สาเหตุและวิธีแก้อ่างล้างจานเหม็น

สาเหตุและวิธีแก้อ่างล้างจานเหม็น
มีใครกำลังประสบปัญหาอ่างล้างจานเหม็นกันอยู่บ้าง ! บอกเลยว่าเหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วนั้นเป็นอะไรที่รบกวนชีวิตประจำวันแบบสุด ๆ เพราะการล้างจานก็เป็นกิจวัตรที่หลายบ้านต้องทำเป็นประจำมากกว่าหนึ่งรอบ แน่นอนว่าเศษอาหารที่หลุดลงไปในสะดืออ่างเมื่อสะสมกันก็เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเจ้ากลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจและลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด โดยวิธีการแก้ไขนั้นก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองกับอุปกรณ์ที่อยู่ในครัวเรือนได้เลย

อ่างล้างจานเหม็นเกิดจากอะไร

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการอ่างล้างจานเหม็นนั้นเกิดจากเศษอาหารตกค้างที่เกิดขึ้นจากการล้างจาน ล้างผัก ล้างเนื้อต่าง ๆ ที่เราเคยทำ เมื่อมีเศษอาหารตกลงไปในสะดืออ่างมากเข้าก็จะเกิดคราบไขมันเกาะติดตามท่อและเกิดการเน่าเปื่อยของอาหาร ที่แน่นอนว่ามักจะส่งกลิ่นเหม็นเน่าตีกลับขึ้นมาจากอ่างล้างจาน นับว่าเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่เกิดขึ้นและพบบ่อยมากที่สุด ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะยิ่งทำให้กลิ่นทวีความรุนแรง และเกิดการอุดตันมากขึ้นภายในท่อได้

วิธีดับกลิ่นอ่างล้างจานเหม็น

แน่นอนว่าเมื่อเกิดกลิ่นเหม็นขึ้นมาแล้วขั้นตอนถัดไปก็คือการลงมือแก้ไขเพื่อให้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์เหล่านั้นจางหายหรือลดน้อยลงมากที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการดับกลิ่นอ่างล้างจานสามารถใช้วัสดุอุปกรณ์ในครัว และลงมือทำเองได้โดยไม่ต้องเสียเงินไปจ้างช่างเข้ามาจัดการ ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

เก็บเศษอาหารออกทุกครั้งหลังใช้งาน

เพราะเศษอาหารนั้นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น บางครั้งคุณอาจจะมั่นใจว่าได้เคลียร์เศษอาหารออกจนหมดแล้ว แต่รู้ไหมว่าเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตกค้างอยู่บนอ่างล้างจานนั้นเมื่ออ่างถูกใช้งาน น้ำก็จะพัดพาเศษเหล่านั้นลงไปที่สะดืออ่าง เมื่อปริมาณสะสมมากขึ้นก็ไม่ต่างจากการทิ้งเศษอาหารชิ้นใหญ่ลงไป ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่จะต้องเก็บเศษอาหารออกจากอ่างทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จแล้ว

เทน้ำร้อนฆ่าเชื้อโรค

ขั้นตอนในการแก้ไขอ่างล้างจานเหม็นถัดมาคือการเทน้ำร้อนลงไปเพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยเชื้อที่เกิดจากอาหารที่หมักหมมเป็นเชื้อแบคทีเรีย เป็นแหล่งสะสมโรค และทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ สามารถใช้น้ำร้อนเทเพื่อชำระล้างคราบที่ฝังแน่น แต่แนะนำว่าอย่าใช้น้ำที่ร้อนเกินไป หรือร้อนมากกว่า 100 องศาเซลเซียส เพราะอาจทำให้ท่ออ่างเกิดความเสียหายได้

เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู

หากการราดน้ำร้อนยังไม่สามารถขจัดปัญหาได้หมด สามารถใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูผสมกันในอัตราส่วน 1:1 แล้วเทลงไปหลังจากใช้น้ำร้อนเทลงไปแล้ว จากนั้นปิดสะดืออ่างเอาไว้ 10-15 นาที เพื่อกำจัดกลิ่นอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วเปิดฝาที่ปิดออกและเทน้ำร้อนตามลงไปอีกครั้ง

ดับกลิ่นด้วยเกลือ

จริง ๆ แล้วเกลือที่เราใช้ในห้องครัว ใช้ทำอาหารก็สามารถเป็นหนึ่งในตัวช่วยดับกลิ่นไม่ถึงประสงค์จากอ่างล้างจานได้เหมือนกันเพราะเกลือก็มีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรีย โดยการนำเกลือมาผสมน้ำให้เป็นน้ำเกลือเข้มข้นแล้วเทลงไปตามท่อของอ่าง แต่วิธีนี้จะเหมาะกับกรณีที่แบคทีเรียยังฝังตัวอยู่น้อย ยังอุดตันในระดับที่ไม่มาก

เปิดน้ำทิ้งไว้ 3 นาที

วิธีที่ง่ายที่สุด และใกล้ตัวมากที่สุด แต่คนส่วนมากมักมองข้ามไป ก็คือการเปิดน้ำเปล่าเพื่อชะล้างคราบสกปรกและเศษอาหารต่าง ๆ ที่เข้าไปอุดตันอยู่ในท่อผ่านสะดือของอ่างล้างจานต่อเนื่องเป็นเวลา 3 นาที โดยน้ำจะเข้าไปชะล้างเศษสกปรกที่ติดอยู่ให้หลุดออกไป ช่วยลดการเน่าเปื่อยของสิ่งตกค้างและบรรเทากลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้นได้

สรุปบทความ

เมื่อรู้สาเหตุและวิธีการแก้ไขอ่างล้างจานเหม็นกวนใจกันแล้ว ทุกบ้านก็น่าจะมีความเข้าใจและระมัดระวังในการใช้อ่างล้างจานมากขึ้น เพราะการปล่อยเศษอาหารให้ตกลงไปในท่อนั้นส่งผลเสียตามมาได้มากกว่าที่คิด ถ้าหากท่ออุดตันอาจจะต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษาตามมาอีกมาก  การเลือกใช้อ่างล้างจานที่มีคุณภาพจาก Tecnogas ช่วยป้องกันปัญหาการเกิดกลิ่นเหม็นจากอ่างล้างได้ดีกว่าอ่างล้างจานทั่วไป เพราะอ่างล้างจานจาก Tecnogas มีเทคโนโลยีในการช่วยกรองเศษอาหาร ด้วยระบบติดตั้งตะแกรงกรองเศษอาหารใต้อ่าง เพื่อป้องกันปัญหาเศษอาหารตกค้างที่ท่อน้ำทิ้ง มีมาตรฐานและใส่ใจในทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง

วิธีอุ่นอาหารให้อร่อยเหมือนเดิม

วิธีอุ่นอาหารให้อร่อยเหมือนเดิม
อาหารเหลือทำอย่างไรดี ? หยุดความคิดที่จะทิ้งอาหารทุกครั้งที่ทานเหลือไปก่อน เพราะเราสามารถนำมาถนอมเพื่อยืดอายุเก็บไว้ และนำมาอุ่นเพื่อรับประทานใหม่ในมื้อถัด ๆ ไปได้ ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยังลดการเกิด Food Waste ที่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับโลกในตอนนี้ ด้วยเทคนิคการอุ่นอาหารง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บมื้ออาหารแสนอร่อยไว้ทานวันหลังได้ง่าย ๆ แถมรสชาติยังอร่อยไม่ต่างจากเดิม

วิธีอุ่นอาหารมีกี่แบบ 

การอุ่นอาหารเป็นกรรมวิธีหนึ่งในการยืดอายุอาหารเพื่อเก็บไว้รับประทานในครั้งถัดไป แต่การอุ่นอาหารในแต่ละแบบ หรือการใช้อุปกรณ์ในการอุ่นนั้นก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน การอุ่นอาหารที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด  3 แบบ ได้แก่ 
  • การอุ่นอาหารด้วยเตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า
  • การอุ่นอาหารด้วยเตาอบ
  • การอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ
โดยในแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมและเทคนิคในการนำอาหารเข้าอุ่นเพื่อคงรสชาติเดิมไว้ที่แตกต่างกัน จะเป็นอย่างไรไปดูกัน

อุ่นอาหารด้วยเตาแก๊ส/เตาไฟฟ้า

เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกบ้านสามารถทำได้ในการอุ่นอาหาร ก็คือการใช้เตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า โดยตั้งไฟให้อาหารที่อุ่นมีอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป แม้จะรสชาติคงเดิม แต่การอุ่นด้วยเตาแก๊สจะมีความยุ่งยากในการอุ่นมากกว่าเตาไฟฟ้า ใช้เวลานาน เปลืองแก๊สหุงต้ม รวมถึงการทำความสะอาดที่ตามมาหลังการอุ่นเพราะต้องมีการเปลี่ยนภาชนะหลายครั้ง  เพื่อความสะดวกเราขอไมโครเวฟ Microwave TNP MG 925 แนะนำLSS ที่มีความจุถึง 25 ลิตร สามารถอุ่นอาหารได้สะดวกกว่าด้วยฟังก์ชัน 8 โปรแกรมการปรุงอาหารอัตโนมัติ คงรสชาติอาหารให้อร่อยเหมือนใหม่

