วิธีอุ่นอาหารให้อร่อยเหมือนเดิม
วิธีอุ่นอาหารมีกี่แบบ
การอุ่นอาหารเป็นกรรมวิธีหนึ่งในการยืดอายุอาหารเพื่อเก็บไว้รับประทานในครั้งถัดไป แต่การอุ่นอาหารในแต่ละแบบ หรือการใช้อุปกรณ์ในการอุ่นนั้นก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน การอุ่นอาหารที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่- การอุ่นอาหารด้วยเตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า
- การอุ่นอาหารด้วยเตาอบ
- การอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ
อุ่นอาหารด้วยเตาแก๊ส/เตาไฟฟ้า
เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกบ้านสามารถทำได้ในการอุ่นอาหาร ก็คือการใช้เตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า โดยตั้งไฟให้อาหารที่อุ่นมีอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป แม้จะรสชาติคงเดิม แต่การอุ่นด้วยเตาแก๊สจะมีความยุ่งยากในการอุ่นมากกว่าเตาไฟฟ้า ใช้เวลานาน เปลืองแก๊สหุงต้ม รวมถึงการทำความสะอาดที่ตามมาหลังการอุ่นเพราะต้องมีการเปลี่ยนภาชนะหลายครั้ง เพื่อความสะดวกเราขอไมโครเวฟ Microwave TNP MG 925 แนะนำLSS ที่มีความจุถึง 25 ลิตร สามารถอุ่นอาหารได้สะดวกกว่าด้วยฟังก์ชัน 8 โปรแกรมการปรุงอาหารอัตโนมัติ คงรสชาติอาหารให้อร่อยเหมือนใหม่อุ่นอาหารด้วยเตาอบ
การเลือกวิธีอุ่นอาหารด้วยเตาอบเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับอาหารประเภทของทอด ขนมปัง เบเกอรีหรือขนมที่ต้องการความกรอบโดยเฉพาะ เตาอบสามารถคืนความสดใหม่ให้กับอาหารประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี แถมยังคงรสชาติได้ดีเพราะอาหารจะได้รับความร้อนโดยตรง วิธีการอุ่นอาหารด้วยเตาอบ- เลือกภาชนะใส่อาหารที่ไม่ใช่พลาสติก ทนความร้อนสูง เช่น แก้ว ถาดโลหะ
- ก่อนอุ่นอาหารวอร์มเตาอบก่อน 3-5 นาที ด้วยไฟ 150-180 องศาเซลเซียส
- นำอาหารเข้าไปอุ่นร้อน ใช้ความร้อนต่ำ ๆ
- นำถ้วยใส่น้ำวางไว้ข้างอาหารในเตาอบ เพื่อให้อาหารไม่แห้งเกินไป
อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ
มาถึงวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการอุ่นอาหารหรือทำอาหารมื้อด่วน ก็คือการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ โดยหลักในการเลือกไมโครเวฟที่ดี คือ เราควรเลือกไมโครเวฟที่สามารถปรับระดับความร้อนได้หลายระดับ หรือเป็นไมโครเวฟที่สามารถตั้งเมนูการทำอาหารได้หลากหลายแบบ การอุ่นอาหารด้วย ไมโครเวฟรุ่น Microwave TNP MG 925 LSS เรียกได้ว่าตอบโจทย์มากที่สุด ด้วยฟังก์ชันที่สามารถทำอาหารจานด่วนได้ และยังมีโปรแกรมการปรุงอาหารอัตโนมัติ 8 โปรแกรม สามารถอุ่นอาหารได้เยอะเพราะมีแก้วหมุนขนาดใหญ่ ขนาด 315 มม. กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง แค่นำอาหารที่ต้องการอุ่นใส่ภาชนะและนำเข้าเวฟ ก็ได้อาหารที่รสชาติสดใหม่ อุ่นร้อนพร้อมทานสรุปบทความ
แม้ว่าการอุ่นอาหารด้วยเตาอบเป็นเรื่องที่สามารถทำได้และมีประโยชน์กว่าการเทอาหารทิ้งไป แต่การเก็บรักษาอาหารให้ถูกสุขอนามัยเองก็มีความสำคัญมาก ไม่ใช่อาหารทุกชนิดที่จะสามารถเก็บไว้นานข้ามคืนได้ เพราะการเก็บไว้ข้ามคืนอาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่มองไม่เห็นในอาหาร ให้เตาอบที่ได้มาตรฐานคุณภาพสูงจาก Tecnogas เป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหาร เพื่อคุณภาพของอาหารและสุขภาพของทุกคนในครอบครัวแชร์วิธีใช้เครื่องล้างจานให้มีประสิทธิภาพ
วิธีใช้เครื่องล้างจานให้ถูกต้อง
วิธีใช้งานเครื่องล้างจานไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าอยากใช้ให้เต็มประสิทธิภาพก็จะต้องเข้าใจก่อนว่าเจ้าเครื่องทุ่นแรงอันนี้เหมาะสมกับการทำงานแบบไหน ดูแลอย่างไร และใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุดเติมเกลือที่ใช้เฉพาะกับเครื่องล้างจาน
ในการเริ่มใช้งานเครื่องล้างจานครั้งแรกจะต้องมีการเติมเกลือ แต่ไม่ใช่เกลือแกงเกลือบ้านทั่วไปที่ใช้ทำอาหารนะ ต้องเป็นเกลือเฉพาะสำหรับเครื่องล้างจานเท่านั้น เพื่อให้เกลือเข้าไปช่วยปรับความกระด้างของน้ำประปาให้มีความอ่อนลง ช่วยทำให้น้ำยาทำความสะอาดละลายและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีขึ้น โดยปกติช่องใส่เกลือมักจะอยู่ด้านล่างของเครื่องล้างจาน แต่บางรุ่นอาจจะต่างออกไป อย่าลืมอ่านคู่มือการใช้งานให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนทุกครั้งใช้น้ำยาเครื่องล้างจานโดยเฉพาะ
การเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่ผลิตมาเพื่อเครื่องล้างจานโดยเฉพาะนั้นมีความสำคัญกว่าที่คิด หลายบ้านอาจจะคิดว่าการใช้น้ำยาล้างจานทั่วไปไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อตัวเครื่อง นี่เป็นความเชื่อที่ผิด โดยประเภทของน้ำยาล้างจานที่ใช้สำหรับเครื่องล้างจานมี 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่- น้ำยาเครื่องล้างจานแบบผง: ราคาไม่แพง ประสิทธิภาพดี แต่ต้องใช้ร่วมกับเกลือ และถ้าหากต้องการความแวววาวของจานชามต้องเติมน้ำยาแวววาวลงไปด้วย
- น้ำยาเครื่องล้างจานแบบเม็ด/ก้อน: ใช้งานสะดวก เพราะภายในก้อนจะผสมด้วยน้ำยาล้างจาน เกลือ และน้ำยาแวววาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
- น้ำยาเครื่องล้างจานแบบน้ำ: การใช้งานคล้ายกับแบบผง ใช้งานง่ายแค่เทผสมกับเกลือและน้ำยาแวววาว แต่ประสิทธิภาพจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับแบบอื่น และมักมีการใส่สารลดแรงตึงผิวไว้ด้วย
ตรวจสอบปริมาณจานที่สามารถรองรับ
