อยากทำเบเกอรี่ขายฉบับมือใหม่ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

อยากทำเบเกอรี่ขายฉบับมือใหม่ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

หากใครเป็นสายของหวานและอยากลองทานหรือทำธุรกิจเล็กๆ เกี่ยวกับเบเกอรี่สักครั้ง ขอแนะนำให้มารู้จักกับเบเกอรี่ว่า เบเกอรี่มีอะไรบ้าง กันก่อนเพราะเมื่อรู้แล้วเราจึงสามารถที่จะเริ่มทำเบเกอรี่ขายได้ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดเข้าครัว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้เป็นอย่างดีว่ามีใหม่ควรทำอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะวัตถุดิบ ส่วนผสม และการเลือก แบรนด์เครื่องครัว ที่มีคุณภาพในการทำเบเกอรี่ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่น้อย เอาเป็นว่าเราไปเรียนรู้เพิ่มในบทความกันดีกว่า

อยากทำเบเกอรี่ขายต้องเริ่มต้นอย่างไร?

1. ทำความเข้าใจก่อนว่าเบเกอรี่มีอะไรบ้าง

ก่อนอื่นทุกคนจำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่า เบเกอรี่มีอะไรบ้าง โดยส่วนใหญ่เบเกอรี่ที่เห็นกันได้บ่อยก็จะมี ขนมปัง , เค้ก , พาย , ครัวซองค์ , คุกกี้ , เอแคลร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทางเราขอแนะนำว่าให้เลือกเบเกอรี่ที่ตัวเองอยากจะทำมากที่สุดสัก 1 อย่างก่อน โดยอาจจะอิงเบเกอรี่ที่ขายดีควบคู่ไปด้วย เพื่อฝึกฝีมือให้คล่องตัว และพัฒนาให้มีหลากรสชาติ จะเป็นการดีกว่าที่จะขายหลายประเภทสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ แต่เมื่อชำนาญแล้วสามารถขยายประเภทอื่นๆ ได้

2. เรียนรู้และฝึกฝนเบเกอรี่ที่อยากทำขาย

เมื่อรู้แล้วว่าหมุดหมายเราจะขายอะไรในการเรียนรู้และฝึกฝนการทำเบเกอรี่ที่คุณได้เลือกนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก หากใครที่ไม่เคยมีพื้นฐานเลยแนะนำว่าให้หาคอร์สเรียนทำเบเกอรี่ที่มีครูคอยสอนแบบตัวเป็นๆ เพราะการทำเบเกอรี่จะต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน และส่วนผสมห้ามผิดพลาดเป็นอันขาด การลงเรียนกับครูที่เชี่ยวชาญนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากใครพอมีพื้นฐานอาจจะลองดูจาก Youtube หรือลองตระเวนชิมร้านอื่นๆ เพื่อประเมินวิเคราะห์ได้

3. วางแผนเงินลงทุน

เมื่อเราเรียนรู้และพัฒนาฝีมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนเงินลงทุน จะมีการวางแผนในอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในระยะยาวหรือก็คือการซื้อครั้งเดียวแล้วจบอย่างเช่น เตาอบ หรืออุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ และในส่วนของการทำเบเกอรี่ขาย ก็จะเป็นที่จะต้องวางต้นทุนในส่วนผสมว่าคุณอยากจะใช้เกรดไหน ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ และจะขายในราคาเท่าไหร่ในจุดนี้เป็นสิ่งที่จะต้องประเมินให้ดี และอาจเพิ่มจำนวนเงินสำรองเผื่อวัตถุดิบราคาขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้แพคเกจจิ้งที่ช่วยส่งเสริมให้เบอเกอรี่น่าทานก็นับว่าต้องเลือกให้ดีเช่นเดียวกัน แล้วอย่าลืมคิดเรื่องในส่วนของกำไรด้วย

4. วางแผนช่องทางการขาย

ในส่วนต่อมาที่จะต้องคิดควบคู่พร้อมๆ กับเงินลงทุนนั่นก็คือช่องทางการขาย ซึ่งจะขายทางออนไลน์หรือเปิดหน้าร้าน หรือจะทำทั้งสองอย่างก็ได้ ในกรณีที่คุณตัดสินใจที่เปิดหน้าร้านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกทำเลในการขายได้เป็นอย่างดี โดยอิงจากเกรดของเบเกอรี่ ถ้าหากขายตามห้างก็จะสามารถเพิ่มราคาได้ แต่ถ้าขายตามตลาดนัดจำเป็นจะต้องลดราคาเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่จะขาย เลยเป็นเหตุให้จะต้องคิดพร้อมๆ กับการวางแผนในการลงเงินทุนนั่นเอง

5. ลงทุนในอุปกรณ์การทำ

การลงทุนในอุปกรณ์การทำเบเกอรี่ขาย คือสิ่งที่จะต้องเลือกให้ดีตั้งแต่แรก หากราคาสูงหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะจะมีการใช้งานที่เสถียรกว่า สามารถทำการอบหรือทำเบเกอรี่ที่ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถทำได้ในปริมาณ ถ้าเลือกเตาอบที่ดีมาตั้งแต่แรก และจำเป็นต้องใช้งานยาวอย่างๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน หรือใช้เป็นประจำทุกวัน การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะเสียแต่อย่างใด โดยแนะนำให้มาดูที่ แบรนด์เครื่องครัว กันได้เลย

สรุป การทำเบเกอรี่ขายฉบับมือใหม่

การที่จะทำเบเกอรี่ขาย ไม่ใช่อาชีพที่สามารถเริ่มได้ทันทีทันใด เพราะเป็นการทำอาหารหมวดเบเกอรี่ที่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญเฉพาะในหลายๆ ด้าน เพื่อทำให้เบเกอรี่ออกมาอร่อยที่สุดและคงคุณภาพเสมอๆ เอาไว้ได้ ดังนั้นการให้เวลาและไขว่คว้าประสบการณ์ให้มากที่สุดจะเป็นการดีที่จะลดความเสี่ยงในการขายเบเกอรี่ได้ นอกจากนี้ถ้าหากรู้ว่า เบเกอรี่มีอะไรบ้าง และคนส่วนใหญ่ฮิตเมนูไหนก็สามารถเลือกขายประเภทนั้น แต่ต้องฝึกให้เชี่ยวชาญผ่านทาง เตาอบ คุณภาพจากทางแบรนด์ Tecnogas กันได้ รับรองว่าการอบเป็นเรื่องง่าย หมดห่วงได้อย่างแน่นอน

จานเด็ด! เล้งแซ่บ วิธีทำจะต้องทำอย่างไรถึงอร่อยแซ่บซี้ด

จานเด็ด! เล้งแซ่บ วิธีทำจะต้องทำอย่างไรถึงอร่อยแซ่บซี้ด
เมนูที่เรียกได้ว่าหลายคนต้องร้องซี้ดอย่างเมนู “เล้งแซ่บ” แต่ก่อนอื่นเรามารู้กันก่อนว่า เล้ง คือ อะไรกันก่อน ในความหมายของจีน “เล้ง” คือ กระดูกสันหลังของหมู โดยผ่านการเลาะเนื้อออกหมดแล้ว เหลือเพียงเนื้อในจุดเล็กๆ เท่านั้น แต่อย่างที่ทราบกันว่าซุปกระดูกหมูเป็นอะไรที่อร่อยมากๆ จึงดัดแปลงมาเป็นความแซ่บที่มีรสชาติกลมกล่อม เข้มข้น เผ็ด เปรี้ยวจี๊ดโดนใจ ในบทความนี้ก็จะพาทุกคนไปดูเล้งแซ่บ วิธีทำ ว่าสามารถทำได้อย่างไร

วิธีทำเล้งแซ่บ

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า เล้ง คือ กระดูกสันหลังของหมูที่มีเนื้อติดอยู่นิดหน่อย เวลาทานก็จะเน้นแทะเสียส่วนใหญ่ แต่บอกเลยว่าเนื้อในส่วนที่แทะมีความอร่อยมาก คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่า เล้งแซ่บ วิธีทำนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการเตรียมวัตถุดิบและขั้นตอนการทำ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