อุ่นอาหารด้วยเตาอบ

การเลือกวิธีอุ่นอาหารด้วยเตาอบเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับอาหารประเภทของทอด ขนมปัง เบเกอรีหรือขนมที่ต้องการความกรอบโดยเฉพาะ เตาอบสามารถคืนความสดใหม่ให้กับอาหารประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี แถมยังคงรสชาติได้ดีเพราะอาหารจะได้รับความร้อนโดยตรง วิธีการอุ่นอาหารด้วยเตาอบ
  • เลือกภาชนะใส่อาหารที่ไม่ใช่พลาสติก ทนความร้อนสูง เช่น แก้ว ถาดโลหะ
  • ก่อนอุ่นอาหารวอร์มเตาอบก่อน 3-5 นาที ด้วยไฟ 150-180 องศาเซลเซียส
  • นำอาหารเข้าไปอุ่นร้อน ใช้ความร้อนต่ำ ๆ 
  • นำถ้วยใส่น้ำวางไว้ข้างอาหารในเตาอบ เพื่อให้อาหารไม่แห้งเกินไป

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

มาถึงวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการอุ่นอาหารหรือทำอาหารมื้อด่วน ก็คือการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ โดยหลักในการเลือกไมโครเวฟที่ดี คือ เราควรเลือกไมโครเวฟที่สามารถปรับระดับความร้อนได้หลายระดับ หรือเป็นไมโครเวฟที่สามารถตั้งเมนูการทำอาหารได้หลากหลายแบบ  การอุ่นอาหารด้วย ไมโครเวฟรุ่น Microwave TNP MG 925 LSS เรียกได้ว่าตอบโจทย์มากที่สุด ด้วยฟังก์ชันที่สามารถทำอาหารจานด่วนได้ และยังมีโปรแกรมการปรุงอาหารอัตโนมัติ 8 โปรแกรม สามารถอุ่นอาหารได้เยอะเพราะมีแก้วหมุนขนาดใหญ่ ขนาด 315 มม. กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง แค่นำอาหารที่ต้องการอุ่นใส่ภาชนะและนำเข้าเวฟ ก็ได้อาหารที่รสชาติสดใหม่ อุ่นร้อนพร้อมทาน

สรุปบทความ

แม้ว่าการอุ่นอาหารด้วยเตาอบเป็นเรื่องที่สามารถทำได้และมีประโยชน์กว่าการเทอาหารทิ้งไป แต่การเก็บรักษาอาหารให้ถูกสุขอนามัยเองก็มีความสำคัญมาก ไม่ใช่อาหารทุกชนิดที่จะสามารถเก็บไว้นานข้ามคืนได้ เพราะการเก็บไว้ข้ามคืนอาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่มองไม่เห็นในอาหาร ให้เตาอบที่ได้มาตรฐานคุณภาพสูงจาก Tecnogas เป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหาร เพื่อคุณภาพของอาหารและสุขภาพของทุกคนในครอบครัว

แชร์วิธีใช้เครื่องล้างจานให้มีประสิทธิภาพ

แชร์วิธีใช้เครื่องล้างจานให้มีประสิทธิภาพ
เครื่องล้างจานเป็นเครื่องใช้ที่ก่อนหน้านี้หลาย ๆ คนอาจเคยคิดว่าเป็นเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นมากเท่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ นัก เพราะซื้อมาก็ใช้ได้แค่ล้างจานที่สามารถล้างเองด้วยมือได้ แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถใช้เครื่องล้างจานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดคุ้มค่าคุ้มราคาได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะในร้านค้าประเภทร้านอาหาร ที่เจ้าเครื่องล้างจานนี้จะช่วยประหยัดต้นทุนด้านแรงงานและเพิ่มมาตรฐานด้านความสะอาดให้กับร้านของคุณได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้เรามีวิธีใช้เครื่องล้างจานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดมาฝากกัน

วิธีใช้เครื่องล้างจานให้ถูกต้อง

วิธีใช้งานเครื่องล้างจานไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าอยากใช้ให้เต็มประสิทธิภาพก็จะต้องเข้าใจก่อนว่าเจ้าเครื่องทุ่นแรงอันนี้เหมาะสมกับการทำงานแบบไหน ดูแลอย่างไร และใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด

เติมเกลือที่ใช้เฉพาะกับเครื่องล้างจาน

ในการเริ่มใช้งานเครื่องล้างจานครั้งแรกจะต้องมีการเติมเกลือ แต่ไม่ใช่เกลือแกงเกลือบ้านทั่วไปที่ใช้ทำอาหารนะ ต้องเป็นเกลือเฉพาะสำหรับเครื่องล้างจานเท่านั้น เพื่อให้เกลือเข้าไปช่วยปรับความกระด้างของน้ำประปาให้มีความอ่อนลง ช่วยทำให้น้ำยาทำความสะอาดละลายและมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีขึ้น โดยปกติช่องใส่เกลือมักจะอยู่ด้านล่างของเครื่องล้างจาน แต่บางรุ่นอาจจะต่างออกไป อย่าลืมอ่านคู่มือการใช้งานให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง

ใช้น้ำยาเครื่องล้างจานโดยเฉพาะ

การเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่ผลิตมาเพื่อเครื่องล้างจานโดยเฉพาะนั้นมีความสำคัญกว่าที่คิด หลายบ้านอาจจะคิดว่าการใช้น้ำยาล้างจานทั่วไปไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อตัวเครื่อง นี่เป็นความเชื่อที่ผิด โดยประเภทของน้ำยาล้างจานที่ใช้สำหรับเครื่องล้างจานมี 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 
  • น้ำยาเครื่องล้างจานแบบผง: ราคาไม่แพง ประสิทธิภาพดี แต่ต้องใช้ร่วมกับเกลือ และถ้าหากต้องการความแวววาวของจานชามต้องเติมน้ำยาแวววาวลงไปด้วย
  • น้ำยาเครื่องล้างจานแบบเม็ด/ก้อน: ใช้งานสะดวก เพราะภายในก้อนจะผสมด้วยน้ำยาล้างจาน เกลือ และน้ำยาแวววาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
  • น้ำยาเครื่องล้างจานแบบน้ำ: การใช้งานคล้ายกับแบบผง ใช้งานง่ายแค่เทผสมกับเกลือและน้ำยาแวววาว แต่ประสิทธิภาพจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับแบบอื่น และมักมีการใส่สารลดแรงตึงผิวไว้ด้วย

ตรวจสอบปริมาณจานที่สามารถรองรับ

การซื้อเครื่องล้างจานมาสักเครื่องหนึ่ง เชื่อว่าผู้ซื้อก็จะต้องคำนวณความเหมาะสมในเรื่องของปริมาณความจุจาน ว่าเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ เช่น การซื้อเพื่อใช้ล้างจานในบ้าน ในครัวเรือนที่มีสมาชิกอยู่ตั้งแต่ 2-4 คน อาจเลือกเครื่องล้างจานที่รองรับปริมาณจานได้ 6-15 ชุด แต่สำหรับเครื่องล้างจานขนาดใหญ่ที่ใช้ในธุรกิจอย่างร้านอาหารหรือโรงแรมสามารถทำความสะอาดในปริมาณมาก ๆ ได้ถึงหลักพันใบ ทั้งนี้การใส่ปริมาณจานชามให้เหมาะสมกับตัวเครื่อง ก็จะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดได้มากยิ่งขึ้น

เรียงภาชนะในเครื่องล้างจานให้ถูกต้อง

ในขั้นตอนของการนำจานเข้าไปทำความสะอาดนั้นก็จะต้องใส่ให้เหมาะสมถูกต้องตามวิธีการด้วย เพื่อให้การล้างจานเป็นไปตามมาตรฐานความสะอาด ฆ่าเชื้อได้หมดทุกซอกมุม และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง โดยหลัก ๆ จะมีวิธีพื้นฐานในการเรียงภาชนะในเครื่องล้างจาน ดังนี้ 
  1. วางจานชามหรือเครื่องครัวอื่น ๆ ที่ต้องการทำความสะอาดให้หันหน้าเข้าหาจุดกึ่งกลางของเครื่อง
  2. อย่าวางเครื่องครัวประเภทเดียวกันรวมไว้ด้วยกัน เพราะการทำความสะอาดจะเข้าได้ไม่ทั่วถึง
  3. ราวด้านบนเหมาะสำหรับแก้ว ทัพพีเล็ก หรือถ้วยเล็ก ๆ วางคว่ำหน้าลงตลอดแนว
  4. ราวด้านล่างสำหรับวางจาน ชาม หม้อและกระทะที่มีขนาดใหญ่
ทั้งนี้อย่าวางชิดติดกันเพื่อให้มีช่องว่างในการรับน้ำและน้ำยาทำความสะอาดได้เท่า ๆ กันทุกใบ และควรอ่านคู่มือในการใช้งานก่อนทุกครั้งเนื่องจากแต่ละรุ่นอาจมีวิธีการวางแตกต่างกันออกไป ** วัสดุประเภทอะลูมิเนียม เหล็กหล่อ ดีบุก ทองเหลืองและเครื่องเงิน อาจจะไม่เหมาะกับการเข้าทำความสะอาดในเครื่องล้างจานที่มีความร้อนสูง **