การซื้อเครื่องล้างจานมาสักเครื่องหนึ่ง เชื่อว่าผู้ซื้อก็จะต้องคำนวณความเหมาะสมในเรื่องของปริมาณความจุจาน ว่าเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ เช่น การซื้อเพื่อใช้ล้างจานในบ้าน ในครัวเรือนที่มีสมาชิกอยู่ตั้งแต่ 2-4 คน อาจเลือกเครื่องล้างจานที่รองรับปริมาณจานได้ 6-15 ชุด แต่สำหรับเครื่องล้างจานขนาดใหญ่ที่ใช้ในธุรกิจอย่างร้านอาหารหรือโรงแรมสามารถทำความสะอาดในปริมาณมาก ๆ ได้ถึงหลักพันใบ ทั้งนี้การใส่ปริมาณจานชามให้เหมาะสมกับตัวเครื่อง ก็จะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดได้มากยิ่งขึ้นเรียงภาชนะในเครื่องล้างจานให้ถูกต้อง
ในขั้นตอนของการนำจานเข้าไปทำความสะอาดนั้นก็จะต้องใส่ให้เหมาะสมถูกต้องตามวิธีการด้วย เพื่อให้การล้างจานเป็นไปตามมาตรฐานความสะอาด ฆ่าเชื้อได้หมดทุกซอกมุม และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง โดยหลัก ๆ จะมีวิธีพื้นฐานในการเรียงภาชนะในเครื่องล้างจาน ดังนี้- วางจานชามหรือเครื่องครัวอื่น ๆ ที่ต้องการทำความสะอาดให้หันหน้าเข้าหาจุดกึ่งกลางของเครื่อง
- อย่าวางเครื่องครัวประเภทเดียวกันรวมไว้ด้วยกัน เพราะการทำความสะอาดจะเข้าได้ไม่ทั่วถึง
- ราวด้านบนเหมาะสำหรับแก้ว ทัพพีเล็ก หรือถ้วยเล็ก ๆ วางคว่ำหน้าลงตลอดแนว
- ราวด้านล่างสำหรับวางจาน ชาม หม้อและกระทะที่มีขนาดใหญ่
เลือกโปรแกรมการทำงานให้เหมาะสม
หลังจากจัดเรียงภาชนะเข้าเครื่องล้างจานสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกโปรแกรมการล้างทำความสะอาดให้เหมาะสม ก็คล้าย ๆ กันกับการใช้งานเครื่องซักผ้า ที่จะมีโปรแกรมการซักล้างแบบปกติ และแบบพิเศษ ในแต่ละรุ่นของเครื่องล้างจานอาจมีโปรแกรมทำความสะอาดที่แตกต่างกัน ให้เลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับความหนักของคราบอาหาร เช่น ถ้าเป็นอาหารมื้อพิเศษที่มีคราบน้ำมันที่ล้างออกยาก อาจเลือกระบบล้างที่มีความละเอียดมากกว่าปกติ เป็นต้นนำภาชนะในชั้นล่างออกก่อนเสมอ
อีกหนึ่งเทคนิคที่ห้ามมองข้ามคือการนำภาชนะจานชามออกจากเครื่องล้างจานเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ควรที่จะนำเอาภาชนะที่วางอยู่ชั้นล่างออกก่อนเสมอ เพราะถ้าหากเอาภาชนะที่วางอยู่ชั้นบนออกมาก่อน หยดน้ำต่าง ๆ จากด้านบนจะหล่นลงมาเปื้อนกับจานที่อยู่ด้านล่างได้นั่นเอง หรือบางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันเป่าแห้ง เพื่อช่วยขจัดหยดน้ำที่เกาะอยู่ให้เบาบางลงก่อนนำออกจากเครื่องสรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าในการตัดสินใจลงทุนกับเครื่องล้างจานนั้นจะช่วยได้มากในเรื่องของการทำความสะอาดภาชนะที่ทั่วถึงมากกว่า สะดวกมากกว่า และยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การฆ่าเชื้อด้วยความร้อน การเป่าแห้ง หรือการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ซึ่งถ้าหากคุณทราบวิธีใช้เครื่องล้างจานที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้จานสะอาด และประหยัดเวลาได้ โดยเครื่องล้างจานและน้ำยาเครื่องล้างจาน จาก Tecnogas แบรนด์ชั้นนำที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ได้มาตรฐาน ปลอดภัย มีหลากหลายขนาดเหมาะกับการใช้งานของคุณแนะนำวิธีใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัย
วิธีใช้ไมโครเวฟที่ถูกต้อง
ไมโครเวฟเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัวที่จะอาศัยการปล่อยคลื่นพลังงานไมโครเวฟออกมาเพื่อทำให้อาหารสุกในอุณหภูมิและระยะเวลาที่เหมาะสม แต่การใช้งานไมโครเวฟนั้นก็มีข้อแนะนำและข้อจำกัดที่ควรรู้ ตั้งแต่ในเรื่องของการเลือกใช้ภาชนะ การตั้งเวลาในการอุ่นอาหาร ไปจนถึงการนำอาหารออกจากไมโครเวฟอย่างถูกวิธีใช้ไมโครเวฟอย่างไรให้ปลอดภัย เรามีคำแนะนำดังนี้เลือกวัสดุและภาชนะให้เหมาะสม
ก่อนที่จะนำอาหารเข้าไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟ การเลือกภาชนะที่มีวัสดุเหมาะสมก็มีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากเลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวไมโครเวฟเองได้ เช่น ภาชนะเกิดการระเบิด หรือเกิดไฟลุกไหม้ ภาชนะที่เหมาะกับการเข้าไมโครเวฟ ได้แก่- ถ้วยเซรามิก หรือถ้วยกระเบื้อง
- ถ้วยแก้ว (ไม่ควรมีลวดลายสีสันที่ตัวแก้ว)
- กล่องพลาสติก ประเภท PP (Polypropylene)
- โลหะทุกชนิด เพราะจะทำให้คลื่นไมโครเวฟเสื่อมสภาพได้
- บรรจุภัณฑ์กระดาษ อาจทำให้เกิดไฟลุก
- จาน ชามเมลามีน
- กล่องโฟม
- ฟอยล์ห่ออาหาร
อุ่นอาหารด้วยระยะเวลาที่เหมาะสม
การอุ่นอาหารเองก็ต้องคำนึงถึงระยะเวลาและกำลังไฟที่เหมาะสมด้วย เพราะการอุ่นร้อนด้วยระยะเวลาที่เร็วเกินไปก็อาจทำให้อาหารยังไม่สุกดี หรือถ้าปล่อยไว้นานเกินไปก็จะทำให้อาหารแห้งแข็งเกินไปได้ โดยระยะเวลาทั่วไปในการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารจะแบ่งตามประเภทของอาหารได้ดังนี้- อุ่นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง:หลังจากละลายน้ำแข็งจะใช้เวลา 15-30 วินาที หรือตามที่ฉลากหน้าบรรจุภัณฑ์แนะนำ
- อุ่นอาหารมื้อก่อนหน้า: ใช้เวลา 2-5 นาที เพราะมากกว่านั้นอาจทำให้อาหารแห้งเกินไปได้
หลีกเลี่ยงการใช้อุณหภูมิสูง
การตัดสินใจเลือกใช้อุณหภูมิสูง ๆ ไปเลยเพื่อที่จะทำให้อาหารสุกไวขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาหารแต่ละชนิด แต่ละประเภท ก็จะมีการใช้อุณหภูมิในการอุ่นร้อนแตกต่างกัน เช่น เนื้อ ปลา หรือไข่ จะใช้อุณหภูมิประมาณ 106 องศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไป ส่วนเนื้อสัตว์ประเภทเป็ด ไก่ ควรตั้งอุณหภูมิที่ 170-180 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อมั่นใจว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมาได้จริงนำอาหารออกทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ
การอุ่นอาหารทิ้งไว้ในไมโครเวฟเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเมื่อความร้อนลดต่ำลงหลังจากอุ่นเสร็จ การทิ้งอาหารไว้ในไมโครเวฟที่ปิดฝาสามารถก่อให้เกิดเชื้อโรคหรือแบคทีเรียในอาหารขึ้นได้ จากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษาอาหาร ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้รับประทานเข้าไปได้อย่างรุนแรงใช้ฝาครอบอาหาร
อย่าคิดว่าฝาครอบอาหารเป็นแค่อุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่จำเป็น เพราะการปิดฝาครอบอาหารก่อนนำเข้าอุ่นในไมโครเวฟนั้นเป็นเทคนิคที่จะช่วยกระจายความร้อนภายในไมโครเวฟให้แผ่ไปได้ทั่วจานอาหารของเรา อีกทั้งยังช่วยในด้านความสะอาดเพราะป้องกันอาหารกระเด็น หกเลอะออกมาจากถ้วยระหว่างกำลังอุ่น ช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับไมโครเวฟของเราสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อหยิบอาหาร
ถุงมือสำหรับหยิบอาหารร้อนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หลายคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ถุงมือเพราะสามารถใช้ผ้าอื่น ๆ ช่วยจับแทนได้ แต่จริง ๆ แล้วการใช้อุปกรณ์ วัสดุ ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการจับอาหารร้อนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุของร้อนหล่นลวก หรือทำให้เชื้อโรคที่ติดมาจากผ้าแพร่กระจายลงสู่อาหารได้สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าในการใช้ไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ควรปฏิบัติตามวิธีใช้ไมโครเวฟที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายทั้งในด้านสุขภาพและความเสียหายอื่น ๆ โดย Tecnogas เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า เราจึงมีการออกแบบไมโครเวฟและเครื่องครัวยุโรปเพื่อรองรับการใช้งานและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยป้องกันการสัมผัสความร้อนโดยตรง หรือฟังก์ชันตั้งเวลาอุ่นอาหาร หรือเลือกเวลาการอุ่นที่เหมาะสมกับประเภทอาหารให้ เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในห้องครัว ปลอดภัยไร้กังวลเคล็ดลับระบายอากาศห้องครัวให้ถ่ายเท
วิธีระบายอากาศห้องครัว
ในการระบายอากาศห้องครัวให้เกิดการถ่ายเทมากขึ้น เพื่อให้อากาศที่ร้อนเพราะการประกอบอาหารภายในห้องครัวถ่ายเทออกไป พร้อมให้อากาศด้านนอกไหลผ่านเข้ามาแทนที่สามารถทำได้ ดังนี้1. เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศห้องครัว
วิธีที่ง่ายที่สุดของการระบายอากาศห้องครัวก็คือการเปิดหน้าต่างห้องครัวทิ้งไว้ในขณะที่กำลังทำครัวหรือประกอบอาหาร เพื่อให้ควันที่เกิดขึ้นได้ระบายถ่ายเทออกไปด้านนอก เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ให้กับห้องครัวด้วยวิธีการแบบธรรมชาติ2. ติดตั้งเครื่องดูดควันในห้องครัว
แต่ถ้าหากบ้านใครไม่มีการติดตั้งหน้าต่างที่บริเวณครัว หรือหน้าต่างมีช่องเล็กไม่สามารถระบายอากาศในห้องครัวได้ดีเท่าที่ควร เราขอแนะนำการติดตั้งเครื่องดูดควันไว้ในห้องครัวโดยเฉพาะ เมื่อเกิดควันจากการทำอาหารเครื่องดูดควันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายเทอากาศด้านนอกเข้ามาและนำควันที่เกิดขึ้นออกไปจากห้องครัว ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุด โดยเครื่องดูดควันจะต้องเลือกที่เหมาะสมกับขนาดของห้องครัวของเราด้วย เพื่อให้คุ้มค่าต่อการใช้งานมากที่สุด3. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ
พัดลมระบายอากาศเหมาะกับห้องครัวที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะกำลังของพัดลมระบายอากาศถึงแม้จะช่วยถ่ายเทอากาศในห้องครัวได้ แต่ประสิทธิภาพก็น้อยกว่าการใช้เครื่องดูดควันโดยตรง เพราะฉะนั้นการเลือกติดตั้งพัดลม สิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบก็คือประสิทธิภาพในการหมุนของพัดลมระบายอากาศ ขนาดห้อง และความถี่ ความนานของเราในการประกอบอาหารแต่ละครั้งด้วย4. ประดับห้องครัวด้วยต้นไม้
หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีต้นไม้หลายชนิดเหมือนกันที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ ดูดสารพิษที่เจือปนในอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่าต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น แก้วกาญจนา เศรษฐีเรือนใน หรือต้นว่านหางจระเข้ โดยเราสามารถนำเจ้าต้นไม้ฟอกอากาศเหล่านี้มาตั้งไว้บริเวณครัวได้เพราะเป็นพืชที่ไม่กลัวความร้อน แต่จะต้องห่างจากบริเวณที่เกิดความร้อนโดยตรงอย่างข้างเตา เพราะอาจทำให้ต้นไม้ได้รับความร้อนมากเกินไปจนเหี่ยวเฉาได้ เป็นการประดับครัวให้สวยแถมยังได้ประโยชน์แบบเต็ม ๆ5. ห้องครัวเพดานสูง
ห้องครัวที่ดีจะต้องมีความโล่ง โปร่งสบาย หากใช้ห้องครัวที่เพดานต่ำต่อให้กลิ่นอาหารหอมหวนชวนรับประทานขนาดไหน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นกลิ่นอับที่เกิดจากสภาพอากาศที่ไม่ถ่ายเท ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกอีกต่อไป การออกแบบห้องครัวให้มีเพดานสูงจึงมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากช่วยเรื่องดีไซน์ของบ้านให้ดูสูงโปร่งสบายตาแล้ว การถ่ายเทและการระบายอากาศห้องครัวนั้นก็จะดีขึ้น ทำให้ปัญหาเช่นครัวร้อน ครัวเหม็นอับ เกิดขึ้นได้ยากหรือไม่เกิดขึ้นเลยในอนาคตสรุปบทความ
ดังนั้นการแก้ปัญหาการระบายอากาศห้องครัวที่ไม่ดี จะต้องเริ่มตั้งแต่โครงสร้างที่โปร่งโล่ง มีอากาศหมุนเวียนมากกว่าห้องอื่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมา แต่ถ้าเกิดปัญหาครัวร้อน ครัวอับ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องดูดควันคุณภาพดีที่เหมาะสมกับขนาดของห้องครัวจาก Tecnogas ที่มีคุณสมบัติในการระบายอากาศดีเยี่ยม ผลิตภัณฑ์มาตรฐานสากล นำเข้าจากต่างประเทศเซฟค่าใช้จ่ายด้วยวิธีประหยัดแก๊สหุงต้ม