สำหรับวัตถุดิบที่ต้องเตรียมจะเป็นวัตถุดิบที่จะต้องมี โดยปริมาณที่จะแนะนำต่อไปไม่เป็นตามนี้ก็ได้ สามารถเพิ่มหรือลดเพื่อให้เล้งเป็นที่ถูกปากของคุณจะเป็นการดีที่สุด เบื้องต้นแนะนำให้เตรียมคร่าวๆ ระหว่างการทำจะต้องชิม แล้วถ้าอยากใส่อะไรเพิ่มลงไปก็สามารถเสริมเติมแต่งรสชาติของคุณได้
  1. กระดูกเล้ง 500 กรัม
  2. น้ำสะอาด 2 ½ ลิตร
  3. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. กระเทียม 3 กลีบ
  5. รากผักชี 1 รากใหญ่
  6. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  7. พริกขี้หนูสวนสีเขียว 15 เม็ด
  8. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  10. ผักชีฝรั่ง 2 ต้น

วิธีทำเล้งแซ่บ

ในส่วนต่อมาหลังจากเตรียมวัตถุดิบ เล้งแซ่บ วิธีทำ นั้นถือว่าค่อนข้างง่ายเหมาะกับมื้อใหม่ที่เพิ่งเข้าครัว โดยมีที่การทำให้เล้งมีความอร่อย ใครกินก็ถูกอกถูกใจสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
  1. เริ่มจากการเตรียมกระดูกสันหลังหมู โดยล้างน้ำให้สะอาดจนกว่าเลือดซึมออกมา รอให้แห้งเสียก่อน
  2. ระหว่างนี้ให้มาเตรียมวัตถุดิบที่จะใช้ต้ม ก็คือการนำกระเทียมมาปอกเปลือกและสับ หั่นรากผักชีออกมาและใช้มีดบุบเพื่อให้เวลาต้มจะได้กลิ่น 
  3. หลังจากกระดูกสันหลังหมูแห้งแล้ว ให้นำเอาลงไปในหมอนำกระเทียมและรากผักชีใส่ตามไป จากนั้นให้เทน้ำเปล่าให้ท่วมเล้งเล็กน้อย ใส่พริกไทย เกลือตามลงไป ใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง โดยตั้งไฟอ่อน และคอยตั้งฟองออกอยู่ตลอด
  4. ระหว่างนี้ก็มาเตรียมเครื่องที่เพิ่มความแซ่บกัน โดยสามารถเริ่มได้จากการนำพริกขี้หนูสวนสีเขียวมาโขลกประมาณ 15 เม็ด ถ้าอยากแซ่บหรือลดความแซ่บ ก็ลดปริมาณพริกลง 
  5. เมื่อถึงเวลาที่ต้มเสร็จก็สามารถนำเล้งเทลงชาม จากนั้นจะเป็นการปรุงรส โดยโรยผักชีสอย จากนั้นให้นำพริกขี้หนูสวนที่โขลกไว้มาใส่ ตามด้วยน้ำปลาและมะนาวแท้ เพียงแค่นี้ก็ได้แซ่บรสเด็ดๆ กันแล้ว
ถ้าหากใครคิดว่าการแทะเล้งแซ่บอย่างเดียวได้แต่ความแซ่บไม่อิ่มท้อง แนะนำว่าให้หุงข้าวสวยเตรียมไว้ด้วย นำมาราดข้าวทานเพลินๆ อร่อยได้เต็มที่ แต่ก็จะมีหลายคนเหมือนกันที่จะทำไข่เจียว ควบคู่เพื่อทานไปพร้อมกันไปด้วย ก็สามารถเข้ากันได้ดีกับเล้งแซ่บที่ทาน

เคล็ดลับ! วิธีทำเล้งแซ่บรสเด็ดเหมือนกินอยู่ที่ร้าน

สำหรับเคล็ดลับเด็ดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้อร่อยรสชาติเด็ดเหมือนกับที่ร้าน แนะนำว่าให้เลือกใช้ เตาแก๊ส  จาก Tecnogas ที่เป็นเตาแก๊สคุณภาพที่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ตามที่คุณต้องการ โดยเตาแก๊สจะมีแบบที่ใช้แก๊สจริงๆ สามารถเชื่อมต่อกับเตาได้ง่าย และอีกแบบอินฟาเรตก็สามารถเลือกใช้ได้ด้วยเช่นกัน โดยเตาแก๊สของทางแบรนด์มีให้เลือกหลายขนาด หลายรูปทรง แต่โดยรวมแล้วเน้นใช้งานง่ายสะดวกสบาย ทำให้การทำครัวคล่องตัวยิ่งกว่าเดิม ขอให้ลองมาดู แบรนด์เครื่องครัว หรือเครื่องครัวอื่นๆ ผ่านทางหน้าเว็บได้

สรุปวิธีทำจะต้องทำอย่างไรถึงอร่อยแซ่บซี้ด

สรุปแล้ว  เล้ง คือ  คือความอร่อยที่ใครหลายคนเลือกทานเป็นอันดับต้นๆ เพราะมีรสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ซี้ดแซ่บถึงใจ ซึ่งแน่นอนว่าถูกปากคนไทยเราอย่างแน่นอน จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นร้านขายเล้งมากมาย และก็มีการทำเองที่บ้านสามารถกินเพลินๆ กันเป็นครอบครัวได้ ถ้ากลัวไม่อิ่มสามารถทานคู่กับข้าวได้ รับรองว่าคุณค่าทางอาหารมื้อนี้จะดีมาก ๆ การทำเล้งให้อร่อยจำเป็นจะต้องมี เตาแก๊ส คุณภาพที่จะสามารถพลิกความอร่อย ด้วยความร้อนที่เหมาะสมขณะการทำอาหารได้

โทษจากการกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเลี่ยงเมนูไหนบ้าง

โทษจากการกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเลี่ยงเมนูไหนบ้าง
สำหรับอาหารที่ถูกห้ามกินเสมอนั่นก็คือ อาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งหรือถ้าแปลง่ายๆ ก็คืออาหารจานด่วน เสิร์ฟรวดเร็วทันใจ เป็นอาหารที่ทำง่ายๆ และคิดว่าสะดวกรวดเร็วในการเสมอ แต่หารู้ไม่ว่า อาหารฟาสต์ฟู้ด คือ อาหารที่มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เนื่องจากกระบวนการในการทำอาหาร หรือการจัดเตรียมวัตถุดิบอาจจะไม่ได้รับของที่มีคุณภาพหรือของที่ดีพร้อม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจะพาทุกคนไปรู้จักกับอาหารชนิดนี้กันมากขึ้น พร้อมพาไปดูว่า อาหารฟาสต์ฟู้ด มีอะไรบ้าง

ทำไมถึงไม่ควรกินอาหารฟาสต์ฟู้ด?

อาหารฟาสต์ฟู้ด คือ

อาหารฟาสต์ฟู้ด คือ อาหารจานด่วนที่ใช้เวลาการทำรวดเร็ว สามารถกินได้ทันทีทันใดที่ตอบโจทย์ของคนยุคใหม่ โดยเมนูส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันที่สูงมากๆ ซึ่งส่งผลไม่ดีกับสุขภาพร่างกายในอนาคตแน่นอน เพราะอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่จะเป็นการนำสัตว์มาใช้ทำที่จะมีการให้ไขมันในปริมาณที่สูง เลยส่งผลให้ไขมันในร่างกายสูงขึ้น แม้แต่คลอเรสเตอรอลก็สูงคุณเช่นกัน สรุปง่ายๆ คือไม่ใช่อาหารที่มีโภชนาการที่ดี และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไหร่นัก

อาหารฟาสต์ฟู้ดมีอะไรบ้าง?