เลือกโปรแกรมการทำงานให้เหมาะสม

หลังจากจัดเรียงภาชนะเข้าเครื่องล้างจานสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกโปรแกรมการล้างทำความสะอาดให้เหมาะสม ก็คล้าย ๆ กันกับการใช้งานเครื่องซักผ้า ที่จะมีโปรแกรมการซักล้างแบบปกติ และแบบพิเศษ ในแต่ละรุ่นของเครื่องล้างจานอาจมีโปรแกรมทำความสะอาดที่แตกต่างกัน ให้เลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับความหนักของคราบอาหาร เช่น ถ้าเป็นอาหารมื้อพิเศษที่มีคราบน้ำมันที่ล้างออกยาก อาจเลือกระบบล้างที่มีความละเอียดมากกว่าปกติ เป็นต้น

นำภาชนะในชั้นล่างออกก่อนเสมอ

อีกหนึ่งเทคนิคที่ห้ามมองข้ามคือการนำภาชนะจานชามออกจากเครื่องล้างจานเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ควรที่จะนำเอาภาชนะที่วางอยู่ชั้นล่างออกก่อนเสมอ เพราะถ้าหากเอาภาชนะที่วางอยู่ชั้นบนออกมาก่อน หยดน้ำต่าง ๆ จากด้านบนจะหล่นลงมาเปื้อนกับจานที่อยู่ด้านล่างได้นั่นเอง หรือบางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันเป่าแห้ง เพื่อช่วยขจัดหยดน้ำที่เกาะอยู่ให้เบาบางลงก่อนนำออกจากเครื่อง

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าในการตัดสินใจลงทุนกับเครื่องล้างจานนั้นจะช่วยได้มากในเรื่องของการทำความสะอาดภาชนะที่ทั่วถึงมากกว่า สะดวกมากกว่า และยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การฆ่าเชื้อด้วยความร้อน การเป่าแห้ง หรือการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ซึ่งถ้าหากคุณทราบวิธีใช้เครื่องล้างจานที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้จานสะอาด และประหยัดเวลาได้ โดยเครื่องล้างจานและน้ำยาเครื่องล้างจาน จาก Tecnogas แบรนด์ชั้นนำที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ได้มาตรฐาน ปลอดภัย มีหลากหลายขนาดเหมาะกับการใช้งานของคุณ

แนะนำวิธีใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัย

แนะนำวิธีใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัย
แม้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเครื่องครัวยุโรปอย่างไมโครเวฟจะได้รับความนิยมและใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่การใช้งานไมโครเวฟให้ปลอดภัยและถูกวิธีนั้นมักจะถูกมองข้าม อาจจะด้วยความเคยชิน หรือความคิดส่วนตัวว่ามันอาจจะไม่เป็นไร แต่การใช้ไมโครเวฟแบบผิดวิธีนั้นสามารถส่งผลเสียรุนแรงจนถึงชีวิตได้หากประมาท เราจึงมาแนะนำวิธีใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัย ทำยังไงไปดูกัน

วิธีใช้ไมโครเวฟที่ถูกต้อง

ไมโครเวฟเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัวที่จะอาศัยการปล่อยคลื่นพลังงานไมโครเวฟออกมาเพื่อทำให้อาหารสุกในอุณหภูมิและระยะเวลาที่เหมาะสม แต่การใช้งานไมโครเวฟนั้นก็มีข้อแนะนำและข้อจำกัดที่ควรรู้ ตั้งแต่ในเรื่องของการเลือกใช้ภาชนะ การตั้งเวลาในการอุ่นอาหาร ไปจนถึงการนำอาหารออกจากไมโครเวฟอย่างถูกวิธีใช้ไมโครเวฟอย่างไรให้ปลอดภัย เรามีคำแนะนำดังนี้

เลือกวัสดุและภาชนะให้เหมาะสม

ก่อนที่จะนำอาหารเข้าไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟ การเลือกภาชนะที่มีวัสดุเหมาะสมก็มีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากเลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวไมโครเวฟเองได้ เช่น ภาชนะเกิดการระเบิด หรือเกิดไฟลุกไหม้  ภาชนะที่เหมาะกับการเข้าไมโครเวฟ ได้แก่
  • ถ้วยเซรามิก หรือถ้วยกระเบื้อง
  • ถ้วยแก้ว (ไม่ควรมีลวดลายสีสันที่ตัวแก้ว)
  • กล่องพลาสติก ประเภท PP (Polypropylene) 
ภาชนะที่ไม่เหมาะเข้าไมโครเวฟ ได้แก่
  • โลหะทุกชนิด เพราะจะทำให้คลื่นไมโครเวฟเสื่อมสภาพได้
  • บรรจุภัณฑ์กระดาษ อาจทำให้เกิดไฟลุก
  • จาน ชามเมลามีน
  • กล่องโฟม
  • ฟอยล์ห่ออาหาร

อุ่นอาหารด้วยระยะเวลาที่เหมาะสม

การอุ่นอาหารเองก็ต้องคำนึงถึงระยะเวลาและกำลังไฟที่เหมาะสมด้วย เพราะการอุ่นร้อนด้วยระยะเวลาที่เร็วเกินไปก็อาจทำให้อาหารยังไม่สุกดี หรือถ้าปล่อยไว้นานเกินไปก็จะทำให้อาหารแห้งแข็งเกินไปได้ โดยระยะเวลาทั่วไปในการใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารจะแบ่งตามประเภทของอาหารได้ดังนี้
  • อุ่นอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง:หลังจากละลายน้ำแข็งจะใช้เวลา 15-30 วินาที หรือตามที่ฉลากหน้าบรรจุภัณฑ์แนะนำ
  • อุ่นอาหารมื้อก่อนหน้า: ใช้เวลา 2-5 นาที เพราะมากกว่านั้นอาจทำให้อาหารแห้งเกินไปได้

หลีกเลี่ยงการใช้อุณหภูมิสูง

การตัดสินใจเลือกใช้อุณหภูมิสูง ๆ ไปเลยเพื่อที่จะทำให้อาหารสุกไวขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาหารแต่ละชนิด แต่ละประเภท ก็จะมีการใช้อุณหภูมิในการอุ่นร้อนแตกต่างกัน เช่น เนื้อ ปลา หรือไข่ จะใช้อุณหภูมิประมาณ 106 องศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไป ส่วนเนื้อสัตว์ประเภทเป็ด ไก่  ควรตั้งอุณหภูมิที่ 170-180 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อมั่นใจว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมาได้จริง

นำอาหารออกทันทีเมื่อใช้งานเสร็จ

การอุ่นอาหารทิ้งไว้ในไมโครเวฟเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะเมื่อความร้อนลดต่ำลงหลังจากอุ่นเสร็จ การทิ้งอาหารไว้ในไมโครเวฟที่ปิดฝาสามารถก่อให้เกิดเชื้อโรคหรือแบคทีเรียในอาหารขึ้นได้ จากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษาอาหาร ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้รับประทานเข้าไปได้อย่างรุนแรง

ใช้ฝาครอบอาหาร

อย่าคิดว่าฝาครอบอาหารเป็นแค่อุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่จำเป็น เพราะการปิดฝาครอบอาหารก่อนนำเข้าอุ่นในไมโครเวฟนั้นเป็นเทคนิคที่จะช่วยกระจายความร้อนภายในไมโครเวฟให้แผ่ไปได้ทั่วจานอาหารของเรา อีกทั้งยังช่วยในด้านความสะอาดเพราะป้องกันอาหารกระเด็น หกเลอะออกมาจากถ้วยระหว่างกำลังอุ่น ช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับไมโครเวฟของเรา

สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อหยิบอาหาร

ถุงมือสำหรับหยิบอาหารร้อนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หลายคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ถุงมือเพราะสามารถใช้ผ้าอื่น ๆ ช่วยจับแทนได้ แต่จริง ๆ แล้วการใช้อุปกรณ์ วัสดุ ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการจับอาหารร้อนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุของร้อนหล่นลวก หรือทำให้เชื้อโรคที่ติดมาจากผ้าแพร่กระจายลงสู่อาหารได้

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าในการใช้ไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ควรปฏิบัติตามวิธีใช้ไมโครเวฟที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายทั้งในด้านสุขภาพและความเสียหายอื่น ๆ โดย Tecnogas เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า เราจึงมีการออกแบบไมโครเวฟและเครื่องครัวยุโรปเพื่อรองรับการใช้งานและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยป้องกันการสัมผัสความร้อนโดยตรง หรือฟังก์ชันตั้งเวลาอุ่นอาหาร หรือเลือกเวลาการอุ่นที่เหมาะสมกับประเภทอาหารให้ เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในห้องครัว ปลอดภัยไร้กังวล

เคล็ดลับระบายอากาศห้องครัวให้ถ่ายเท

เคล็ดลับระบายอากาศห้องครัวให้ถ่ายเท
ห้องครัวร้อนอบอ้าวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เพราะว่าการทำครัวจะต้องอาศัยความร้อนจากเตาเพื่อปรุงอาหารเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมนูที่มีความซับซ้อนก็จะยิ่งใช้เวลานานขึ้นในการเตรียม แน่นอนว่าทั้งควันและความร้อนจากเปลวไฟก็จะทำให้บรรยากาศรอบ ๆ โดยเฉพาะในห้องครัวที่มีการถ่ายเทไม่สะดวกนั้นร้อนผิดปกติ จนทำให้การลงมือทำอาหารแต่ละครั้งแทบจะหน้ามืดลมจับกันเลยทีเดียว โดยปัญหาเหล่านี้แก้ได้ที่ต้นเหตุ ก็คือการทำให้ห้องครัวนั้นระบายอากาศได้ เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดไม่ลับในการระบายอากาศห้องครัว จบปัญหาครัวร้อนด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