วิธีประหยัดแก๊สหุงต้ม
วิธีประหยัดแก๊สหุงต้มมีหลากหลายวิธีมากกว่าที่เราคิด แถมหลาย ๆ วิธีเป็นวิธีที่ถูกมองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เตา การทำความสะอาดเตา และการเลือกใช้ถังแก๊สหรือภาชนะหุงต้มให้เหมาะสมกับครัวเรือน ล้วนแล้วแต่ช่วยให้เราเซฟเงินจากค่าแก๊สหุงต้มทั้งนั้น1. เลือกถังแก๊สให้เหมาะกับการใช้งาน
ใครว่าขนาดของถังแก๊สไม่สำคัญคุณกำลังคิดผิด และนี่เป็นความคิดที่ทำให้คุณเสียเงินค่าแก๊สหุงต้มมากเกินความจำเป็นโดยใช่เหตุ ถังแก๊สมีหลายขนาด โดยแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้- ถังแก๊ส ขนาด 4 กิโลกรัม เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่น้อย เพราะถังเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับการใช้งานเป็นครั้งคราว
- ถังแก๊สขนาด 7 กิโลกรัม เป็นขนาดครึ่งหนึ่งของขนาดปกติในครัวเรือน เหมาะกับบ้านที่ทำอาหารเองไม่บ่อย นาน ๆ ครั้ง
- ถังแก๊สขนาด 11.5 กิโลกรัม เหมาะกับบ้านที่ทำอาหารบ่อยขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกวัน หรือบ้านมีข้อจำกัดด้านพื้นที่
- ถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม เป็นขนาดของแก๊สที่พบบ่อยในครัวเรือนปกติ เหมาะกับบ้านที่มีการทำอาหารเองเป็นประจำทุกวัน สามารถอยู่ได้ถึง 2 เดือน
2. วางแผนทำอาหารก่อนใช้เตา
การวางแผนทำอาหารล่วงหน้าทำให้เราสามารถควบคุมได้ว่า ในขั้นตอนไหนที่เราจะต้องเปิดหรือปิดเตาแก๊สบ้าง เช่น ในช่วงการเตรียมวัตถุดิบอาจจะยังไม่ต้องเปิดเตา เพราะการเปิดเตาแก๊สค้างไว้ทำให้สูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังทำให้เตาสึกหรอไวกว่าอายุการใช้งานที่กำหนด หรือถ้าหากเปิดทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้3. ใช้ภาชนะที่สะอาด
อย่ามองข้ามการเลือกตัวถังและตรวจสอบความปลอดภัยในเรื่องของตราสัญลักษณ์ มอก. เครื่องหมายของผู้ผลิต โดยสภาพตัวถังภายนอกเองก็จะต้องไม่เก่า ขึ้นสนิม วาล์วปิดสนิทพร้อมมีตัวปิดผนึกครบถ้วน เพื่ออนามัยในการประกอบอาหารและเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินด้วย4. ใช้ภาชนะที่เหมาะกับปริมาณอาหาร
การเลือกใช้ภาชนะหุงต้ม หรือภาชนะในการประกอบอาหารในห้องครัวให้เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีประหยัดแก๊สหุงต้มได้เหมือนกัน หากปรุงอาหารปริมาณน้อยไม่จำเป็นต้องใช้กระทะที่ใหญ่เกินไป เพราะการใช้ภาชนะขนาดใหญ่ก็จะต้องใช้แก๊สเพื่อสร้างความร้อนให้ทั่วกระทะมากขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองแก๊สหรือกลับกัน การทำอาหารเยอะแต่ใช้ภาชนะเล็ก ก็จะต้องเปิดแก๊สนานขึ้นกว่าอาหารจะสุกครบหมดนั่นเอง5. หมั่นสังเกตสีเปลวไฟอยู่เสมอ
สีของเปลวไฟเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์การแจ้งเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการสังเกต ที่พบบ่อยจะมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีเหลือง และสีแดง โดยแต่ละสีบอกคุณภาพของเตาแก๊สได้ดังนี้- เปลวไฟสีฟ้า เป็นสีปกติของเตาแก๊ส แสดงว่ายังใช้งานได้ดีปกติ
- เปลวไฟสีเหลือง หากมีสีเหลืองปนอยู่เหนือสีฟ้า บอกได้ว่าเตาแก๊สของคุณเริ่มมีปัญหา มักก่อให้เกิดคราบดำที่ก้นกระทะ
- เปลวไฟสีแดง หากไม่มีสีฟ้าปนเลยและมีเสียงไฟเมื่อเปิดแก๊ส แสดงว่าเตาแก๊สกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับแรงส่งแก๊สที่มากเกินไป ก่อให้เกิดอันตรายจากแก๊สระเบิดได้หากไม่รีบแก้ไข
6. ไม่เปิดเตาทิ้งไว้
การเปิดเตาทิ้งไว้ทำให้สูญเสียแก๊สไปเรื่อย ๆ อย่างเปล่าประโยชน์ ทำให้แก๊สหุงต้มหมดไวกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นการเปิดเตาและแก๊สทิ้งไว้นาน ๆ ยังสามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากแก๊สระเบิดหรือเตาชำรุด ก่อให้เกิดการสูญเสียได้อย่างไม่คาดคิด7. เลือกใช้หัวเตาแบบอินฟราเรด
โดยเตาแก๊สที่พบบ่อยทั่วไปในครัวเรือนจะทำมาจากวัสดุทองเหลืองและเหล็ก เปลวไฟสูง นำความร้อนดี แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ มักเกิดปัญหาหัวเตาตัน ทำให้ไฟออกได้ไม่สม่ำเสมอ การเลือกใช้เตาแก๊สอินฟาเรดเป็นทางเลือกที่ประหยัดได้มากกว่า เพราะมีเปลวไฟต่ำ ก้นภาชนะไม่ดำง่าย และที่สำคัญคือ มีระบบการทำงานแบบซึมแก๊ส ช่วยประหยัดแก๊สได้มากกว่าเตาแบบปกติ8. หมั่นทำความสะอาดหัวเตา
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเตาแก๊สแบบปกติในครัวเรือนนั้นนำความร้อนได้ดี แต่มีข้อเสียคือหัวเตาจะตันง่าย ทำให้ไฟออกไม่สม่ำเสมอเป็นสาเหตุที่ทำให้เปลืองแก๊ส วิธีประหยัดแก๊สหุงต้มง่าย ๆ อีกวิธีคือการทำความสะอาดหัวเตา สามารถทำเองได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันเก่า หรือผ้าชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ เช็ดทำความสะอาดที่หัวเตาหรือคราบสกปรก ที่สำคัญคือห้ามปล่อยทิ้งไว้นานสรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้ววิธีประหยัดแก๊สหุงต้มนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่ที่สำคัญจริง ๆ คือการเลือกใช้เตาแก๊สที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานมอก. อย่างเตาแก๊สอินฟาเรดจาก Technogas ที่คุณภาพมาตรฐานสากล ช่วยจบปัญหาหัวเตาแก๊สอุดตันจากการใช้งาน แถมช่วยประหยัดค่าแก๊สหุงต้มจากกำลังไฟที่ต่ำแต่สม่ำเสมอ เซฟเงิน เซฟชีวิต เลือก Tecnogasไอเทมที่ต้องมีติดห้องครัวคอนโด
ใครใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดก็เป็นที่รู้กันว่าพื้นที่ในแต่ละส่วนนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะจัดการใช้สอยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ว่าจะตัดสินใจซื้ออะไรเข้าห้องแต่ละทีก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะไม่อยากเอามาตั้งให้เปลืองพื้นที่และใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าที่คิด วันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะมาแนะนำ 6 ไอเทมที่ต้องมีติดห้องครัวคอนโด ช่วยให้สเปซห้องครัวมีประโยชน์และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
6 ไอเทมสำคัญสำหรับห้องครัวคอนโด
ส่วนของห้องครัวดูเหมือนไม่ได้เป็นส่วนที่สำคัญมากเท่าไหร่ในที่พักประเภทคอนโด แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่รักในการทำอาหาร และมองเห็นประโยชน์จากการเข้าครัวว่าเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยลดต้นทุนมื้ออาหารในแต่ละวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็ต้องห้ามพลาด 6 ไอเทมที่คุ้มค่า และควรค่าแก่การลงทุนไว้ในห้องครัวของคุณ ได้แก่
1. เครื่องดูดควัน
เรียกว่าเป็นไอเทมสำคัญอย่างแรกสำหรับห้องครัวคอนโด นั่นก็คือเครื่องดูดควันคอนโด ที่ช่วยกำจัดกลิ่นจากการประกอบอาหารภายในห้องได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดปัญหากลิ่นอาหาร กลิ่นควัน ที่ตกค้างอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์และพรมภายในห้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากต่อการทำความสะอาดในภายหลัง นอกจากนี้ยังลดปัญหากลิ่นอาหารที่อาจจะส่งกลิ่นรบกวนห้องอื่น ๆ ได้อีกด้วย
2. ไมโครเวฟ
เรียกได้ว่าปัจจุบัน Quick Meal เป็นอะไรที่คนในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เพราะความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน การมีไมโครเวฟที่คุณภาพดี มีมาตรฐานชัดเจนสักเครื่องติดคอนโดไว้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ยิ่งในปัจจุบันนี้ไมโครเวฟมีการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ให้มากขึ้นรองรับการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันปรุงอาหารจานด่วน หรือโหมดอาหารย่าง ตั้งเวลาสำหรับทำอาหารได้ และมีระบบ safety ที่แน่นหนา จึงเป็นไอเทมจำเป็นที่ชาวคอนโดไม่มีไม่ได้
3. เตาไฟฟ้า
เตาไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่่งอุปกรณ์เครื่องครัวที่เข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลังมานี้เพราะความสะดวก ไม่ต้องจ่ายค่าใช้แก๊สหุงต้ม โดยเฉพาะในบ้านที่ทำอาหารรับประทานเองไม่บ่อย การซื้อแก๊สหุงต้มจึงดูเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเท่ากับเตาไฟฟ้าที่เพียงแค่เสียบปลั๊กก็พร้อมทำอาหารได้ทันที แต่ในการเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยเป็นหลัก จากมาตรฐานมอก.และความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ผลิต
4. ตู้เย็น
ใครว่าตู้เย็นไม่จำเป็นในยุคนี้อาจจะต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เพราะตู้เย็นช่วยให้ชาวคอนโดสามารถแช่ของสด ผักสด เนื้อสัตว์ ไว้สำหรับประกอบอาหารในแต่ละมื้อได้ และที่สำคัญคือการทำอาหารเองช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้ดีกว่าการซื้อ อีกทั้งยังสามารถแช่อาหารจากมื้อก่อนหน้าไว้อุ่นทานในมื้อถัดไปได้ด้วย มีไว้ชีวิตง่ายขึ้น!
5. ตู้กับข้าว
ตู้กับข้าวก็เป็นอีกไอเทมที่ชาวคอนโดควรมีติดครัว โดยอาจเลือกขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสมกับขนาดห้องหรือไลฟ์สไตล์ เพราะบางครั้งการเก็บอาหารไว้ในตู้แช่เย็นอย่างเดียวก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก การมีตู้กับข้าวดี ๆ สักหลัง จะช่วยให้การทำอาหารของคุณราบรื่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
6. ชั้นเก็บของ
แน่นอนว่าชาวคอนโดจะต้องประหยัดพื้นที่ที่มีในห้อง การทำครัวครั้งหนึ่งแล้วมีของวางระเกะระกะเต็มไปหมดทำให้การทำอาหารยากขึ้น บดบังความสวยงามของห้องครัว ดังนั้นการลงทุนกับไอเทมอย่างชั้นเก็บของสักชิ้นสองชิ้น ช่วยให้จัดเก็บสิ่งของได้เป็นระเบียบ แถมยังช่วยให้ห้องครัวดูสวยงามเป็นระเบียบขึ้นด้วย ไม่ว่าจะแบบตู้ใสหรือตู้ทึบ ก็เลือกได้ตามความเหมาะสม
สรุปบทความ
ด้วยความที่ชาวคอนโดมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจำกัด การเลือกอุปกรณ์หรือเครื่องใช้สำหรับห้องครัวคอนโด จึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก อย่างเครื่องดูดควันคอนโดคุณภาพมาตรฐานสากลจาก Tecnogas มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยกำจัดควันจากการทำอาหารด้วยเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน (Recirculating) ที่รับรองว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ไร้กลิ่นรบกวนและตกค้าง ถูกใจชาวคอนโดอย่างแน่นอน
10 เมนูอะโวคาโดง่าย ๆ ทั้งคาวและหวาน
10 สูตรเมนูอะโวคาโด
โดยเมนูอะโวคาโดที่เรานำมาแนะนำจะผสมระหว่างเมนูอาหารคาวและเมนูของหวานจากอะโวคาโดสารพัดประโยชน์ รวมทั้งวัตถุดิบและวิธีทำ บอกเลยว่าง่ายมาก ทำตามได้ทุกเมนูเมนูอะโวคาโดอบไข่
ลองเมนูอะโวคาโดอบไข่นี้เป็นมื้อเช้า นอกจากช่วยบำรุงสุขภาพให้ดีจากสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังมีรสชาติอร่อยละมุนลิ้น เหมาะกับทุกคน ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดีด้วย วัตถุดิบ- อะโวคาโดสุก
- ไข่ไก่
- พาร์เมซานชีส
- ต้นหอม
- พริกไทยป่น
- น้ำมัน
- หั่นแบ่งครึ่งอะโวคาโด ตัดช่องตรงกลางนิดหน่อยเพื่อใส่ไข่
- ใส่ไข่ลงไปและเข้าเตาอบ 15-20 นาที
- เมื่อครบเวลานำออกมาโรยด้วยพาร์เมซานชีส ต้นหอมซอย และพริกไทยป่น
อกไก่ย่างอะโวคาโด
เปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาให้มีความพิเศษด้วยเมนูอกไก่ย่างอะโวคาโดที่สายสุขภาพต้องลองได้กรดไขมันชนิดดี มีประโยชน์สองต่อ แถมรสชาติก็เข้ากันสุด ๆ วัตถุดิบ- อะโวคาโด