ในเนื้อหาส่วนนี้จะเป็นการยกตัวอย่างเกี่ยวกับ อาหารฟาสต์ฟู้ด ที่ทุกคนสามารถเห็นได้เป็นประจำ และเชื่อเลยว่าใครหลายคนต้องทานบ่อยๆ เป็นแน่ เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีความอร่อยถูกปากมนุษย์อยู่แล้ว เลยกลายเป็นอาหารยอดฮิตที่ใครหลายคนก็ทานเป็นประจำ อาหารฟาสต์ฟู้ด มีอะไรบ้าง มาดูกัน
  • เฟรนช์ฟราย – จะมีการใส่สารกันบูดมากถึง 2 ชนิด หากกินมากๆ จะส่งผลต่อการมองเห็น , มีปริมาณโซเดียมสูง จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น , มีไขมันทรานส์ที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
  • นักเก็ตไก่ – ส่วนผสมก็มักจะเป็นเนื้อไก่ปรุงรส คลุกแป้งและนำไปทอด ซึ่งในจุดนี้จะมีเกลือและไขมันที่สูงมากๆ ก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ 
  • พิซซ่า – ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากการตัดแต่งพันธุกรรม ที่ทำให้คุณค่าของสารอาหารลดลงไป เช่น การใช้เนยเทียม การใช้แป้งที่มีการฟอกสี , การใช้เกลือสังเคราะห์ และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ควรอยู่ในร่างกายคนเรา
  • แฮมเบอร์เกอร์ – เนื้อบดที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์จะมีการปนเปื้อนสารเร่งโต ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ไขมัน ส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคตเป็นอย่างมาก
  • ลูกอม – หากทานบ่อยจะเป็นการเพิ่มน้ำตาลในเลือดและยังทำให้เกิดฟันผุ
  • น้ำอัดลม – หากทานบ่อยๆ จะทำให้เป็นโรคอ้วน ฟันผุ หรือโรคที่เกี่ยวกับกระดูก เพราะมีกรดคาร์บอนิกเป็นจำนวนมาก
  • แซนวิช – ในแซนวิชบางอย่างจะมีการเลือกใช้ไขมันทรานส์  ก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด , กรดซิตริก หากทานมากไปทำให้ร้องร่วง อาเจียน คลื่นไส้

โทษของอาหารฟาสต์ฟู้ด

ถ้าหากจะตีแผ่โรคโดยรวมหรือโทษของอาหารฟาสต์ฟู้ดต้องบอกว่ามีหลายๆ อย่างมากเลยทีเดียว และมากกว่าที่คุณอย่างแน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะพบเจอปัญหาเหล่านี้เป็นหลัก
  • ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
แน่นอนว่าอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่จะไม่มีคุณค่าอาหารที่ดีต่อร่างกาย หรือครบ 5 หมู่ เมื่อกินไปเรื่อยๆ จึงไม่แปลกที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่พอเพียง เป็นตัวทำให้ร่างกายแข็งแรงน้อยลง และภูมิคุ้มกันที่ต่ำอีกด้วย
  • ไขมันในเลือดสูง
สำหรับอาหารชนิดนี้แน่นอนว่าส่วนใหญ่ใช้วิธีการทอดในอาหาร หรือวัตถุดิบหลักมักมีไขมันในปริมาณที่มาก ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งไขมันแท้หรือไขมันทรานส์หากทานต่อไปเรื่อยๆ จะเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น
  • ความดันโลหิตสูง
การทานเป็นประจำจะส่งผลต่อความดันโลหิตสูง ซึ่งความดันโลหิตก็จะเกี่ยวกับหลอดเลือดภายในร่างกาย ที่สามารถเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้หากมีไขมันมากอาจทำให้อุดตันในเส้นเลือด ทำให้ไหลเวียนเลือดในร่างกายไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน

สรุปโทษจากการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด

สรุปแล้วอาหารฟาสต์ฟู้ด มีโทษด้วยกันอยู่หลายอย่างที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะเกิดจากการทานสิ่งที่ไม่ควรมีในร่างกาย หรือทานบางอย่างในปริมาณมากเกินไปก็จะสามารถทำให้เกิดโรคได้มากมาย ซึ่งในตอนแรกๆ ที่ทานอาจไม่เห็นว่าจะเกิดผลเสียอย่างไร โดยส่วนใหญ่มักจะส่งผลเมื่อตอนที่อายุมากยิ่งขึ้น เพราะเกิดจากการสั่งสมจนทำให้เป็นโรคได้ สำหรับการเลือก แบรนด์เครื่องครัว ที่ดีก็จะช่วยในการทำอาหารให้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถรังสรรค์อาหารคุณภาพได้ตามใจแบบไม่ติดขัด แนะนำมาลองดู เตาแก๊ส และ เตาอบ ของทาง Catalog Tecnogas ได้

5 ข้อดีของการทำอาหารกินเองเพื่อสุขภาพ

5 ข้อดีของการทำอาหารกินเองเพื่อสุขภาพ
ยุคนี้ถ้าอยากสุขภาพดี “การทำอาหารกินเอง” นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะทุกคนจะสามารถรังสรรค์เมนูในแบบที่ตัวเองต้องการได้ เริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบที่สามารถเลือกแบบออร์แกนิค สามารถหลีกเลี่ยงผงชูรส ได้ซึ่งในบทความนี้จะมาชี้ข้อดีอื่นๆ ให้ทุกคนเห็นชัดว่าการทำอาหารกินเองดีมากกว่าที่คิด และแน่นอนว่าหากสมาชิกในบ้านเยอะการทานอาหารที่ทำกันเองจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังสามารถทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รักได้อีกด้วย เอาเป็นว่าตามไปดูข้อดีของการทำอาหารกินเองเพิ่มกันดีกว่า

5 ข้อดีของการทำอาหารกินเอง

1. ทำอาหารกินเองเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

ถ้าอยากสุขภาพดีและแข็งแรงควรเริ่มที่ตัวเรา อย่าไปเริ่มที่มือของใคร แนะนำว่าหากใครทำอาหารเป็นหรือมีเวลาในการเรียนรู้การทำอาหารจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพได้หลายอย่าง ผ่านการควบคุมการกินที่ต้องบอกเลยว่าจากสุขภาพที่แย่ๆ ขาดสารอาหารหลายอย่าง ทุกคนจะสามารถดีขึ้นได้เพียงแค่ทานอาหารสุขภาพที่เหมาะกับร่างกายตัวเอง ดังนั้นหากรู้ว่าเป็นโรคอะไรอยู่หรือเข้าภาวะเสี่ยงรีบเปลี่ยนมาเป็นทำอาหารกินเองจะเป็นการดีที่สุด

2. เลือกวัตถุดิบได้ตามต้องการ

ในการอาหารที่จะตัดสินใจได้ว่าสุขภาพจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับเมนูที่ทำ แน่นอนว่าเราเลือกเมนูเพื่อสุขภาพได้ และถ้าหากให้ดีมากยิ่งขึ้นเราก็สามารถเลือกวัตถุดิบตามที่ต้องการ คัดเกรดคุณภาพหรือเป็นแบบออร์แกนิคได้ และที่สำคัญยังสามารถควบคุมโภชนาการ รวมไปถึงแคลเลอรี่ระหว่างมื้อได้อีกด้วย สุดท้ายแน่นอนว่าทุกคนสามารถเลือกอาหารที่อยากจะกินได้เช่นกัน

3. กำหนดงบประมาณได้

สำหรับการเข้าครัวด้วยตัวเองจะประหยัดกว่าการทานข้าวนอกบ้านอย่างแน่นอน เพราะเวลาซื้อวัตถุดิบ รวมไปถึงเครื่องปรุงต่างๆ มักจะซื้อในระยะยาวและสามารถทำกันได้หลายมื้อ อาจจะมีของสดที่ต้องรีบเคลียร์ แต่บอกได้เลยว่าถ้าเราจัดการเรื่องงบประมาณได้ จะทำให้ประหยัดเงินกับการอาศัยอยู่ในบ้านได้แบบที่สุดๆ เลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีทำอาหารกินเองทางอ้อม

4. มีทักษะการทำอาหารเก่งขึ้น

แน่นอนว่าถ้าหากทุกคนเข้าครัวเป็นประจำ ความสามารถในการทำอาหารดีขึ้นอย่างแน่นอน อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือการเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหาร การที่จะคำนวณส่วนผสมต่างๆ ในการทำแต่ละเมนู การเริ่มทำอาหารที่ในตอนแรกอาจทุลักทุเลแต่ถ้าหากทำเมนูเรื่อยๆ บอกเลยว่าคล่องตัวได้แน่ๆ และแน่นอนว่าการเริ่มทำเมนูอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเป็นการเสิร์ฟความคล่องตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก หากใครอยากพัฒนาฝีมือแนะนำว่าให้ลองทำอาหารกินเอง ลองผิดลองถูกเองพัฒนาไว้อย่างแน่นอน

5. ช่วยฝึกสมาธิ เพิ่มความสุข

ถ้าหากใครเครียดๆ จิตใจฟุ้งซ่านในหัวคิดวนๆ อยู่แบบนั้น การจะหลีกนี้จากตรงนั้นที่ดีคือการออกแรง ไม่ว่าจะเป็นออกแรงล้างจาน ออกแรงทำความสะอาดห้องครัว หรือแม้แต่การทำอาหารกินเองด้วยเช่นกัน เพราะเราต้องใส่ใจในการทำอาหารที่อยู่ตรงหน้าในจุดนี้เท่ากับว่าเราเปลี่ยนโฟกัสและทำให้หลุดความคิดฟุ้งซ่านได้ และถ้าหากทำเป็นประจำทุกวันยังช่วยฝึกสมาธิได้ดีอีกด้วย ลองสังเกตได้ว่าหากคุณทำกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการทำอาหารจะทำให้คุณโฟกัสในสิ่งที่คุณอยากทำได้อย่างแน่นอน