วิธีระบายอากาศห้องครัว

ในการระบายอากาศห้องครัวให้เกิดการถ่ายเทมากขึ้น เพื่อให้อากาศที่ร้อนเพราะการประกอบอาหารภายในห้องครัวถ่ายเทออกไป พร้อมให้อากาศด้านนอกไหลผ่านเข้ามาแทนที่สามารถทำได้ ดังนี้

1. เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศห้องครัว

วิธีที่ง่ายที่สุดของการระบายอากาศห้องครัวก็คือการเปิดหน้าต่างห้องครัวทิ้งไว้ในขณะที่กำลังทำครัวหรือประกอบอาหาร เพื่อให้ควันที่เกิดขึ้นได้ระบายถ่ายเทออกไปด้านนอก เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ให้กับห้องครัวด้วยวิธีการแบบธรรมชาติ

2. ติดตั้งเครื่องดูดควันในห้องครัว

แต่ถ้าหากบ้านใครไม่มีการติดตั้งหน้าต่างที่บริเวณครัว หรือหน้าต่างมีช่องเล็กไม่สามารถระบายอากาศในห้องครัวได้ดีเท่าที่ควร เราขอแนะนำการติดตั้งเครื่องดูดควันไว้ในห้องครัวโดยเฉพาะ เมื่อเกิดควันจากการทำอาหารเครื่องดูดควันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายเทอากาศด้านนอกเข้ามาและนำควันที่เกิดขึ้นออกไปจากห้องครัว  ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุด โดยเครื่องดูดควันจะต้องเลือกที่เหมาะสมกับขนาดของห้องครัวของเราด้วย เพื่อให้คุ้มค่าต่อการใช้งานมากที่สุด

3. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ

พัดลมระบายอากาศเหมาะกับห้องครัวที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะกำลังของพัดลมระบายอากาศถึงแม้จะช่วยถ่ายเทอากาศในห้องครัวได้ แต่ประสิทธิภาพก็น้อยกว่าการใช้เครื่องดูดควันโดยตรง เพราะฉะนั้นการเลือกติดตั้งพัดลม สิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบก็คือประสิทธิภาพในการหมุนของพัดลมระบายอากาศ ขนาดห้อง และความถี่ ความนานของเราในการประกอบอาหารแต่ละครั้งด้วย

4. ประดับห้องครัวด้วยต้นไม้

หลาย ๆ คนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีต้นไม้หลายชนิดเหมือนกันที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ ดูดสารพิษที่เจือปนในอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่าต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น แก้วกาญจนา เศรษฐีเรือนใน หรือต้นว่านหางจระเข้  โดยเราสามารถนำเจ้าต้นไม้ฟอกอากาศเหล่านี้มาตั้งไว้บริเวณครัวได้เพราะเป็นพืชที่ไม่กลัวความร้อน แต่จะต้องห่างจากบริเวณที่เกิดความร้อนโดยตรงอย่างข้างเตา เพราะอาจทำให้ต้นไม้ได้รับความร้อนมากเกินไปจนเหี่ยวเฉาได้ เป็นการประดับครัวให้สวยแถมยังได้ประโยชน์แบบเต็ม ๆ 

5. ห้องครัวเพดานสูง

ห้องครัวที่ดีจะต้องมีความโล่ง โปร่งสบาย หากใช้ห้องครัวที่เพดานต่ำต่อให้กลิ่นอาหารหอมหวนชวนรับประทานขนาดไหน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นกลิ่นอับที่เกิดจากสภาพอากาศที่ไม่ถ่ายเท ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกอีกต่อไป การออกแบบห้องครัวให้มีเพดานสูงจึงมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากช่วยเรื่องดีไซน์ของบ้านให้ดูสูงโปร่งสบายตาแล้ว การถ่ายเทและการระบายอากาศห้องครัวนั้นก็จะดีขึ้น ทำให้ปัญหาเช่นครัวร้อน ครัวเหม็นอับ เกิดขึ้นได้ยากหรือไม่เกิดขึ้นเลยในอนาคต

สรุปบทความ

ดังนั้นการแก้ปัญหาการระบายอากาศห้องครัวที่ไม่ดี จะต้องเริ่มตั้งแต่โครงสร้างที่โปร่งโล่ง มีอากาศหมุนเวียนมากกว่าห้องอื่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมา แต่ถ้าเกิดปัญหาครัวร้อน ครัวอับ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องดูดควันคุณภาพดีที่เหมาะสมกับขนาดของห้องครัวจาก Tecnogas ที่มีคุณสมบัติในการระบายอากาศดีเยี่ยม ผลิตภัณฑ์มาตรฐานสากล นำเข้าจากต่างประเทศ

เซฟค่าใช้จ่ายด้วยวิธีประหยัดแก๊สหุงต้ม

เซฟค่าใช้จ่ายด้วยวิธีประหยัดแก๊สหุงต้ม
ในแต่ละปีเพื่อน ๆ เคยคิดกันบ้างไหมว่าเราเสียค่าแก๊สหุงต้มที่ใช้ในชีวิตประจำวันกันไปมากน้อยเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจเมื่อลองคำนวณ จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้เท่าทันวิธีประหยัดแก๊สหุงต้มกันตั้งแต่ตอนนี้ นอกจากเซฟเงินในกระเป๋าที่เสียไปแล้วยังช่วยเซฟความปลอดภัยให้กับตัวเองได้ด้วย

วิธีประหยัดแก๊สหุงต้ม

วิธีประหยัดแก๊สหุงต้มมีหลากหลายวิธีมากกว่าที่เราคิด แถมหลาย ๆ วิธีเป็นวิธีที่ถูกมองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เตา การทำความสะอาดเตา และการเลือกใช้ถังแก๊สหรือภาชนะหุงต้มให้เหมาะสมกับครัวเรือน ล้วนแล้วแต่ช่วยให้เราเซฟเงินจากค่าแก๊สหุงต้มทั้งนั้น

1. เลือกถังแก๊สให้เหมาะกับการใช้งาน

ใครว่าขนาดของถังแก๊สไม่สำคัญคุณกำลังคิดผิด และนี่เป็นความคิดที่ทำให้คุณเสียเงินค่าแก๊สหุงต้มมากเกินความจำเป็นโดยใช่เหตุ ถังแก๊สมีหลายขนาด โดยแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้ 
  • ถังแก๊ส ขนาด 4 กิโลกรัม เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่น้อย เพราะถังเล็ก เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับการใช้งานเป็นครั้งคราว
  • ถังแก๊สขนาด 7 กิโลกรัม เป็นขนาดครึ่งหนึ่งของขนาดปกติในครัวเรือน เหมาะกับบ้านที่ทำอาหารเองไม่บ่อย นาน ๆ ครั้ง
  • ถังแก๊สขนาด 11.5 กิโลกรัม เหมาะกับบ้านที่ทำอาหารบ่อยขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกวัน หรือบ้านมีข้อจำกัดด้านพื้นที่
  • ถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม เป็นขนาดของแก๊สที่พบบ่อยในครัวเรือนปกติ เหมาะกับบ้านที่มีการทำอาหารเองเป็นประจำทุกวัน สามารถอยู่ได้ถึง 2 เดือน

2. วางแผนทำอาหารก่อนใช้เตา

การวางแผนทำอาหารล่วงหน้าทำให้เราสามารถควบคุมได้ว่า ในขั้นตอนไหนที่เราจะต้องเปิดหรือปิดเตาแก๊สบ้าง เช่น ในช่วงการเตรียมวัตถุดิบอาจจะยังไม่ต้องเปิดเตา เพราะการเปิดเตาแก๊สค้างไว้ทำให้สูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังทำให้เตาสึกหรอไวกว่าอายุการใช้งานที่กำหนด หรือถ้าหากเปิดทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้

3. ใช้ภาชนะที่สะอาด

อย่ามองข้ามการเลือกตัวถังและตรวจสอบความปลอดภัยในเรื่องของตราสัญลักษณ์ มอก. เครื่องหมายของผู้ผลิต โดยสภาพตัวถังภายนอกเองก็จะต้องไม่เก่า ขึ้นสนิม วาล์วปิดสนิทพร้อมมีตัวปิดผนึกครบถ้วน เพื่ออนามัยในการประกอบอาหารและเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินด้วย

4. ใช้ภาชนะที่เหมาะกับปริมาณอาหาร

การเลือกใช้ภาชนะหุงต้ม หรือภาชนะในการประกอบอาหารในห้องครัวให้เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีประหยัดแก๊สหุงต้มได้เหมือนกัน หากปรุงอาหารปริมาณน้อยไม่จำเป็นต้องใช้กระทะที่ใหญ่เกินไป เพราะการใช้ภาชนะขนาดใหญ่ก็จะต้องใช้แก๊สเพื่อสร้างความร้อนให้ทั่วกระทะมากขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองแก๊สหรือกลับกัน การทำอาหารเยอะแต่ใช้ภาชนะเล็ก ก็จะต้องเปิดแก๊สนานขึ้นกว่าอาหารจะสุกครบหมดนั่นเอง