- อกไก่ลอกหนัง
- พริกไทย ⅓ ช้อนชา
- เกลือ Low sodium
- เลมอน
- พาร์สลีย์
- หมักอกไก่ด้วยพริกไทยและเกลือ
- นำลงจี่บนกระทะที่ไฟกลาง
- นำขึ้นบนจาน และหั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอดีคำราดลงบนอกไก่ย่าง
- บีบเลมอนให้ทั่ว
- โรยพาร์สลีย์ด้านบนเล็กน้อย ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
เบคอนพันอะโวคาโด
เมนูเบคอนแสนหอมชวนหิวก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอะโวคาโดที่เราขอแนะนำ รสชาติของเบคอนย่างเกรียมผสานกับเนื้ออะโวคาโดเป็นความลงตัวที่ละมุนลิ้นสุด ๆ วัตถุดิบ- เบคอน
- อะโวคาโด
- พริกไทย
- หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอเหมาะ
- นำเบคอนมาพันรอบชิ้น
- โรยพริกไทยเล็กน้อย
- นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศา เป็นเวลาประมาณ 10 นาที
มูสอะโวคาโดช็อกโกแลต
อยากทานของหวานแต่ก็ไม่อยากรู้สึกผิดจะทำยังไงดี ขอแนะนำเมนูมูสอะโวคาโดช็อกโกแลตที่ทำง่าย แถมไม่ง้อน้ำตาลอีกด้วย อยากเฮลตี้ไม่จำเป็นต้องงดของหวานจนเครียด วัตถุดิบ- ผงโกโก้
- อะโวคาโด
- วิปปิ้งครีม
- น้ำผึ้ง
- ผ่าและตักเนื้ออะโวคาโดลงชาม
- เทน้ำผึ้งลงไป และผสมให้เข้ากัน
- เติมผงโกโก้
- เติมวิปปิ้งครีม คนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- นำมากรองผ่านผ้าขาวบางจนเป็นเนื้อเนียน ๆ ใส่แก้วที่เตรียมไว้
- แช่เย็น 5 นาที
- โรยผงโกโก้ตกแต่ง พร้อมเสิร์ฟ
แซนด์วิชทูน่าอะโวคาโด
คิดไม่ออกบอกแซนด์วิช ! แนะนำเมนูอะโวคาโดแซนด์วิชที่เหมาะกับชั่วโมงเร่งรีบ ดูแลสุขภาพได้ทุกที่แถมยังช่วยให้อิ่มท้องได้ยาวนานด้วย วัตถุดิบ- ขนมปัง
- ทูน่าในน้ำแร่
- อะโวคาโด
- พริกไทย
- ปิ้งขนมปังให้ร้อน
- วางทูน่าลงบนขนมปังให้ทั่ว
- หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอดีคำลงไป
- โรยพริกไทยปิดท้าย ก็ได้แซนด์วิชแสนอร่อยแล้ว
ยำอะโวคาโดบด
ถ้าอยากจะเพิ่มความอร่อยที่สามารถทำได้ง่ายๆ ขอแนะนำยำอะโวคาโดบดที่นับว่าเป็นอาหารจานอร่อยที่มีความน่าสนใจไม่น้อย วัตถุดิบ- อะโวคาโด
- หอมใหญ่
- ผักชี
- มะนาวหรือเลมอน
- กระเทียม
- มะเขือเทศ
- พริกป่น
- เกลือทะเล
- นำอะโวคาโดมาบดให้ละเอียดด้วยช้อนหรือส้อม
- ซอยหอมใหญ่ ผักชี กระเทียม และมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- หั่นเลมอน 1 ซีก
- ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ บีบเลมอน 1 ซีก จากนั้นใส่กระเทียมและผักชี
- โรยพริกป่นเพิ่มรสชาติตามชอบ ตัดรสชาติด้วยเกลือทะเลนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
อะโวคาโดกุ้งค็อกเทล
มาถึงอีกหนึ่งเมนูอะโวคาโดที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย เต็มไปด้วยสารอาหารไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แปลกใหม่ แถมยังอร่อยถูกปาก วัตถุดิบ- อะโวคาโดสุก
- กุ้ง
- น้ำมันมะกอก
- น้ำมะนาว
- เกลือป่น
- ผักสลัด
- นำกุ้งลวกแล้วคลุกน้ำมันมะกอกพักไว้
- บดเนื้ออะโวคาโดจนเนียนละเอียด
- เติมน้ำมะนาว เกลือป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ตักวางบนจาน ท็อปปิ้งด้วยกุ้งที่พักไว้
- ตกแต่งจานด้วยผักสลัดตามชอบ
อะโวคาโดปั่นนมสด
พักจากของคาวมาเป็นเมนูเครื่องดื่มจากอะโวคาโดที่หลาย ๆ คนโปรดปราน โดยเฉพาะในวงการสายเฮลตี้ อะโวคาโดปั่นนมสดเป็นเมนูยอดฮิตเพราะนอกจากรสชาตินัวลิ้นแล้วยังได้ประโยชน์จากไขมันดีด้วย วัตถุดิบ- นมสดรสจืด
- อะโวคาโด
- น้ำผึ้ง
- เกลือป่น
- ปอกอะโวคาโดคว้านเนื้อใส่เครื่องปั่น
- เติมนมสด น้ำผึ้งและเกลือป่นครึ่งช้อนชา
- ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน
- สามารถแบ่งทาน หรือเก็บใส่ขวดปิดฝาแช่เย็นได้ 3-5 วัน
ขนมปังหน้าสลัดอะโวคาโดไข่ต้ม
ชื่อเมนูอาจฟังดูยาวแต่วิธีการทำนั้นไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นเมนูที่เหมาะกับการรับประทานในช่วงเช้า ช่วยให้อยู่ท้อง รสชาติดีแถมประโยชน์จากสารอาหารจัดเต็ม วัตถุดิบ- ขนมปังแผ่น
- อะโวคาโด
- ไข่ต้ม
- มะเขือเทศ
- ผักสลัด
- น้ำสลัด
- พริกไทยดำป่น
- เริ่มด้วยการปิ้งขนมปังให้ร้อน
- นำไข่ต้มสับละเอียด วางบนขนมปัง
- หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้น วางทับบนไข่ต้มอีกชั้นหนึ่ง
- โรยพริกไทยป่นแต่งหน้า
- จัดผักสลัดไว้ข้างกัน โรยอะโวคาโดและมะเขือเทศบนผักสลัดและราดน้ำสลัดทับอีกชั้นก็เสร็จพร้อมรับประทาน
ซุปอะโวคาโด
เชื่อไหมว่าอะโวคาโดสามารถเอามาประยุกต์ทำเป็นเมนูอะโวคาโดซุปได้ไม่ต่างจากผักหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ เลย แถมขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก ทานง่าย เหมาะกับทุกวัย วัตถุดิบ- อะโวคาโดหั่นชิ้นเล็ก
- น้ำสต๊อกไก่ หรือน้ำสต๊อกผัก 2 ถ้วย
- น้ำมะนาว
- เกลือและพริกไทยป่น
- พาร์สลีย์
- พักน้ำสต๊อกไว้ในอุณหภูมิห้อง
- เทใส่เครื่องปั่น เติมอะโวคาโดลงไปปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมน้ำมะนาว เกลือ และพริกไทยป่นตามชอบ
- โรยหน้าด้วยพาร์สลีย์ตักเสิร์ฟได้เลย
สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าแค่เพียงผลไม้อย่างอะโวคาโดแค่อย่างเดียว ก็สามารถรังสรรค์เมนูอะโวคาโดออกมาได้นับสิบแถมยังหลากหลายสไตล์ แต่การลงมือทำอาหารจะง่ายหรือยากเครื่องครัวเองก็มีส่วน ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องครัว Tecnogas คุณภาพดี นำเข้าจากต่างประเทศ ยกระดับคุณภาพของอาหาร หรือการผัด ทอด ย่าง กระทะที่ได้มาตรฐานย่อมทำอาหารออกมาได้ดีกว่า เตาอบ และเตาไฟฟ้าจาก Tecnogas จะช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย อร่อยได้ในพริบตาทำความรู้จักเนื้อวัวแต่ละส่วน ทำเมนูไหนโดนใจที่สุด