ข้อแนะนำในการเริ่มต้นทำอาหารกินเอง

  1. เลือกทำอาหารจากเมนูง่ายๆ ที่มีสูตรให้พร้อม เตรียมวัตถุดิบไม่เยอะ ขั้นตอนในการทำไม่เยอะก่อน พอคล่องตัวแล้วให้เริ่มระดับความยากของการทำอาหาร
  2. การใช้เงินลงทุนในเครื่องครัวที่มีมาตรฐานจะทำให้ทุกคนสามารถทำอาหารได้ง่ายกว่าเดิม ที่สำคัญยังมีความปลอดภัยขณะการทำอาหารได้เป็นอย่างดี หากคุณยังไม่มีเครื่องครัวแนะนำว่าซื้อของดีมีคุณภาพใช้ยาวๆ จะเป็นการดีที่สุด
  3. เรียนรู้ทักษะในการทำอาหาร ทักษะในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวกับเมนูใด แต่เป็นการฝึกฝีไม้ลายมือในการทำอาหารมากกว่า อย่างเช่น การหั่น การต้ม ผัด ทอด นึ่ง อบ หรืออื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้คุณทำอาหารได้หลากหลายยิ่งขึ้น

สรุป ข้อดีของการทำอาหารกินเอง

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ทำอาหารกินเอง มีอะไรดีมากกว่าที่ทุกคนคิด เพราะนอกจากเรื่องสุขภาพร่างกายเรายังได้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่มีประสบการณ์แนะนำว่าให้ลองทำอาหารก่อน คุณอาจจะกลายเป็นคนชอบทานอาหารก็ได้ และถ้าหากทำอาหารอร่อยก็สามารถแจกจ่ายเพื่อนบ้าน หรือพัฒนาจนเปิดอาหารได้เช่นกัน และถ้าคุณกำลังมองหา แบรนด์เครื่องครัว ที่มีคุณภาพคงทน สามารถใช้งานง่าย และที่สำคัญยังมีรับประกันแล้วล่ะก็ ขอให้แวะมาดูที่หน้าเว็บ Tecnogas กันได้เลย

เคล็ดลับขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว

เคล็ดลับขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว
สำหรับใครที่เข้าครัวเป็นประจำ มักจะพบเจอคราบน้ำมันอยู่บ่อยๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการขจัดคราบน้ำมันทุกครั้ง เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำอาหาร อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพหากมีวิธีล้างคราบน้ำมัน ที่เคลียร์ได้หมดจด ก็สามารถแก้เรื่องความสะอาดในห้องครัวเป็นอย่างดี ดังนั้นหากทุกคนกลับไปดูครัวของตัวเองและพบคราบน้ำมัน แนะนำว่าทุกคนไปแก้ไขพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

เคล็ดลับขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว

การขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะคราบน้ำมันมักจะขจัดยากอยู่เสมอ และถ้าหากยิ่งปล่อยไว้เกาะติดทนนานก็จะทำให้คราบน้ำมันเกาะแน่นยิ่งกว่าเดิม โดยวิธีล้างคราบน้ำมัน มีดังต่อไปนี้

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกวิธีขจัดคราบน้ำมัน

ก่อนที่เราจะเข้าสู่วิธีขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว จะต้องรู้หลายสิ่งหลายอย่างก่อนเลือกตัดสินใจว่าจะใช้วิธีไหน โดยสามารถยึดเกณฑ์ที่จะอธิบายดังนี้ได้
  • พื้นผิวที่ต้องการขจัดคราบ : พื้นผิวอะลูมิเนียม , พื้นผิวกระเบื้อง , พื้นผิวไม้ , พื้นผิวเทฟลอน และอื่นๆ อีกมากมาย
  • ตำแหน่งที่ต้องการขจัดคราบ : กระทะ , เตาแก๊ส , อ่างล้างจาน , ท่อในอ่างล้างจาน , กำแพงครัว , บริเวณตู้ไม้ที่อยู่เหนือกระทะ และอื่นๆ อีกมากมาย
  • พิจารณาว่าคราบฟังแน่นแค่ไหน : ในการพิจารณาให้ใช้ตาดูความหนาของคราบน้ำมัน รวมทั้งพื้นผิวว่ามีการเกาะติดและดูขจัดยากแค่ไหน ก่อนจะไปเลือกวิธีขจัดคราบน้ำมัน

สิ่งที่ใช้ในการล้างคราบน้ำมัน

เมื่อได้ประเมินพื้นที่ที่ต้องการทำความสะอาดห้องครัวหรืออุปกรณ์ทำครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนต่อมาจะต้องเลือกวิธีในการเคลียร์คราบน้ำมัน ซึ่งขอแนะนำ 5 วิธีนี้
  • น้ำร้อน : หากเป็นบริเวณขารองเตาแก๊สที่มีคราบแน่นๆ ให้ทำการต้มน้ำร้อนให้เดือด จากนั้นเอาขาตั้งไปแชร์จนให้ไขมันลอยขึ้นมา ก่อนที่จะขัดๆ ถูๆ และล้างน้ำออก 
  • เบกกิ้งโซดา : สามารถขจัดได้เกือบทุกพื้นผิว โดยวิธีการคือนำเบกกิ้งโซดาผสมน้ำ นำมาพ่นหรือพอกไว้ในบริเวณที่มีคราบทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วค่อยนำฟองน้ำขัดและล้างน้ำออก , ในส่วนของการทำความสะอาดท่อให้เทเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 10 นาที และเทน้ำเดือด
  • น้ำส้มสายชู : การขจัดจะเหมาะกับการทำความสะดวกเครื่องครัว พื้น ผนัง เครื่องดูดควันที่มีคราบฝังแน่น วิธีการให้ใช้น้ำส้มสายชู และน้ำในอัตรา 1:2 ผสมเข้าด้วยกัน แล้วใช้ผ้าเช็ด พอคราบออกใช้น้ำสะอาดเช็ดตาม
  • เกลือ : ให้นำเกลือโรยบริเวณที่มีคราบจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ รอให้เกลือดูดซึม จากนั้นค่อยฉีดน้ำส้มสายชูตามลงไป ทำการเช็ดถูกให้สะอาดด้วยผ้าหรือไม่ก็ฟองน้ำ และตามด้วยน้ำสะอาด
  • น้ำมันพืช : เทน้ำมันพืชไม่ต้องเยอะลงกระดาษทิชชู่ก่อนจะนำไปถูบริเวณที่มีคราบน้ำมัน

หมั่นดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ

ทางเลือกที่ดีที่สุดที่ไม่ทำให้เกิดคราบน้ำมันฝังแน่น ต้องหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำอยู่เสมอๆ ในส่วนที่อยากให้โฟกัสก็จะมีในส่วนของบริเวณเตาแก๊ส เตาอบ ไมโครเวฟ เคาน์เตอร์ทำอาหาร ฝาผนัง รวมไปถึงเครื่องดูดควันเป็นประจำ โดยอาจจะหาผ้ามาเช่นคราบน้ำมันหรือคราบอาหารออก หลังจากที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เครื่องครัวที่ง่ายต่อการทำความสะอาด

หลายครั้งหลังทำอาหารเสร็จแล้วไม่อยากทำความสะอาดต่อเพราะเครื่องครัวอะไรที่ทำความสะอาดยากมากๆ แนะนำตอนที่จะซื้อใหม่หรือจะซื้อติดตั้งจำเป็นต้องเลือกเครื่องครัวที่ทำความสะอาดง่าย โดยสังเกตได้จากการดีไซน์ วัสดุที่ใช้ทำเครื่องครัว รวมไปถึงการถอดชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อให้ทำความสะอาดง่ายดายยิ่งขึ้น ถ้าคุณประสบกับปัญหาเหล่านี้อยู่ สามารถปรึกษาทาง Tecnogas กันดูเพราะทางเรามีเครื่องครัวที่เหมาะกับทุกพื้นที่ให้คุณได้เลือกติดตั้ง