5. หมั่นสังเกตสีเปลวไฟอยู่เสมอ

สีของเปลวไฟเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์การแจ้งเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการสังเกต ที่พบบ่อยจะมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีเหลือง และสีแดง โดยแต่ละสีบอกคุณภาพของเตาแก๊สได้ดังนี้
  • เปลวไฟสีฟ้า เป็นสีปกติของเตาแก๊ส แสดงว่ายังใช้งานได้ดีปกติ
  • เปลวไฟสีเหลือง  หากมีสีเหลืองปนอยู่เหนือสีฟ้า บอกได้ว่าเตาแก๊สของคุณเริ่มมีปัญหา มักก่อให้เกิดคราบดำที่ก้นกระทะ
  • เปลวไฟสีแดง หากไม่มีสีฟ้าปนเลยและมีเสียงไฟเมื่อเปิดแก๊ส แสดงว่าเตาแก๊สกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับแรงส่งแก๊สที่มากเกินไป ก่อให้เกิดอันตรายจากแก๊สระเบิดได้หากไม่รีบแก้ไข

6. ไม่เปิดเตาทิ้งไว้

การเปิดเตาทิ้งไว้ทำให้สูญเสียแก๊สไปเรื่อย ๆ อย่างเปล่าประโยชน์ ทำให้แก๊สหุงต้มหมดไวกว่าระยะเวลาที่ควรจะเป็น นอกจากนั้นการเปิดเตาและแก๊สทิ้งไว้นาน ๆ ยังสามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากแก๊สระเบิดหรือเตาชำรุด ก่อให้เกิดการสูญเสียได้อย่างไม่คาดคิด

7. เลือกใช้หัวเตาแบบอินฟราเรด 

โดยเตาแก๊สที่พบบ่อยทั่วไปในครัวเรือนจะทำมาจากวัสดุทองเหลืองและเหล็ก เปลวไฟสูง นำความร้อนดี แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ มักเกิดปัญหาหัวเตาตัน ทำให้ไฟออกได้ไม่สม่ำเสมอ การเลือกใช้เตาแก๊สอินฟาเรดเป็นทางเลือกที่ประหยัดได้มากกว่า เพราะมีเปลวไฟต่ำ ก้นภาชนะไม่ดำง่าย และที่สำคัญคือ มีระบบการทำงานแบบซึมแก๊ส ช่วยประหยัดแก๊สได้มากกว่าเตาแบบปกติ

8. หมั่นทำความสะอาดหัวเตา

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเตาแก๊สแบบปกติในครัวเรือนนั้นนำความร้อนได้ดี แต่มีข้อเสียคือหัวเตาจะตันง่าย ทำให้ไฟออกไม่สม่ำเสมอเป็นสาเหตุที่ทำให้เปลืองแก๊ส วิธีประหยัดแก๊สหุงต้มง่าย ๆ อีกวิธีคือการทำความสะอาดหัวเตา สามารถทำเองได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันเก่า หรือผ้าชุบน้ำสบู่อุ่น ๆ เช็ดทำความสะอาดที่หัวเตาหรือคราบสกปรก ที่สำคัญคือห้ามปล่อยทิ้งไว้นาน

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้ววิธีประหยัดแก๊สหุงต้มนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่ที่สำคัญจริง ๆ คือการเลือกใช้เตาแก๊สที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานมอก. อย่างเตาแก๊สอินฟาเรดจาก Technogas ที่คุณภาพมาตรฐานสากล ช่วยจบปัญหาหัวเตาแก๊สอุดตันจากการใช้งาน แถมช่วยประหยัดค่าแก๊สหุงต้มจากกำลังไฟที่ต่ำแต่สม่ำเสมอ เซฟเงิน เซฟชีวิต เลือก Tecnogas

ไอเทมที่ต้องมีติดห้องครัวคอนโด

ไอเทมที่ต้องมีติดห้องครัวคอนโด

ใครใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดก็เป็นที่รู้กันว่าพื้นที่ในแต่ละส่วนนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะจัดการใช้สอยให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ว่าจะตัดสินใจซื้ออะไรเข้าห้องแต่ละทีก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะไม่อยากเอามาตั้งให้เปลืองพื้นที่และใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าที่คิด วันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะมาแนะนำ 6 ไอเทมที่ต้องมีติดห้องครัวคอนโด ช่วยให้สเปซห้องครัวมีประโยชน์และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

6 ไอเทมสำคัญสำหรับห้องครัวคอนโด

ส่วนของห้องครัวดูเหมือนไม่ได้เป็นส่วนที่สำคัญมากเท่าไหร่ในที่พักประเภทคอนโด แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่รักในการทำอาหาร และมองเห็นประโยชน์จากการเข้าครัวว่าเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยลดต้นทุนมื้ออาหารในแต่ละวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็ต้องห้ามพลาด 6 ไอเทมที่คุ้มค่า และควรค่าแก่การลงทุนไว้ในห้องครัวของคุณ ได้แก่

1. เครื่องดูดควัน

เรียกว่าเป็นไอเทมสำคัญอย่างแรกสำหรับห้องครัวคอนโด นั่นก็คือเครื่องดูดควันคอนโด ที่ช่วยกำจัดกลิ่นจากการประกอบอาหารภายในห้องได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดปัญหากลิ่นอาหาร กลิ่นควัน ที่ตกค้างอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์และพรมภายในห้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากต่อการทำความสะอาดในภายหลัง นอกจากนี้ยังลดปัญหากลิ่นอาหารที่อาจจะส่งกลิ่นรบกวนห้องอื่น ๆ ได้อีกด้วย

2. ไมโครเวฟ

เรียกได้ว่าปัจจุบัน Quick Meal เป็นอะไรที่คนในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้เพราะความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน การมีไมโครเวฟที่คุณภาพดี มีมาตรฐานชัดเจนสักเครื่องติดคอนโดไว้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ยิ่งในปัจจุบันนี้ไมโครเวฟมีการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ให้มากขึ้นรองรับการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันปรุงอาหารจานด่วน หรือโหมดอาหารย่าง ตั้งเวลาสำหรับทำอาหารได้ และมีระบบ safety ที่แน่นหนา จึงเป็นไอเทมจำเป็นที่ชาวคอนโดไม่มีไม่ได้

3. เตาไฟฟ้า

เตาไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่่งอุปกรณ์เครื่องครัวที่เข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลังมานี้เพราะความสะดวก ไม่ต้องจ่ายค่าใช้แก๊สหุงต้ม โดยเฉพาะในบ้านที่ทำอาหารรับประทานเองไม่บ่อย การซื้อแก๊สหุงต้มจึงดูเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเท่ากับเตาไฟฟ้าที่เพียงแค่เสียบปลั๊กก็พร้อมทำอาหารได้ทันที แต่ในการเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยเป็นหลัก จากมาตรฐานมอก.และความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ผลิต

4. ตู้เย็น

ใครว่าตู้เย็นไม่จำเป็นในยุคนี้อาจจะต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เพราะตู้เย็นช่วยให้ชาวคอนโดสามารถแช่ของสด ผักสด เนื้อสัตว์ ไว้สำหรับประกอบอาหารในแต่ละมื้อได้ และที่สำคัญคือการทำอาหารเองช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้ดีกว่าการซื้อ อีกทั้งยังสามารถแช่อาหารจากมื้อก่อนหน้าไว้อุ่นทานในมื้อถัดไปได้ด้วย มีไว้ชีวิตง่ายขึ้น!

5. ตู้กับข้าว

ตู้กับข้าวก็เป็นอีกไอเทมที่ชาวคอนโดควรมีติดครัว โดยอาจเลือกขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสมกับขนาดห้องหรือไลฟ์สไตล์ เพราะบางครั้งการเก็บอาหารไว้ในตู้แช่เย็นอย่างเดียวก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก การมีตู้กับข้าวดี ๆ สักหลัง จะช่วยให้การทำอาหารของคุณราบรื่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

6. ชั้นเก็บของ

แน่นอนว่าชาวคอนโดจะต้องประหยัดพื้นที่ที่มีในห้อง การทำครัวครั้งหนึ่งแล้วมีของวางระเกะระกะเต็มไปหมดทำให้การทำอาหารยากขึ้น บดบังความสวยงามของห้องครัว ดังนั้นการลงทุนกับไอเทมอย่างชั้นเก็บของสักชิ้นสองชิ้น ช่วยให้จัดเก็บสิ่งของได้เป็นระเบียบ แถมยังช่วยให้ห้องครัวดูสวยงามเป็นระเบียบขึ้นด้วย ไม่ว่าจะแบบตู้ใสหรือตู้ทึบ ก็เลือกได้ตามความเหมาะสม

สรุปบทความ

ด้วยความที่ชาวคอนโดมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจำกัด การเลือกอุปกรณ์หรือเครื่องใช้สำหรับห้องครัวคอนโด จึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก อย่างเครื่องดูดควันคอนโดคุณภาพมาตรฐานสากลจาก Tecnogas มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยกำจัดควันจากการทำอาหารด้วยเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน (Recirculating) ที่รับรองว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ไร้กลิ่นรบกวนและตกค้าง ถูกใจชาวคอนโดอย่างแน่นอน