เนื้อวัวแต่ละส่วนมีอะไรบ้าง
เนื้อวัวที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ส่วน ซึ่งเนื้อวัวแต่ละส่วนจะเหมาะกับวิธีประกอบอาหารด้วยเตาอบ หรือเตาไฟฟ้าที่แตกต่างกันไป โดยชิ้นส่วนของเนื้อวัว มีดังนี้- เนื้อสันคอ (Chuck)
- ซี่โครง (Rib Cut)
- เนื้อสัน (Loin Cut)
- เนื้อสะโพก (Round Cut)
- เนื้อติดหน้าอก (Brisket Cut)
- เนื้อติดกับขา (Shank)
- เนื้อหน้าท้อง (Belly / Plate Cut)
- เนื้อส่วนล่าง (Flank)
Chuck สันคอ
เป็นส่วนของวัวที่มีความหนาจากชั้นไขมันมากเป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น มีความนุ่มระดับปานกลาง การปรุงเนื้อที่มาจากส่วนของสันคอจึงเหมาะกับการปรุงแบบการค่อย ๆ ทำให้สุก เช่น การอบ หรือย่าง เพื่อเพิ่มความนุ่มละมุนและกลิ่นที่หอมจากการปรุงเพิ่มรสสัมผัสในการรับประทานได้ดีRib Cut ซี่โครง
เนื้อซี่โครงวัวเป็นส่วนที่มีความนุ่มละมุนลิ้นมาก เพราะเนื้อที่ติดซี่โครงนั้นจะมีไขมันติดอยู่ด้วย และยังเป็นส่วนหนึ่งของวัวที่เหมาะกับการปรุงด้วยการกรมวิธีการย่าง อบ รมควัน เมื่อรับประทานจะสัมผัสกับความหอมกลิ่นรมควันและรสชาติเนื้อที่นุ่มละมุน ทานง่าย มีความฉ่ำ จึงทำให้ซี่โครงเป็นส่วนยอดนิยมที่หลาย ๆ คนเลือกให้เป็นเมนูโปรดLoin Cut เนื้อสัน
มาถึงส่วนเนื้อสันที่เรียกได้ว่าเป็นตัวหลักของการแสดงโชว์ก็ว่าได้ เพราะเนื้อสันนี้จะมีรสชาติที่อร่อยตราตรึง และมีราคาสูงกว่าส่วนอื่น โดยเนื้อสันนั้นได้รับความนิยมในการนำไปทำเมนูสเต๊ก อบ ย่าง สายปิ้งย่างชาบูต้องไม่พลาดอยู่แล้ว โดยเนื้อสันยอดนิยมแบ่งเป็น- Sirloin: เนื้อสันนอกติดมัน เหมาะกับการทำสเต๊กที่มีเนื้อชุ่มฉ่ำผสมมันละมุนลิ้น ทานง่าย
- Tenderloin: เนื้อสันใน เหมาะกับการนำไปรับประทานในเมนูย่างหรือผัด แม้จะไขมันน้อยแต่เนื้อละมุนไม่แข็ง
Round Cut เนื้อสะโพก
เนื้อสะโพกพบได้บ่อยในเมนูสำหรับสายสุขภาพที่ต้องการเสริมโปรตีนดี ๆ จากเนื้อวัวชั้นเลิศ เพราะส่วนเนื้อสะโพกจะเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ทำให้ได้รับความนิยมในคนที่รักสุขภาพด้วย สามารถนำไปปรุงได้ทุกเมนูตามชอบ หรือจะนำไปทำเนื้อบดก็เหมาะสมBrisket Cut เนื้อติดหน้าอก
เนื้อติดหน้าอก เนื้อใต้อก หรือที่ไทยเราเรียกติดปากกันว่าเนื้อเสือร้องไห้ แม้ว่าจะเป็นส่วนที่มีความเหนียวค่อนข้างมากแต่กลับเป็นส่วนที่มีความอร่อยเฉพาะตัวและได้รับความนิยมมาก เพราะว่าเมื่อเนื้อชนิดนี้ผ่านความร้อนด้วยการปรุงจะมีรสชาติที่เข้มข้น และมีความเหนียวนุ่มโดนใจสายเนื้อนั่นเองShank เนื้อติดกับขา
เป็นอีกหนึ่งส่วนของวัวที่มีความเหนียวชวนเคี้ยว แถมเป็นส่วนที่มีเอ็นแทรก นิยมนำไปปรุงด้วยวิธีการที่ต้องผ่านความร้อนเป็นระยะเวลานานเพื่อช่วยให้ส่วนเนื้อที่เหนียวนั้นนุ่มขึ้น เช่น การนำเนื้อไปเคี่ยวทำแกงเนื้อแบบไทย เหนียวนุ่มเคี้ยวกรุบถูกใจสุด ๆPlate Cut/ Belly ส่วนหน้าท้อง
เนื้อท้องวัวเป็นเนื้อวัวส่วนที่มีไขมันค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับส่วนอื่น จึงเป็นที่นิยมในการนำไปทำน้ำสต็อกหรือทำเมนูตุ๋นเพื่อให้มันวัวแตกผสมกับซุปได้ความหอมมันอร่อยและกลิ่นหอม เคี่ยวจนเปื่อยและนำไปทานกับเมนูเส้นอย่างก๋วยเตี๋ยวก็เด็ดอย่าบอกใครFlank เนื้อส่วนล่าง
เนื้อส่วนล่างหรือเนื้อพื้นท้องเป็นเนื้อวัวส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น ๆ ไขมันน้อย จึงนิยมนำไปทำเมนูอาหารที่จะต้องใช้เนื้อวัวที่เป็นชิ้น ๆ โดยเนื้อส่วนนี้สามารถทำให้อร่อยได้ด้วยการนำไปหมัก ย่าง จะได้เนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินพร้อมรสชาติอร่อยโดนใจอย่างแน่นอนสรุปบทความ
เนื้อวัวถือว่าเป็นโปรตีนที่มีความหลากหลาย ซึ่งเนื้อวัวแต่ละส่วนก็มีเทคนิคในการปรุงที่แตกต่างกันออกไป โดยการปรุงเนื้อวัวให้ออกมาสมบูรณ์แบบเทคนิคจะอยู่ที่การกำหนดเวลาในการปรุง รวมถึงการเลือกใช้เตาไฟฟ้า หรือ เตาอบที่มีคุณภาพ นำความร้อนได้ดีไม่มีสะดุด เช่น เตาแก๊สและเตาอบคุณภาพสูงจาก Tecnogas ที่ตอบโจทย์กับการทำอาหารมื้อพิเศษอย่างเนื้อวัว ด้วยการกระจายความร้อนอย่างทั่วถึง มั่นใจในมาตรฐานระดับสากล จะเมนูไหนก็อร่อยโดนใจได้ทุกมื้อแจก 7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก ถูกใจสายเฮลตี้
7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก
ลืมความคิดว่าลดน้ำหนักต้องกินแต่ผักสลัดไปได้เลย โดย 7 เมนูที่เรานำมานี้เป็นเมนูอาหารที่เหมาะกับสายเฮลตี้ที่รักการทานของอร่อย นอกจากเป็นมื้อเย็นลดน้ำหนัก ไขมันต่ำแล้ว ยังรสชาติดี มีวิตามินจากพืชผัก ปรุงง่ายด้วยเตาแก๊สอีกด้วย1. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
เมนูซุปยอดฮิตประจำบ้านที่ใคร ๆ ก็เคยทาน แต่รู้ไหมว่าแกงจืดเต้าหู้หมูสับเป็นเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ทำง่าย 1 ถ้วยมีพลังงาน 80 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ- หมูสับ
- เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
- กระเทียม, พริกไทย, แครอท, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่าย และผักอื่นตามชอบ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- ซุปก้อนรสหมู
- คลุกเคล้าหมูสับกับซีอิ๊วขาวและพริกไทยให้เข้ากัน
- ใส่ซุปก้อนและกระเทียมลงหม้อต้มน้ำ
- ใส่หมูสับลงไปเมื่อน้ำเดือด
- ใส่แครอท ผักกาดขาว และเต้าหู้ไข่
- เมื่อวัตถุดิบสุก ใส่ขึ้นฉ่ายลงไป
- ปรุงรสเพิ่มนิดหน่อย ก็พร้อมรับประทาน
2. ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง
เมนูไข่ตุ๋นละมุนลิ้นก็ช่วยลดน้ำหนักได้ กับไอเดียไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ให้พลังงาน 160 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- น้ำเปล่า 400 มล.