สรุป วิธีขจัดคราบน้ำมันในห้องครัว

การขจัดคราบน้ำมันเป็นสิ่งที่ควรเคลียร์ทุกครั้งหลังทำอาหารเสร็จ ไม่ควรปล่อยให้ตกค้างโดยเฉพาะบริเวณเตาแก๊สที่มักจะมีน้ำมันออกมาขณะทอดอยู่บ่อยๆ ดังนั้นก็ขอให้ทุกคนทำตามวิธีที่ได้แนะนำไป และหากใครกำลังมองหา แบรนด์เครื่องครัว ที่จะช่วยทำให้งานครัวง่ายขึ้นกว่าเดิม สามารถทำอาหารได้อย่างเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันก็ทำความสะอาดได้ง่ายดาย ขอแนะนำให้เลือกแบรนด์ Tecnogas ที่ใส่ใจเรื่องเครื่องครัวทำอาหารให้อร่อยยิ่งกว่าเดิม

7 ประโยชน์ของปลา ทำเมนูไหนก็อร่อยเหมาะกับทุกคน

7 ประโยชน์ของปลา ทำเมนูไหนก็อร่อยเหมาะกับทุกคน
เมนูปลานับว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย เพราะประโยชน์ของปลามีเยอะมาก อย่างเช่น เด็กก็จะช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาทได้ ในขณะที่วัยผู้ใหญ่ก็จะช่วยในการลดความดันโลหิตได้ และที่สำคัญยังเป็นเนื้อที่ถือว่าสามารถย่อยได้ง่ายๆ และน้อยมากที่จะสะสมไขมันในร่างกาย ซึ่งเหมาะกับคนที่อยู่วัยชราเช่นเดียวกัน เพราะการเคี้ยวหรือการย่อยสำหรับการทานเนื้อปลานับว่าเป็นอะไรที่เหมาะที่สุด

7 ประโยชน์ของปลาต่อสุขภาพ

ในการเลือกทานเนื้อปลาถ้าหากเจาะลึกลงไปกว่านี้จะรู้ว่า ประโยชน์ของปลา ที่สามารถเจอสารอะไรได้เยอะมาก ที่มีทั้งหมด 7 อย่าง โดยสารอาหารเหล่านี้ส่งผลในทิศทางที่ดีต่อสุขภาพคือมีโปรตีนสูง มีไขมันน้อยทำให้ไม่เกิดโรคได้หลายอย่าง ช่วยเสริมสร้างสมองให้ดี และมีธาตุอื่นๆ ที่เสริมความแข็งแรงและฟื้นฟูร่างกายได้

1. มีโปรตีน

เนื้อปลานับว่าเป็นเนื้อที่มีโปรตีนที่แสนสำคัญ เพราะสามารถย่อยได้ง่าย ทำให้การดูดซึมเอาไปใช้ฟื้นฟูร่างกายสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม และยังสามารถช่วยซ่อมแซมร่างกายให้ไม่มีความสึกหรอได้ และเสริมสร้างการพัฒนาภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับว่าเป็น ประโยชน์ของปลา หากทานเป็นประจำจะได้อันดับแรก

2. มีกรดอะมิโน

เนื้อปลาจะมีกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็น ซึ่งกรดอะมิโนมีหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยที่บางชนิดร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่จำเป็นที่จะต้องมีซึ่งหาทานได้จากเนื้อปลา โดยกรดอะมิโนจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต พัฒนาสมอง และการทำงานของระบบประสาท ซึ่งสามารถช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมความสึกหรอได้เช่นกัน

3. มีไขมันน้อย

เนื้อปลานับว่ามีไขมันที่น้อย โดยไขมันที่ทานลงไปจะไม่มีการสะสมภายในร่างกาย การที่ร่างกายมีไขมันน้อยก็จะช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับไขมันร่างกายได้ดี และสามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวกับโรคไขมันได้ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิต และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้แล้วปลายังเป็นเนื้อที่เหมาะแก่การลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะทานปุ๊บก็สามารถย่อยได้ง่าย จึงไม่มีการสะสมของไขมัน

4. มี DHA

DHA นับว่าเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่ร่างกายจะไม่สามารถสร้างเองได้ โดย DHA มีส่วนช่วยในพัฒนาการของเด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยเด็กได้ เพราะจะช่วยพัฒนาสมองและพัฒนาระบบประสาทของเด็ก โดยเฉพาะบริเวณดวงตาได้เป็นอย่างดี ประโยชน์ของปลา ในข้อนี้จึงสำคัญสำหรับเด็กเป็นอย่างมาก

5. มีโอเมก้า 3

โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันอิโคซาแพนเตนิคที่พบในปลาและอาหารทะเลอื่นๆ เช่น เนื้อปลาแซลมอน, เนื้อปลาทูน่า, และเนื้อปลาซาร์ดีน เป็นต้น เอกลักษณ์เฉพาะของโอเมก้า 3 ที่ไม่พบในกรดไขมันอื่นๆ ทั่วไป คือการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และป้องกันการสะสมเลือดแข็งที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับเอชดีแอลแอล คลายเครียดในหัวใจ

6. มีวิตามิน D

สำหรับวิตามิน D จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างแคลเซียมในร่างกายได้ และป้องกันปัญหาเกี่ยวกับโรคกระดูกในอนาคตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการควบคุมความดันโลหิตให้ไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและโรคหัวใจ โดยวิตามิน D ก็สามารถหาได้จากปลาเช่นเดียวกัน

7. มีแร่ธาตุไอโอดีน

สุดท้ายสารอาหารที่มีของ ประโยชน์ของปลา  ก็คือแร่ธาตุไอโอดีน ที่นับว่าจำเป็นกับทุกวัยและไม่ควรขาดอย่างเด็ดขาด เพราะไอโอดีนส่งผลต่อการสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง หรือมีพัฒนาการในการสติปัญญาช้าได้

สรุป ประโยชน์ของปลา

ดูจากประโยชน์ของปลาที่กล่าวไปข้างต้น บอกเลยว่าต้องเตรียมเตาแก๊สพร้อมเตาอบให้พร้อม ทำเมนูเย็นนี้กันเลย ทั้งเป็นวัตถุดิบที่อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงหลายด้าน อีกทั้งยังมีหลายมิติที่ส่งผลในแง่บวกต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เลยไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะเลือกทานปลาบ่อยๆ ซึ่งทาง Tecnogas เองเห็นด้วยกับการทำอาหารเมนูเด็ดอย่างเนื้อปลา และถ้าอยากให้อาหารอร่อยยิ่งกว่าเดิม ได้สัมผัสที่พิเศษการเลือก แบรนด์เครื่องครัว มาช่วยในการทำอาหารก็ดีไม่ใช่น้อย เพราะเราจะไหลลื่นกับการทำครัว และคล่องตัวได้ดีอย่างแน่นอน

5 วิธีล้างปลาไม่ให้คาวให้ทานง่ายยิ่งกว่าเดิม

5 วิธีล้างปลาไม่ให้คาวให้ทานง่ายยิ่งกว่าเดิม
สำหรับการทำอาหารเมนูปลานับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนทำอาหารกังวลและสงสัย เพราะโดยปกติแล้วเนื้อปลาจะมีความคาวมาก การใช้วิธีล้างปลาไม่ให้คาว หรือมีเคล็ดลับในการนำไปทำอาหารอย่างไรไม่ให้มีกลิ่นคาวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าหากเนื้อปลาคาวตั้งแต่แรก และล้างไม่หมด ต่อให้ทำอาหารเมนูไหนก็สามารถลดความอร่อยได้ ดังนั้นในบทความนี้จึงจะพาทุกคนไปรู้เกี่ยวกับการล้างปลาไม่ให้คาวสามารถทำได้อย่างไรบ้าง

5 วิธีล้างปลาไม่ให้คาว

วิธีล้างปลาไม่ให้คาว นับว่าเป็นวิธีที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน เพราะถ้าหากทำได้ไม่ดีหรือไม่สะอาดพอ จะส่งผลต่อรสชาติปลาขณะที่ปรุงอาหารเสร็จได้ทั้งในเรื่องของความคาวที่ยังติดอยู่ รวมถึงการทำให้ปลามีรสชาติขม อาจทำให้เมนูนั้นมีความผิดเพี้ยนในเรื่องของรสชาติได้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นว่าไม่อร่อย จนทานต่อไม่ได้ ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า 5 วิธีล้างปลาไม่ให้คาวสามารถทำได้อย่างไรบ้าง

1. ล้างเมือกที่ตัวปลาให้สะอาด

ก่อนอื่นไม่ว่าจะซื้อปลาจากที่ไหนก็ตามจำเป็นที่จะต้องล้างเมือกให้สะอาดก่อน ซึ่งสามารถล้างได้ใน อ่างล้างจาน  วิธีการก็คือน้ำปลามาล้างด้วยน้ำเปล่าให้เมือกปลาออก ไม่มีจำกัดว่ากี่ครั้ง แต่ถ้าล้างแล้วเมือกหายหมดแล้ว และมีความฝืดที่ปลาก็ถือว่าล้างสะอาดเรียบร้อย ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญอย่าล้างลวกๆ เพราะกลิ่นคาวปลาจากเมือกยังติดอยู่

2. การขอดเกล็ดปลา

ในส่วนต่อมาวิธีล้างปลาไม่ให้คาวก็คือการขอดเกล็ดปลาออกสำหรับใครที่ซื้อปลาที่ไม่ได้ขอดเกล็ดปลามา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำวิธีการสามารถเริ่มได้จากนำน้ำส้มสายชูมาเททั่วตัวปลาจะช่วยทำให้ขอดเกล็ดปลาได้ง่ายขึ้น หรือสามารถต้มน้ำร้อนมาเทเนื้อปลาให้แล้วตามด้วยน้ำเย็นก็ได้เหมือนกัน สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่หางไปหัวโดยใช้สันมีดเพื่อป้องกันปลาเละ ในจุดนี้จะเป็นการล้างจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในตัวปลาได้อีกด้วย

3. การควักไส้ปลา

การควักไส้ปลา คือ การนำปลามาใช้มีดผ่าบริเวณหน้าท้องโดยแนะนำว่าให้ค่อยๆ กรีดและระมัดระวังอย่างเต็มที่ ห้ามให้แตกอย่างเด็ดขาด จากนั้นเมื่อกรีดเส้น ให้ใช้มือค่อยๆ กวาดใส่ปลาออกมา กวาดออกมาเททิ้งให้หมด และตามด้วยการล้างในเนื้อปลาสะอาดด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเคลียร์จุดนั้นเป็นอันเรียบร้อย ถ้าหากวิธีล้างปลาไม่ให้คาว ในชั้นตอนนี้ทำได้ไม่ดีตัวปลาจะรสชาติขมทำให้ไม่อร่อย

4. ล้างปลาด้วยเกลือ

ต่อจากนั้นให้ตามด้วยการล้างปลาด้วยเกลือ วิธีการก็คือนำเกลือโรยทั่วปลาพลิกซ้ายและพลิกขวาจากนั้นให้ล้างออก แต่ถ้าทำ 3 ขั้นตอนที่ผ่านมาไม่หมด ให้นำเกลือมาละเลงที่ฝ่ามือพร้อมกับแป้งมัน 1 ช้อนชามาลูบให้ทั่วปลาในกรณีที่ยังมีเมือกอยู่จากนั้นให้ล้างออก แต่ถ้าไม่มีเมือกแล้วสามารถล้างด้วยเกลืออย่างเดียวก็ได้ หากในกรณีที่ต้องล้างเพื่อรักษาความสด ขอให้ใช้น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู และเกลือล้างแบบรวดเร็ว จากนั้นก็ตามด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ก็จะทำให้สามารถรักษาความสดของปลาได้มากขึ้นนั่นเอง

5. นำไปปรุงอาหารให้ถูกวิธี

วิธีล้างปลาไม่ให้คาว หลังจากนี้จะเป็นการปรุงอาหารเพื่อลดความคาวของเนื้อปลา อย่างเช่น การใช้ขิง ข่า กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูดมาเป็นส่วนผสมสำคัญในการปรุงอาหารก็จะทำให้เนื้อปลามีความคาวที่น้อยลงได้ โดยในจุดนี้ควรคิดตั้งแต่แรกเริ่มว่า เราจะกินปลาอะไร แล้วเราจะทำเมนูไหน ก่อนที่จะเลือกส่วนผสมว่าจะต้องใช้อะไรดีในการดับกลิ่นคาวปลา

สรุป วิธีล้างปลาไม่ให้คาว

สำหรับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว ในแต่ละขั้นตอนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจรายละเอียด เพราะเมนูปลานับว่าเป็นเมนูที่สามารถทำได้หลากหลาย ทั้งต้ม อบ ทอด นึ่ง ย่าง สามารถทำได้หลากเมนู แต่ถ้าล้างปลาไม่สะอาดตั้งแต่แรกและมีกลิ่นคาวเป็นอันจบความอร่อยได้อย่างแน่นอน และนอกจากนี้ถ้าได้เลือกใช้ แบรนด์เครื่องครัว คุณภาพที่ทำให้คุณสนุกกับการเข้าครัว และทำอาหารได้สะดวกไม่ยุ่งยากลองแวะมาปรึกษากันได้ที่ Tecnogas กันได้เลย

ข้อดีของการกินวีแกนคืออะไร?

ข้อดีของการกินวีแกนคืออะไร?
สำหรับการกินวีแกน ถ้าอธิบายแบบชัดๆ ก็คือคนที่ทานมังสวิรัติแบบเคร่งมากๆ หรือก็คือเน้นผัก ผลไม้เป็นหลัก โดยไม่ทานเนื้อสัตว์เลย เพราะเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่หากทานไปในปริมาณที่มากๆ จะส่งผลต่อร่างกายได้อย่างแน่นอน ทำให้เกิดโรคในทางใดก็ทางหนึ่ง แต่สำหรับการกินพืชผัก ผลไม้จะสามารถรักษาสุขภาพได้ดีกว่า และที่สำคัญก็ยังมีสารอาหารที่สามารถทดแทนโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์อีกด้วย เอาเป็นว่าทุกคนไปรู้กันก่อน วีแกน คือ อะไรในบทความนี้มีคำตอบให้กับทุกคนอย่างแน่นอน

ทำความเข้าใจการกินวีแกนคืออะไร?

การกินวีแกน คือ 

สำหรับการกิน วีแกน คือ การเลือกทานผลผลิตจากธรรมชาติอย่างเช่น พืชผัก ผลไม้ยึดไว้เป็นที่ตั้งว่าจะทาน แต่ในส่วนของการทานเนื้อสัตว์คือห้ามทานเด็ดขาด เพราะชาววีแกนมีเอกลักษณ์ตรงที่จะไม่ทานเนื้อสัตว์ไม่ใช่แค่อยากสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการงดทุกอย่างที่เป็นสัตว์หรือได้ผลผลิตทั้งสัตว์เพื่อเป็นการรักษ์โลก หรือไม่เบียดเบียนสัตว์นั่นเอง

ข้อดี-ข้อเสียของการกินวีแกน

ข้อดีของการกินวีแกน

  • สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
  • เปลี่ยนผิวพรรณให้สวยดูน่าสัมผัส
  • เสริมสร้างสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงดูเงางาม
  • ทานแล้วมีอายุที่ยืนยาวกว่า

ข้อเสียของการกินวีแกน

  • หากมีการคำนวณโภชนาการที่ไม่ดีพออาจทำให้ขาดสารอาหารได้ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และโปรตีน
  • การทำวีแกนกินเองที่บ้านถือว่าเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าออกหากินนอกบ้านถือเป็นเรื่องยาก เพราะร้านมังสวิรัติมีเยอะ แต่อาจมีส่วนผสมอย่างอื่นเช่น นม ไข่ ไก่ นำมาทำอาหารด้วยได้ ถ้าหากเลือกกินวีแกนแล้วไม่ควรทาน

เริ่มต้นกินวีแกนต้องทำอย่างไร?

สำหรับใครที่ทานมังสวิรัติที่มีการทานนม ไข่ น้ำผึ้งกันเป็นประจำอยู่แล้ว การเปลี่ยนมากินวีแกนจะเป็นเรื่องง่ายมากๆ แต่สำหรับคนทั่วไปบอกเลยว่ายากมากๆ โดยคำแนะนำขอให้ทำตามนี้
  1. ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ให้น้อยลง จากนั้นลดให้น้อยแล้วก็ให้ลดประเภทตาม ในขณะเดียวกันต้องกินธัญพืช ถั่วเพื่อเพิ่มสารอาหารที่ขาดหายไป
  2. เมื่อลดเนื้อสัตว์ได้จนหมดแล้ว ทีนี้หันมาลดผลผลิตที่ทำจากสัตว์ เช่น นม ไข่ และนำผึ้ง จากแต่เดิมกินทุกวันอาจจะลดลงวันสองวัน และไล่ความถี่ให้ห่างขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดได้ทั้งหมด
  3. ขณะเดียวกันจำเป็นต้องเรียนรู้โภชนาการว่าร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีหรือไม่ ครบถ้วนหรือเปล่าจากนั้นก็หมั่นเติมในส่วนที่ขาด (ในจุดนี้ต้องใส่ใจมากๆ)
  4. หากตั้งมั่นที่จะกินวีแกนอย่างจริงจัง ห้ามเปลี่ยนความคิดหรือท้อกลางคันเด็ดขาด เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราล้มเลิกการทานง่ายมาก พยายามนึกถึงข้อดีของการทานวีแกนเข้าไว้

อาหารวีแกนมีอะไรบ้าง?

ในส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาที่เหมาะกับมือใหม่หัดกินวีแกน หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าสามารถทานอะไรได้บ้าง ต้องบอกเลยว่าความอร่อยนั้นมีหลากหลาย และมีให้เลือกมากความที่คิดซึ่งมีดังต่อไปนี้

1.ต้มยำน้ำใสมังสวิรัติ 

วิธีการก็เหมือนการทำต้มยำน้ำใสที่โดยปกติแล้วจะต้องใส่เนื้อสัตว์ แต่อันนี้จะเลือกไม่ใส่แทน และเพิ่มโภชนาการทางอาหารอย่างเช่นใส่เห็ดหลากชนิดลงไป หรือจะใส่ผักชนิดอื่นๆ อย่างแครอทลงไปได้

2.ซูขิมังสวิรัติ

สำหรับเมนูนี้จะมาสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนน่าจะนึกหน้าตาซูชิแบบมังสวิรัติออก ก็คือการนำสาหร่ายมาห่อข้าวญี่ปุ่น พร้อมใส่ผักอย่าง แครอท ซูกินีมาห่อก็จะได้เป็นความอร่อยที่ถือว่าทำง่ายมากๆ

สรุป ข้อดีของการกินวีแกน

สำหรับการกินวีแกน นับเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ หากใครที่แต่เดิมทานอาหารอื่นๆ เป็นปกติ ถ้าอยากหักดิบแล้วหันมาทานวีแกนเลยจะเป็นเรื่องยาก และอาจทำให้เราท้อไปเสียก่อน แนะนำว่าค่อยๆ เลิกเนื้อสัตว์ทีละหมวดจนไม่เหลืออะไรเลย แบบนี้จะทำให้ทุกคนสามารถทานวีแกนได้มากยิ่งขึ้น แค่นั้นยังไม่พอร่างกายยังสามารถปรับสมดุลได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้การทานวีแกนนับเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ แต่ถ้าให้รักยิ่งกว่าแนะนำให้เลือก แบรนด์เครื่องครัว Tecnogas ที่ออกแบบให้ทำครัวได้ง่ายขึ้น และยังสามารถลดควันที่เป็นผลเสียต่อการทำอาหารได้อีกด้วย

5 ของว่างทานเล่น ทอดกรุบๆ ทานเพลินๆ

5 ของว่างทานเล่น ทอดกรุบๆ ทานเพลินๆ
ของว่างทานเล่น นับว่าเป็นอะไรที่เหมาะเสิร์ฟกับทุกมื้ออาหาร หรือจะทานระหว่างวันก็ได้ โดยของว่างเหล่านี้ก็มีให้เลือกหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ใครก็ยกขึ้นหิ้งนั่นก็คือ “ของทอด” ที่บอกเลยว่าเคี้ยวกรุบ เคี้ยวดัง เคี้ยวเพลินจนใครหลายคนเลือกทานเป็นประจำ และในบทความนี้ทาง Tecnogasthai จะมาแนะนำ ของว่างทานเล่นทำง่าย พร้อมแนะนำสูตรสุดปังที่สามารถรับรองได้ว่าอร่อยติดใจ ว่าแต่มีเมนูไหนบ้างนั้นตามไปอ่านพร้อมๆ กันได้เลย

5 เมนูของทอด ของว่างทานเล่นทำง่ายที่ได้รับความนิยม

1. ปูอัดฝอยทอดกรอบ

สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่จำเป็นต้องจิ้มมาโยวาซาบิ เผ็ดจี๊ดขึ้นหัว ขอให้มาลองทำกันกับปูอัดฝอยทอดกรอบ ที่ผ่านการยีเส้นจนดูเหมือนเส้นหมี่กรอบ แต่รับรองรสชาติอร่อยจัด สูตรความอร่อย : 
  1. นำปูอัดมายีให้แยกออกจากกันจนเป็นเส้นๆ และนำไปคลุกเคล้ากับแป้งทอดกรอบ
  2. เสร็จแล้วให้นำปูอัดชุบแป้งทอดกรอบทอดในกระทะที่มีน้ำมันเห็นเป็นสีทองก็เอาขึ้นได้
  3. เตรียมซอสวาโยวาซาบิ คือการนำมายองเนสผสมกับวาซาบิให้เป็นเนื้อเดียวกันจิ้มทาน

2. ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย

ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย นับว่าเป็นเมนูที่ยอดฮิตที่จัดว่าเป็น เอาไก่ที่เตรียมไว้ลงกระทะที่ตั้งน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ก็ทอดลงไปจนเห็นว่าไก่กรอบก็พร้อมยกออกจากกระทะทานเพลินๆ ได้ไม่มีหยุด แถมยังแย่งกันบ่อยๆ เสิร์ฟพร้อมซอสพริกเพิ่มความอร่อยได้ สูตรความอร่อย :
  1. เตรียมเนื้อไก่ไว้ให้พร้อมปรุงด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม รากผักชี กระเทียม พริกไทยที่ผ่านการโขลกแล้วมาคลุกด้วยกันและหมักทิ้งไว้ สักครึ่งชั่วโมงแล้วนำมาผสมกับแป้งทอดกรอบ
  2. เอาไก่ที่เตรียมไว้ลงกระทะที่ตั้งน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ก็ทอดลงไปจนเห็นว่าไก่กรอบก็พร้อมยกออกจากกระทะ

3. หนังไก่ทอด

อีกหนึ่งความอร่อยที่ใครต่างก็น้ำลายไหลกับหนังไก่ทอด ของว่างทานเล่น ที่เคี้ยวเพลิน เคี้ยวมัน กรุบๆ กรอบๆ อร่อยอย่างลงตัวรับรองไม่หยุดมือ  สูตรความอร่อย :
  1. หนังนำไก่ไปต้มจนสุกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทยคลุกเคล้าให้เข้ากันทิ้งไว้สักพัก
  2. จากนั้นนำหนังไก่ไปคลุกกับแป้งอเนกประสงค์ ตั้งน้ำมันปานกลางบนเตาแก๊สให้พร้อมแล้วทอดกันไปเลย

4. เห็ดเข็มทองทอด

ถ้าใครมีเห็ดเข็มทอดอยู่ในตัวเย็น แต่อย่างจะเป็นสัมผัสให้มีความกรุบๆ กรอบๆ ทานง่ายเคี้ยวเพลิน ขอให้ลองเห็ดเข็มทองทอดทานแล้วจะติดใจ สูตรความอร่อย :
  1. นำเห็ดเข็มทองมาฉีกเป็นเส้น 
  2. จากนั้นให้นำแป้ง ไข่ไก่ น้ำเปล่าให้เป็นเนื้อเดียวกันมีความหนืดนิดหน่อยแล้วค่อยนำเห็ดเข็มทองมาชุบ
  3. สุดท้ายเทน้ำมันลงกระทะให้เดือดเต็มที่ค่อยนำลงทอด ให้เป็นสีทองก็สามารถยกออกจากกระทะได้เลย

5. ข้าวโพดทอด

ข้าวโพดทอด นับว่าเป็นอีกความอร่อยที่สามารถทานได้เพลินๆ ที่จะได้ความกรุบกรอบจากแป้ง มาพร้อมกับข้าวโพดที่ให้รสหวาน หากมองว่าเป็นของว่างทานเล่นทำง่าย ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกินขนมอยู่เหมือนกัน สูตรความอร่อย : 
  1. นำข้าวโพดมาฝานผสมน้ำ 1 ถ้วยตวง+เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาให้เข้ากันและทิ้งไว้ก่อน
  2. จากนั้นให้เตรียมแป้งอเนกประสงค์แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น และผงฟูคนให้เข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำข้าวโพดที่ผสมไว้มาคลุกให้เข้ากันอีกที
เตรียมเตาแก๊ส ให้พร้อม ใส่น้ำมันพูนกระทะ ตั้งไฟปานกลางจากนั้นก็นำข้าวโพดที่ผสมลงไปทอดจนเป็นสีทองก็สามารถยกขึ้นจากกระทะได้

เคล็ดลับทำเมนูของทอด ของว่างทานเล่นให้อร่อยดั่งใจ

สำหรับเมนูของว่างทานเล่นทำง่ายทั้ง 5 เมนูที่ได้มีการแนะนำไปนั้น ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่ใครหลายๆ คนเลือกทาน และถ้าใครอยากทำตามก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม เลือกใช้เตาคุณภาพที่สามารถควบคุมความร้อนระหว่างการทอดได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากหากเตาควบคุมความร้อนไม่พอเหมาะอาจทำให้อาหารอร่อยน้อยลงได้ ดังนั้นการเลือกใช้ เตาแก๊ส จาก Tecnogas จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

7 อาหารใต้ภูเก็ตความอร่อยน่าลองต้องกินสักครั้ง

7 อาหารใต้ภูเก็ตความอร่อยน่าลองต้องกินสักครั้ง
ถ้าหากใครได้มาภูเก็ตที่นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากมาย และยังมีอาหารใต้ภูเก็ต ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่ชวนเข้าไปสัมผัสในหลายเมนู ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละจานนั้นอร่อยเด็ดสไตล์อาหารใต้บวกอาหารจีน ในบทความนี้จึงจะพาทุกคนไปดูเมนูอาหารกูเก็ตว่าแต่ละจานอร่อยอย่างไร พร้อมแนะนำพิกัดร้านอาหารใต้ ทุกคนสามารถรีบปักหมุดเดินทางไปกินได้โดยอาหารทั้ง 7 ที่มีความน่าสนใจดังต่อไปนี้

7 เมนูอาหารใต้จังหวัดภูเก็ตที่ต้องลอง

1. โอต้าว (หอยทอดภูเก็ต)

โอต้าวก็คือ หอยทอดที่มีการเลือกแป้งที่เน้นความเหนี่ยวนุ่มทานได้อร่อย พร้อมส่วนผสมที่ยิ่งเพิ่มดีกรีให้แปลกใหม่มากกว่าเดิม โดยการใส่เผือก ไข่ แป้ง กากหมูเจียว ผัดให้เข้ากันจนกลายเป็นจานอร่อย จัดว่าเป็นจานยอดฮิต อาหารใต้ภูเก็ต ที่แท้จริง ร้านแนะนำ :  ร้านโอวต้าว บางเหนียว ที่อยู่ :  หน้าโรงเรียนเทศบาลบางเหนียว ปากซอยศักดิ์สิทธิ์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต, 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8.30 – 23.00 น.

2. หมี่หุ้นบ๊ะฉ่าง

หมี่หุ้นบ๊ะฉ่าง นับว่าเป็นอีกจานหนึ่งที่มีชื่อเสียงสำหรับ อาหารใต้ภูเก็ต เป็นอย่างมาก โดยเส้นจะเป็นหมี่ขาวทำพิเศษไม่แห้ง ไม่นิ่ม นำมาผัดกับน้ำซุปกระดูหมูปรุงซอสเพิ่มรสชาติ มักจะเสิร์ฟพร้อมซุปกระดูกหมู ร้านแนะนำ :  หมี่หุ้นป้าฉ่าง จี้ใจ – บางเหนียว ที่อยู่ :  82-84 ซอย ศักดิ์สิทธิ์ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 – 16:30 น.

3. หมี่ผัดฮกเกี้ยน (หมี่เชก)

หมี่ผัดฮกเกี้ยน นับว่าเป็น อาหารใต้ภูเก็ต  ยอดนิยม เพราะมีการเลือกใช้หมี่เหลืองเส้นกลม พร้อมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ หมู กุ้ง หมึกได้หมด ผัดพร้อมกับเครื่องปรุงรสน้ำพอขลุกขลิก และผักกวางตุ้งที่สามารถเพิ่มความอร่อยได้เต็มที่ ร้านแนะนำ :  ร้านหมี่ต้นโพธิ์ ที่อยู่ :  214/7-8 ถนนภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต, 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 18.30 น.

4. โลบะ

โลบะนับเป็น อาหารใต้ภูเก็ต  ที่มาในสไตล์จีนฮกเกี้ยน ที่เน้นเสิร์ฟเครื่องในนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ปอด ตับ หัวใจ ลำไส้ใหญ่ เนื้อหมูนำไปทอดให้น่าทาน นับว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับคนที่ชื่นชอบสายเครื่องในเป็นอย่างมาก สามารถจิ้มน้ำจิ้มของเมนูนี้ทานยาวๆ กันได้ ร้านแนะนำ :  ร้านโลบะบางเหนียว ที่อยู่ :  18/61 ถนนแม่หลวน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต, 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน จันทร์-เสาร์ เวลา 10.30 – 18.00 น. อาทิตย์ เวลา 10.30 – 17.00 น.

5. ฮูแช้ (สลัดผักภูเก็ต)

ฮูแซ้ คือ สลักผักภูเก็ต ที่เน้นสารอาหารอย่างผักชนิดต่างๆ โดยจะใส่ผักกาดขาว ถั่วงอก ผักบุ้ง รวมทั้งเพิ่มโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตด้วยไข่ต้มผ่าครึ่ง และเต้าหู้ทอดหั่นบางๆ พร้อมเพิ่มความรู้สึกเคี้ยวกรุบๆ ด้วยหมี่กรอบ ทีเด็ดจะอยู่ตรงที่น้ำราดสลัด ซึ่งจะให้รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด เมื่อทานแล้วจะรู้สึกรองท้องง่าย ไม่หนักไปหรือไม่เบาจนเกินไป นับว่าเป็น อาหารใต้ภูเก็ต ที่คนพื้นเมืองชอบกินเป็นอย่างมาก ร้านแนะนำ :  ร้านหมี่สะปำ คุณยายเจียร ที่อยู่ :  56/8 ถนนเทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต, 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 17.30 น.

6. หมูฮ้อง (หมูต้มซีอิ๊ว)

หมูฮ้อง คือ หมูสามชั้นมาตุ๋นพร้อมกับการใส่เครื่องเทศชนิดต่างๆ กระเทียม รากผักชี พริกไทย มาเพิ่มความหอมให้น่าทาน จากนั้นก็ปรุงรสด้วยซีอิ๋วดำกับขาว บอกเลยว่าจานนี้รสชาติเข้มข้น นุ่มลึก ทานเพลินกับหมูสามชั้นชิ้นโตๆ ร้านแนะนำ :  ตู้กับข้าว ภูเก็ต ที่อยู่ :  8 ถ. พังงา ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000 เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 11:00 – 21:00 น.

7. ปอเปี้ยะสดภูเก็ต

ปอเปี๊ยะสดภูเก็ต จะมีความอร่อยตรงไส้ของปอเปี๊ยะที่จะใส่มันแกว หมูแดง หมูต้ม เต้าหู้เหลืองทอด และห่อด้วยปอเปี๊ยะบอกเลยว่ารับรองนุ่มภายนอก สัมผัสไส้เน้นๆ นับว่าเป็นความอร่อยที่ใครหลายคนต้องยกนิ้วให้ โดยเฉพาะน้ำซอสที่มาด้วยรสเข้มข้นเติมเต็มรสชาติได้เป็นอย่างดี ร้านแนะนำ :  ปอเปี๊ยะสดหล่อโรง ที่อยู่ :  ตลาดฉำฉา ถ. ระนอง ตำบล ตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000 เวลาเปิด – ปิด : หยุดทุกวันอังคาร เปิด 11:30 – 17:00 น.

สรุปอาหารใต้ภูเก็ตความอร่อยน่าลองต้องกินสักครั้ง 

ทุกคนคงจะเห็นแล้วว่า อาหารใต้ภูเก็ต จะมีชื่อเรียกแปลกๆ หรือเป็นชื่อเฉพาะที่มาแบบสไตล์จีนๆ ต้องบอกเลยว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มาจากเมืองจีนและปักหลักที่ภูเก็ต ทำให้ได้รับวัฒนธรรมจากจีนมามากมาย เช่น เดียวกับอาหารทั้ง 7 ที่ได้แนะนำไปนี้ ถ้าหากใครไม่สะดวกจะไปเที่ยว บางเมนูสามารถฝึกลองทานเองที่บ้านได้ เพียงแค่หาวัตถุดิบให้พร้อม เตรียมเครื่องครัวดีๆ ที่จะช่วยเติมเต็มความอร่อยได้ดียิ่งขึ้น หากใครกำลังมองหาอยู่สามารถเลือกช้อปได้จาก แบรนด์เครื่องครัว Tecnogasthai กันได้เลย

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310