10 เมนูอะโวคาโดง่าย ๆ ทั้งคาวและหวาน

10 เมนูอะโวคาโดง่าย ๆ ทั้งคาวและหวาน
ปัจจุบันนี้สายรักสุขภาพหลายคนหันมานิยมการรับประทานอะโวคาโด เพราะพบว่ามันคือผลไม้สารพัดประโยชน์ มีทั้งคุณค่าทางสารอาหาร ช่วยเสริมสร้างกรดโปรตีนที่มีประโยชน์ให้กับร่างกาย และยังมีความสามารถในการช่วยขจัดไขมันเลว และช่วยสร้างไขมันดีขึ้นมา แถมยังมีรสชาติมัน ๆ ทานเพลินและยังอยู่ท้อง ด้วยเมนูอะโวคาโดง่าย ๆ ทำได้ทั้งคาวและ หวานเพียงแค่มี เตาอบ หรือ เตาไฟฟ้า เท่านั้น

10 สูตรเมนูอะโวคาโด

โดยเมนูอะโวคาโดที่เรานำมาแนะนำจะผสมระหว่างเมนูอาหารคาวและเมนูของหวานจากอะโวคาโดสารพัดประโยชน์ รวมทั้งวัตถุดิบและวิธีทำ บอกเลยว่าง่ายมาก ทำตามได้ทุกเมนู

เมนูอะโวคาโดอบไข่

ลองเมนูอะโวคาโดอบไข่นี้เป็นมื้อเช้า นอกจากช่วยบำรุงสุขภาพให้ดีจากสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังมีรสชาติอร่อยละมุนลิ้น เหมาะกับทุกคน ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดีด้วย วัตถุดิบ
  • อะโวคาโดสุก
  • ไข่ไก่
  • พาร์เมซานชีส
  • ต้นหอม
  • พริกไทยป่น
  • น้ำมัน
วิธีทำ
  • หั่นแบ่งครึ่งอะโวคาโด ตัดช่องตรงกลางนิดหน่อยเพื่อใส่ไข่
  • ใส่ไข่ลงไปและเข้าเตาอบ 15-20 นาที
  • เมื่อครบเวลานำออกมาโรยด้วยพาร์เมซานชีส ต้นหอมซอย และพริกไทยป่น

อกไก่ย่างอะโวคาโด

เปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาให้มีความพิเศษด้วยเมนูอกไก่ย่างอะโวคาโดที่สายสุขภาพต้องลองได้กรดไขมันชนิดดี มีประโยชน์สองต่อ แถมรสชาติก็เข้ากันสุด ๆ วัตถุดิบ
  • อะโวคาโด
  • อกไก่ลอกหนัง
  • พริกไทย ⅓ ช้อนชา
  • เกลือ Low sodium
  • เลมอน
  • พาร์สลีย์
วิธีทำ
  • หมักอกไก่ด้วยพริกไทยและเกลือ
  • นำลงจี่บนกระทะที่ไฟกลาง
  • นำขึ้นบนจาน และหั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอดีคำราดลงบนอกไก่ย่าง
  • บีบเลมอนให้ทั่ว
  • โรยพาร์สลีย์ด้านบนเล็กน้อย ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

เบคอนพันอะโวคาโด

เมนูเบคอนแสนหอมชวนหิวก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอะโวคาโดที่เราขอแนะนำ รสชาติของเบคอนย่างเกรียมผสานกับเนื้ออะโวคาโดเป็นความลงตัวที่ละมุนลิ้นสุด ๆ  วัตถุดิบ
  • เบคอน
  • อะโวคาโด
  • พริกไทย
วิธีทำ
  • หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอเหมาะ
  • นำเบคอนมาพันรอบชิ้น
  • โรยพริกไทยเล็กน้อย
  • นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศา เป็นเวลาประมาณ 10 นาที

มูสอะโวคาโดช็อกโกแลต

อยากทานของหวานแต่ก็ไม่อยากรู้สึกผิดจะทำยังไงดี ขอแนะนำเมนูมูสอะโวคาโดช็อกโกแลตที่ทำง่าย แถมไม่ง้อน้ำตาลอีกด้วย อยากเฮลตี้ไม่จำเป็นต้องงดของหวานจนเครียด วัตถุดิบ
  •  ผงโกโก้
  • อะโวคาโด
  • วิปปิ้งครีม
  • น้ำผึ้ง
วิธีทำ
  • ผ่าและตักเนื้ออะโวคาโดลงชาม
  • เทน้ำผึ้งลงไป และผสมให้เข้ากัน
  • เติมผงโกโก้
  • เติมวิปปิ้งครีม คนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  • นำมากรองผ่านผ้าขาวบางจนเป็นเนื้อเนียน ๆ ใส่แก้วที่เตรียมไว้
  • แช่เย็น 5 นาที
  • โรยผงโกโก้ตกแต่ง พร้อมเสิร์ฟ

แซนด์วิชทูน่าอะโวคาโด

คิดไม่ออกบอกแซนด์วิช ! แนะนำเมนูอะโวคาโดแซนด์วิชที่เหมาะกับชั่วโมงเร่งรีบ ดูแลสุขภาพได้ทุกที่แถมยังช่วยให้อิ่มท้องได้ยาวนานด้วย วัตถุดิบ
  • ขนมปัง 
  • ทูน่าในน้ำแร่
  • อะโวคาโด
  • พริกไทย
วิธีทำ
  • ปิ้งขนมปังให้ร้อน
  • วางทูน่าลงบนขนมปังให้ทั่ว
  • หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นพอดีคำลงไป
  • โรยพริกไทยปิดท้าย ก็ได้แซนด์วิชแสนอร่อยแล้ว

ยำอะโวคาโดบด

ถ้าอยากจะเพิ่มความอร่อยที่สามารถทำได้ง่ายๆ ขอแนะนำยำอะโวคาโดบดที่นับว่าเป็นอาหารจานอร่อยที่มีความน่าสนใจไม่น้อย วัตถุดิบ
  • อะโวคาโด 
  • หอมใหญ่ 
  • ผักชี
  • มะนาวหรือเลมอน
  • กระเทียม
  • มะเขือเทศ
  • พริกป่น
  • เกลือทะเล
วิธีทำ
  • นำอะโวคาโดมาบดให้ละเอียดด้วยช้อนหรือส้อม 
  • ซอยหอมใหญ่ ผักชี กระเทียม และมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  • หั่นเลมอน 1 ซีก
  • ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ บีบเลมอน 1 ซีก จากนั้นใส่กระเทียมและผักชี
  • โรยพริกป่นเพิ่มรสชาติตามชอบ ตัดรสชาติด้วยเกลือทะเลนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

อะโวคาโดกุ้งค็อกเทล

มาถึงอีกหนึ่งเมนูอะโวคาโดที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย เต็มไปด้วยสารอาหารไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แปลกใหม่ แถมยังอร่อยถูกปาก วัตถุดิบ
  • อะโวคาโดสุก 
  • กุ้ง
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำมะนาว
  • เกลือป่น
  • ผักสลัด
วิธีทำ
  • นำกุ้งลวกแล้วคลุกน้ำมันมะกอกพักไว้
  • บดเนื้ออะโวคาโดจนเนียนละเอียด
  • เติมน้ำมะนาว เกลือป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  • ตักวางบนจาน ท็อปปิ้งด้วยกุ้งที่พักไว้
  • ตกแต่งจานด้วยผักสลัดตามชอบ

อะโวคาโดปั่นนมสด

พักจากของคาวมาเป็นเมนูเครื่องดื่มจากอะโวคาโดที่หลาย ๆ คนโปรดปราน โดยเฉพาะในวงการสายเฮลตี้ อะโวคาโดปั่นนมสดเป็นเมนูยอดฮิตเพราะนอกจากรสชาตินัวลิ้นแล้วยังได้ประโยชน์จากไขมันดีด้วย วัตถุดิบ
  • นมสดรสจืด 
  •  อะโวคาโด 
  • น้ำผึ้ง
  • เกลือป่น
วิธีทำ
  • ปอกอะโวคาโดคว้านเนื้อใส่เครื่องปั่น
  • เติมนมสด น้ำผึ้งและเกลือป่นครึ่งช้อนชา
  • ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน
  • สามารถแบ่งทาน หรือเก็บใส่ขวดปิดฝาแช่เย็นได้ 3-5 วัน

ขนมปังหน้าสลัดอะโวคาโดไข่ต้ม

ชื่อเมนูอาจฟังดูยาวแต่วิธีการทำนั้นไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นเมนูที่เหมาะกับการรับประทานในช่วงเช้า ช่วยให้อยู่ท้อง รสชาติดีแถมประโยชน์จากสารอาหารจัดเต็ม วัตถุดิบ
  • ขนมปังแผ่น
  • อะโวคาโด
  • ไข่ต้ม
  • มะเขือเทศ
  • ผักสลัด
  • น้ำสลัด
  • พริกไทยดำป่น
วิธีทำ
  • เริ่มด้วยการปิ้งขนมปังให้ร้อน
  • นำไข่ต้มสับละเอียด วางบนขนมปัง
  • หั่นอะโวคาโดเป็นชิ้น วางทับบนไข่ต้มอีกชั้นหนึ่ง
  • โรยพริกไทยป่นแต่งหน้า
  • จัดผักสลัดไว้ข้างกัน โรยอะโวคาโดและมะเขือเทศบนผักสลัดและราดน้ำสลัดทับอีกชั้นก็เสร็จพร้อมรับประทาน