- ต้นหอมซอย
- หมูสับ หรือกุ้งขาว
- เห็ดหอมหั่น
- แครอทหั่นเต๋า
- ซีอิ๊ว
- พริกไทย
- ตอกไข่ไก่ใส่ลงถ้วย
- ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทย น้ำเปล่า และน้ำมันเล็กน้อย
- ผสมให้เข้ากัน แล้วใส่แครอทหั่นเต๋า หมูสับลงไป
- เทไข่ไก่ที่ผสมแล้วลงถ้วยสำหรับนึ่ง
- นำเข้านึ่งประมาณ 25 นาที
- นำออกจากเตานึ่ง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมรับประทาน
3. ต้มยำกุ้งน้ำใส
เมนูโปรดคนไทยอย่างต้มยำกุ้งก็เป็นมื้อเย็นลดน้ำหนักได้ แถมความเปรี้ยวแซ่บยังเพิ่มรสชาติให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถ้วยนี้แค่ 77 กิโลแคลอรี่ วัตถุดิบ- พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
- เห็ดฟาง
- มะนาว
- 4.น้ำปลา
- น้ำตาล
- กุ้งขาวตามชอบ
- ตั้งน้ำจนเดือด จากนั้นใส่พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปจนมีกลิ่นหอม
- ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำตาล
- ใส่กุ้งลงไป ตามด้วยเห็ดฟาง รอจนสุก
- ตักเสิร์ฟใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งเพิ่มสีสันชวนชิม
4. ลาบอกไก่
ลาบอกไก่คลีนรสแซ่บ เปรี้ยวนัวโดนใจ จัดเป็นอีกหนึ่งเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ตัดเลี่ยนได้ดี พลังงาน 200 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ- อกไก่บด 150-200 กรัม
- ข้าวคั่ว
- พริกป่น
- 4.หอมแขก/หอมแดง
- ผักชีลาว หรือใบสะระแหน่
- มะนาว
- น้ำตาลและน้ำปลา
- ลวกอกไก่ในน้ำเดือดจนสุก
- ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง รวนอกไก่ในกระทะกับน้ำลวกอกไก่พอขลุกขลิก
- ใส่พริก หอมแขก/หอมแดง ข้าวคั่ว ผักชีลาว/ใบสะระแหน่ น้ำปลาและมะนาวลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เท่านี้ก็พร้อมทานแล้ว
5. ต้มเลือดหมู
เมนูยอดฮิตอย่างต้มเลือดหมูร้อน ๆ กับข้าวสวย เป็นอีกหนึ่งเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ทำได้ง่าย มีขั้นตอนและวัตถุดิบที่ไม่ยุ่งยาก เมนูนี้ 120 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ 1.หมูบด 150 กรัม- เลือดหมู 1 ก้อน
- ใบตำลึง
- ซุปก้อนรสหมู
- ซีอิ๊วขาว
- กระเทียมเจียว
- พริกไทย
- ซอสหอยนางรม
- เริ่มจากการหมักหมูบดกับพริกไทย ซอสหอยนางรม
- ตั้งน้ำพอเดือด ตักหมูบดใส่ลงไป
- ใส่ซุปก้อน ซีอิ๊วขาว หมั่นช้อนฟองออก
- หั่นเลือดหมูเป็นชิ้น นำไปลวกในน้ำเดือด
- เมื่อทานให้ตักน้ำซุปเติมใส่เลือดหมู พร้อมโรยกระเทียมเจียวเพิ่มความหอมน่ารับประทาน
6. ยำวุ้นเส้น
แน่นอนว่ายำก็เป็นอีกหนึ่งเมนูเส้นที่หลายคนโปรดปราน กับยำวุ้นเส้นรสแซ่บ แคลอรีต่ำ แค่ 120 กิโลแคลอรี่ ทำได้ง่าย ๆ วัตถุดิบ- วุ้นเส้น 100 กรัม
- หมูสับ 1 ถ้วย
- น้ำปลา
- มะนาว
- พริกซอย (ตามชอบ)
- ขึ้นฉ่าย
- ผักชี
- มะเขือเทศ
- หัวหอมใหญ่
- ตั้งน้ำเดือดเพื่อลวกวุ้นเส้นให้นุ่ม ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำ
- ตั้งน้ำเดือด ใส่หมูสับลงไปรวนจนสุก
- ผสมน้ำยำด้วยน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ พริกตามต้องการ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
- ใส่หมูสับและวุ้นเส้นลงไปคลุกกับน้ำยำ เพียงเท่านี้ก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ
7. บะหมี่ผักน่องไก่นึ่ง
ใครที่เป็นสายเมนูเส้นต้องไม่พลาดเมนูนี้ ด้วยบะหมี่ผักที่มีประโยชน์และน่องไก่นึ่งหอม ๆ อร่อยได้แบบไม่ต้องรู้สึกผิด วัตถุดิบ- บะหมี่ผักลวก 1 ก้อน
- น่องไก่ 2 น่อง
- เกลือแบบโซเดียมต่ำ
- บรอกโคลี
- มะเขือเทศราชินี
- แครอท
- น้ำจิ้มสุกี้
- หมักน่องไก่ด้วยเกลือโซเดียมต่ำ
- นำผักไปนึ่งประมาณ 5 นาที
- นึ่งน่องไก่ 15 นาที
- เมื่อวัตถุดิบสุกครบ นำมาจัดจาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสุกี้