดให้พอสุก จากนั้นเติมน้ำ ต้มจนเดือด และใส่ไข่ลงไป เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย

5.หมูสามชั้นคั่วพริกเกลือ

5.หมูสามชั้นคั่วพริกเกลือ

ส่วนผสม

  • หมูสามชั้น 300 กรัม
  • รากผักชีสับละเอียด 5 ราก
  • กระเทียมสับ 5 กลีบ
  • พริกขี้หนูสับหยาบ 10 เม็ด
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีซอส 1 ต้น

วิธีทำ

นำหมูสามชั้นไปผัดในกระทะโดยไม่ต้องใช้น้ำมันด้วยไฟกลาง ใส่รากผักชี กระเทียมสับ และพริกขี้หนูสับลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยผงปรุงรส และเกลือให้ได้รสชาติที่ต้องการ เมื่อหมูสุกและมีสีเหลืองน่าทานแล้ว ก็สามารถตักใส่จานพร้อมทานได้เลย

ข้อควรระวังในการรับประทานอาหารคีโต

การทานอาหารคีโตเป็นแนวทางการกินอาหารที่ลดสารอาหารบางประเภทลง และมีความไม่หลากหลาย ซึ่งหากเป็นผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว หรือไม่ใส่ใจให้ดีก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ เช่น 

  • ไข้คีโต (Keto Flu): จะเป็นเมื่อร่างกายเกิดภาวะคีโตซิส อาจรู้สึกเหมือนเป็นไข้ ไม่สบายตัว คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปใน 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นนานกว่านี้ควรจะรีบไปพบแพทย์
  • การขาดสารอาหาร: เนื่องจากการกินคีโตจะต้องลดปริมาณสารอาหารบางประเภทลง ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารสำคัญไม่เพียงพอ
  • ผิวมัน เป็นสิว: เกิดจากการทานอาหารที่มีไขมันบางชนิดเป็นประจำ จนทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและก่อให้เกิดสิวได้
  • อื่น ๆ เช่น อาการสมองล้า, กระหายน้ำบ่อย, ท้องผูก ขาดน้ำ, โยโย่เอฟเฟคเมื่อหยุดกินคีโต เป็นต้น

ทำอาหารคีโตทานเองง่าย ๆ

อาหารคีโตมีขั้นตอนและวิธีประกอบอาหารที่ไม่แตกต่างจากอาหารทั่วไปเลยสักนิด ที่แตกต่างมีเพียงการเลือกส่วนผสมที่ให้ความหวาน โดยเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นสารให้ความหวานอย่าง หญ้าหวาน หล่อฮังก๊วย หรืออิริทริทอลก็เท่านั้น และต่อให้คุณจะเป็นแม่ครัวมือใหม่ แต่ด้วยวิธีทำแสนง่ายที่เรารวบรวมมา และมีเตาอบตั้งโต๊ะที่มีฟังก์ชันหลากหลายอยู่ในบ้าน ก็สามารถทำอาหารคีโตทานได้ด้วยตัวเองแล้ว

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310