ซุปอะโวคาโด

เชื่อไหมว่าอะโวคาโดสามารถเอามาประยุกต์ทำเป็นเมนูอะโวคาโดซุปได้ไม่ต่างจากผักหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ เลย แถมขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก ทานง่าย เหมาะกับทุกวัย วัตถุดิบ
  • อะโวคาโดหั่นชิ้นเล็ก
  • น้ำสต๊อกไก่ หรือน้ำสต๊อกผัก 2 ถ้วย
  • น้ำมะนาว
  • เกลือและพริกไทยป่น
  • พาร์สลีย์
วิธีทำ
  • พักน้ำสต๊อกไว้ในอุณหภูมิห้อง
  • เทใส่เครื่องปั่น เติมอะโวคาโดลงไปปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • เติมน้ำมะนาว เกลือ และพริกไทยป่นตามชอบ
  • โรยหน้าด้วยพาร์สลีย์ตักเสิร์ฟได้เลย

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าแค่เพียงผลไม้อย่างอะโวคาโดแค่อย่างเดียว ก็สามารถรังสรรค์เมนูอะโวคาโดออกมาได้นับสิบแถมยังหลากหลายสไตล์ แต่การลงมือทำอาหารจะง่ายหรือยากเครื่องครัวเองก็มีส่วน ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องครัว Tecnogas คุณภาพดี นำเข้าจากต่างประเทศ ยกระดับคุณภาพของอาหาร หรือการผัด ทอด ย่าง กระทะที่ได้มาตรฐานย่อมทำอาหารออกมาได้ดีกว่า เตาอบ และเตาไฟฟ้าจาก Tecnogas จะช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่าย อร่อยได้ในพริบตา    

ทำความรู้จักเนื้อวัวแต่ละส่วน ทำเมนูไหนโดนใจที่สุด

ทำความรู้จักเนื้อวัวแต่ละส่วน ทำเมนูไหนโดนใจที่สุด
เนื้อวัวเป็นหนึ่งในตัวเลือกประเภทโปรตีนที่ดีที่สุดของเมนูอาหาร คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเนื้อวัวนั้นไม่ใช่เมนูยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะ สร้างรสสัมผัสและความประทับใจให้กับนักชิมมานับไม่ถ้วน ซึ่งเนื้อวัวแต่ละส่วนจะมีความเหมาะสมที่จะนำไปปรุงในเมนูอาหารที่แตกต่างกันไป บางส่วนมีความนุ่มละมุนลิ้น ความสุกบางส่วนมีความเหนียว และบางส่วนสร้างรสชาติมหัศจรรย์ในบางระดับเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ท้าทายและน่าลิ้มลองอย่างแท้จริงสำหรับชาว  beef lover !

เนื้อวัวแต่ละส่วนมีอะไรบ้าง

เนื้อวัวที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ส่วน ซึ่งเนื้อวัวแต่ละส่วนจะเหมาะกับวิธีประกอบอาหารด้วยเตาอบ หรือเตาไฟฟ้าที่แตกต่างกันไป โดยชิ้นส่วนของเนื้อวัว มีดังนี้
  • เนื้อสันคอ (Chuck)
  • ซี่โครง (Rib Cut)
  • เนื้อสัน (Loin Cut)
  • เนื้อสะโพก (Round Cut)
  • เนื้อติดหน้าอก (Brisket Cut)
  • เนื้อติดกับขา (Shank)
  • เนื้อหน้าท้อง (Belly / Plate Cut)
  • เนื้อส่วนล่าง (Flank)

Chuck สันคอ

เป็นส่วนของวัวที่มีความหนาจากชั้นไขมันมากเป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น มีความนุ่มระดับปานกลาง การปรุงเนื้อที่มาจากส่วนของสันคอจึงเหมาะกับการปรุงแบบการค่อย ๆ ทำให้สุก เช่น การอบ หรือย่าง เพื่อเพิ่มความนุ่มละมุนและกลิ่นที่หอมจากการปรุงเพิ่มรสสัมผัสในการรับประทานได้ดี

Rib Cut ซี่โครง

เนื้อซี่โครงวัวเป็นส่วนที่มีความนุ่มละมุนลิ้นมาก เพราะเนื้อที่ติดซี่โครงนั้นจะมีไขมันติดอยู่ด้วย และยังเป็นส่วนหนึ่งของวัวที่เหมาะกับการปรุงด้วยการกรมวิธีการย่าง อบ รมควัน เมื่อรับประทานจะสัมผัสกับความหอมกลิ่นรมควันและรสชาติเนื้อที่นุ่มละมุน ทานง่าย มีความฉ่ำ จึงทำให้ซี่โครงเป็นส่วนยอดนิยมที่หลาย ๆ คนเลือกให้เป็นเมนูโปรด

Loin Cut เนื้อสัน

มาถึงส่วนเนื้อสันที่เรียกได้ว่าเป็นตัวหลักของการแสดงโชว์ก็ว่าได้ เพราะเนื้อสันนี้จะมีรสชาติที่อร่อยตราตรึง และมีราคาสูงกว่าส่วนอื่น โดยเนื้อสันนั้นได้รับความนิยมในการนำไปทำเมนูสเต๊ก อบ ย่าง สายปิ้งย่างชาบูต้องไม่พลาดอยู่แล้ว โดยเนื้อสันยอดนิยมแบ่งเป็น
  • Sirloin: เนื้อสันนอกติดมัน เหมาะกับการทำสเต๊กที่มีเนื้อชุ่มฉ่ำผสมมันละมุนลิ้น ทานง่าย
  • Tenderloin: เนื้อสันใน เหมาะกับการนำไปรับประทานในเมนูย่างหรือผัด แม้จะไขมันน้อยแต่เนื้อละมุนไม่แข็ง

Round Cut เนื้อสะโพก

เนื้อสะโพกพบได้บ่อยในเมนูสำหรับสายสุขภาพที่ต้องการเสริมโปรตีนดี ๆ จากเนื้อวัวชั้นเลิศ เพราะส่วนเนื้อสะโพกจะเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ทำให้ได้รับความนิยมในคนที่รักสุขภาพด้วย สามารถนำไปปรุงได้ทุกเมนูตามชอบ หรือจะนำไปทำเนื้อบดก็เหมาะสม

Brisket Cut เนื้อติดหน้าอก

เนื้อติดหน้าอก เนื้อใต้อก หรือที่ไทยเราเรียกติดปากกันว่าเนื้อเสือร้องไห้ แม้ว่าจะเป็นส่วนที่มีความเหนียวค่อนข้างมากแต่กลับเป็นส่วนที่มีความอร่อยเฉพาะตัวและได้รับความนิยมมาก เพราะว่าเมื่อเนื้อชนิดนี้ผ่านความร้อนด้วยการปรุงจะมีรสชาติที่เข้มข้น และมีความเหนียวนุ่มโดนใจสายเนื้อนั่นเอง

Shank เนื้อติดกับขา

เป็นอีกหนึ่งส่วนของวัวที่มีความเหนียวชวนเคี้ยว แถมเป็นส่วนที่มีเอ็นแทรก นิยมนำไปปรุงด้วยวิธีการที่ต้องผ่านความร้อนเป็นระยะเวลานานเพื่อช่วยให้ส่วนเนื้อที่เหนียวนั้นนุ่มขึ้น เช่น การนำเนื้อไปเคี่ยวทำแกงเนื้อแบบไทย เหนียวนุ่มเคี้ยวกรุบถูกใจสุด ๆ

Plate Cut/ Belly ส่วนหน้าท้อง

เนื้อท้องวัวเป็นเนื้อวัวส่วนที่มีไขมันค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับส่วนอื่น จึงเป็นที่นิยมในการนำไปทำน้ำสต็อกหรือทำเมนูตุ๋นเพื่อให้มันวัวแตกผสมกับซุปได้ความหอมมันอร่อยและกลิ่นหอม เคี่ยวจนเปื่อยและนำไปทานกับเมนูเส้นอย่างก๋วยเตี๋ยวก็เด็ดอย่าบอกใคร

Flank เนื้อส่วนล่าง

เนื้อส่วนล่างหรือเนื้อพื้นท้องเป็นเนื้อวัวส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น ๆ ไขมันน้อย จึงนิยมนำไปทำเมนูอาหารที่จะต้องใช้เนื้อวัวที่เป็นชิ้น ๆ โดยเนื้อส่วนนี้สามารถทำให้อร่อยได้ด้วยการนำไปหมัก ย่าง จะได้เนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินพร้อมรสชาติอร่อยโดนใจอย่างแน่นอน

สรุปบทความ

เนื้อวัวถือว่าเป็นโปรตีนที่มีความหลากหลาย ซึ่งเนื้อวัวแต่ละส่วนก็มีเทคนิคในการปรุงที่แตกต่างกันออกไป โดยการปรุงเนื้อวัวให้ออกมาสมบูรณ์แบบเทคนิคจะอยู่ที่การกำหนดเวลาในการปรุง รวมถึงการเลือกใช้เตาไฟฟ้า หรือ เตาอบที่มีคุณภาพ นำความร้อนได้ดีไม่มีสะดุด เช่น เตาแก๊สและเตาอบคุณภาพสูงจาก Tecnogas ที่ตอบโจทย์กับการทำอาหารมื้อพิเศษอย่างเนื้อวัว ด้วยการกระจายความร้อนอย่างทั่วถึง มั่นใจในมาตรฐานระดับสากล จะเมนูไหนก็อร่อยโดนใจได้ทุกมื้อ

แจก 7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก ถูกใจสายเฮลตี้

แจก 7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก ถูกใจสายเฮลตี้
หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินว่าวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลมากที่สุดก็คือการออกกำลังกายควบคู่กับการคุมอาหารในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะอาหารมื้อเย็นที่จะต้องจำกัดแคลอรีมากกว่ามื้ออื่น ๆ แต่ที่สำคัญคือห้ามอดอาหารไปเลยเพราะการอดไม่ช่วยให้ลด แถมส่งผลเสียต่อสุขภาพ เราเลยนำ 7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก ย่อยง่ายและไขมันต่ำมาแจกให้ไปลองทำตามกัน

7 เมนูมื้อเย็นลดน้ำหนัก

ลืมความคิดว่าลดน้ำหนักต้องกินแต่ผักสลัดไปได้เลย โดย 7 เมนูที่เรานำมานี้เป็นเมนูอาหารที่เหมาะกับสายเฮลตี้ที่รักการทานของอร่อย นอกจากเป็นมื้อเย็นลดน้ำหนัก ไขมันต่ำแล้ว ยังรสชาติดี มีวิตามินจากพืชผัก ปรุงง่ายด้วยเตาแก๊สอีกด้วย

1. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ

เมนูซุปยอดฮิตประจำบ้านที่ใคร ๆ ก็เคยทาน แต่รู้ไหมว่าแกงจืดเต้าหู้หมูสับเป็นเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ทำง่าย 1 ถ้วยมีพลังงาน 80 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ
  1. หมูสับ
  2. เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
  3. กระเทียม, พริกไทย, แครอท, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่าย และผักอื่นตามชอบ
  4. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  5. ซุปก้อนรสหมู
วิธีทำ
  1. คลุกเคล้าหมูสับกับซีอิ๊วขาวและพริกไทยให้เข้ากัน
  2. ใส่ซุปก้อนและกระเทียมลงหม้อต้มน้ำ
  3. ใส่หมูสับลงไปเมื่อน้ำเดือด
  4. ใส่แครอท ผักกาดขาว และเต้าหู้ไข่
  5. เมื่อวัตถุดิบสุก ใส่ขึ้นฉ่ายลงไป
  6. ปรุงรสเพิ่มนิดหน่อย ก็พร้อมรับประทาน

2. ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง

เมนูไข่ตุ๋นละมุนลิ้นก็ช่วยลดน้ำหนักได้ กับไอเดียไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ให้พลังงาน 160 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ
  1. ไข่ไก่ 4 ฟอง
  2. น้ำเปล่า 400 มล.
  3. ต้นหอมซอย
  4. หมูสับ หรือกุ้งขาว
  5. เห็ดหอมหั่น
  6. แครอทหั่นเต๋า 
  7. ซีอิ๊ว 
  8. พริกไทย
วิธีทำ
  1. ตอกไข่ไก่ใส่ลงถ้วย
  2. ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทย น้ำเปล่า และน้ำมันเล็กน้อย 
  3. ผสมให้เข้ากัน แล้วใส่แครอทหั่นเต๋า หมูสับลงไป
  4. เทไข่ไก่ที่ผสมแล้วลงถ้วยสำหรับนึ่ง
  5. นำเข้านึ่งประมาณ 25 นาที
  6. นำออกจากเตานึ่ง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมรับประทาน

3. ต้มยำกุ้งน้ำใส

เมนูโปรดคนไทยอย่างต้มยำกุ้งก็เป็นมื้อเย็นลดน้ำหนักได้ แถมความเปรี้ยวแซ่บยังเพิ่มรสชาติให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถ้วยนี้แค่ 77 กิโลแคลอรี่ วัตถุดิบ
  1. พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
  2. เห็ดฟาง
  3. มะนาว
  4. 4.น้ำปลา
  5. น้ำตาล
  6. กุ้งขาวตามชอบ
วิธีทำ
  1. ตั้งน้ำจนเดือด จากนั้นใส่พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปจนมีกลิ่นหอม
  2. ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำตาล
  3. ใส่กุ้งลงไป ตามด้วยเห็ดฟาง รอจนสุก
  4. ตักเสิร์ฟใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งเพิ่มสีสันชวนชิม

4. ลาบอกไก่

ลาบอกไก่คลีนรสแซ่บ เปรี้ยวนัวโดนใจ จัดเป็นอีกหนึ่งเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ตัดเลี่ยนได้ดี พลังงาน 200 กิโลแคลอรี  วัตถุดิบ
  1. อกไก่บด 150-200 กรัม
  2. ข้าวคั่ว
  3. พริกป่น
  4. 4.หอมแขก/หอมแดง
  5. ผักชีลาว หรือใบสะระแหน่
  6. มะนาว
  7. น้ำตาลและน้ำปลา
วิธีทำ
  1. ลวกอกไก่ในน้ำเดือดจนสุก
  2. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง รวนอกไก่ในกระทะกับน้ำลวกอกไก่พอขลุกขลิก
  3. ใส่พริก หอมแขก/หอมแดง ข้าวคั่ว ผักชีลาว/ใบสะระแหน่ น้ำปลาและมะนาวลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  4. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เท่านี้ก็พร้อมทานแล้ว

5. ต้มเลือดหมู

เมนูยอดฮิตอย่างต้มเลือดหมูร้อน ๆ กับข้าวสวย เป็นอีกหนึ่งเมนูมื้อเย็นลดน้ำหนักที่ทำได้ง่าย มีขั้นตอนและวัตถุดิบที่ไม่ยุ่งยาก เมนูนี้ 120 กิโลแคลอรี วัตถุดิบ 1.หมูบด 150 กรัม
  1. เลือดหมู 1 ก้อน
  2. ใบตำลึง
  3. ซุปก้อนรสหมู
  4. ซีอิ๊วขาว
  5. กระเทียมเจียว
  6. พริกไทย
  7. ซอสหอยนางรม
วิธีทำ
  1. เริ่มจากการหมักหมูบดกับพริกไทย ซอสหอยนางรม
  2. ตั้งน้ำพอเดือด ตักหมูบดใส่ลงไป
  3. ใส่ซุปก้อน ซีอิ๊วขาว หมั่นช้อนฟองออก
  4. หั่นเลือดหมูเป็นชิ้น นำไปลวกในน้ำเดือด
  5. เมื่อทานให้ตักน้ำซุปเติมใส่เลือดหมู พร้อมโรยกระเทียมเจียวเพิ่มความหอมน่ารับประทาน

6. ยำวุ้นเส้น

แน่นอนว่ายำก็เป็นอีกหนึ่งเมนูเส้นที่หลายคนโปรดปราน กับยำวุ้นเส้นรสแซ่บ แคลอรีต่ำ แค่ 120 กิโลแคลอรี่ ทำได้ง่าย ๆ  วัตถุดิบ
  1. วุ้นเส้น 100 กรัม
  2. หมูสับ 1 ถ้วย
  3. น้ำปลา 
  4. มะนาว 
  5. พริกซอย (ตามชอบ)
  6. ขึ้นฉ่าย
  7. ผักชี 
  8. มะเขือเทศ
  9. หัวหอมใหญ่
วิธีทำ
  1. ตั้งน้ำเดือดเพื่อลวกวุ้นเส้นให้นุ่ม ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำ
  2. ตั้งน้ำเดือด ใส่หมูสับลงไปรวนจนสุก
  3. ผสมน้ำยำด้วยน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ พริกตามต้องการ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
  4. ใส่หมูสับและวุ้นเส้นลงไปคลุกกับน้ำยำ เพียงเท่านี้ก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ

7. บะหมี่ผักน่องไก่นึ่ง

ใครที่เป็นสายเมนูเส้นต้องไม่พลาดเมนูนี้ ด้วยบะหมี่ผักที่มีประโยชน์และน่องไก่นึ่งหอม ๆ อร่อยได้แบบไม่ต้องรู้สึกผิด วัตถุดิบ 
  1. บะหมี่ผักลวก 1 ก้อน
  2. น่องไก่ 2 น่อง
  3. เกลือแบบโซเดียมต่ำ
  4. บรอกโคลี
  5. มะเขือเทศราชินี
  6. แครอท
  7. น้ำจิ้มสุกี้
วิธีทำ
  1. หมักน่องไก่ด้วยเกลือโซเดียมต่ำ 
  2. นำผักไปนึ่งประมาณ 5 นาที
  3. นึ่งน่องไก่ 15 นาที
  4. เมื่อวัตถุดิบสุกครบ นำมาจัดจาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสุกี้

สรุปบทความ

การทานมื้อเย็นลดน้ำหนักนั้นไม่จำเป็นจะต้องทานแต่เมนูผักสลัดทุกวัน สามารถรับประทานได้หลากหลาย เพื่อให้ไม่รู้สึกเบื่อ หรือเครียดจนเกินไป และที่สำคัญคือห้ามงดมื้อเย็นไปเลยเพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้แล้วยังส่งผลให้เกิดความเครียดตามมาอีกด้วย แต่ในการทำอาหารควรปรุงด้วยตัวเองเพื่อจะได้สามารถควบคุมวัตถุดิบให้พอเหมาะ เราขอแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องครัวที่มีคุณภาพอย่าง Tecnogas ที่ไม่ว่าจะเมนูไหนก็รับจบได้หมด ย่นระยะเวลาด้วยเตาแก๊สกำลังไฟแรงสูงแต่ปลอดภัย ทำความสะอาดง่าย ไม่ว่าจะเมนูไหนก็เอาอยู่

Follow Us

TEL. 02-274-3434
EMAIL : webmaster@sbo-brand.com

The Signature Brand Co., Ltd. 
771 Pracha Uthit Road, Samsen Nok,Huai Khwang District, Bangkok 10310